สืบทอดพระพุทธศาสนา….. ที่วัดราชาธิวาสวิหาร
เชิญชวนชมอารามนามราชา ทัศนาความงามตามธรรมชาติ
มีสถานรมณีย์ที่หยดหยาด บรรยากาศร่มเย็นเป็นสุขใจ
สนามหญ้าสวยสดเขียวขจี อีกมากมีต้นไม้ทั้งน้อยใหญ่
ตะเคียน ข่อย ประดู่ ทั้งต้นไทร สมอไทยไผ่ สน ต้นมะปราง
พิกุลหอมล้อมรอบอุโบสถ โพธิ์ใหญ่น้อยย้อยหยดสวยสล้าง
ต้นสะตือ มะขาม ตามรายทาง มีอยู่บ้าง มะเกลือ แล อบเชย
ทั้ง มะตูม ต้นจิก ไม้มะพลับ จำปา ขอมน้อมรับ จำปี เอ๋ย
มะขามป้อม ไม้จัน ชมได้เลย มะพูด เอ่ยที่นี่มีให้ดู
อีก กระเบา สาละ พุทธประวัติ ทั้งไทรดัด มะเดื่อ และ ชมพู่
ไม้รวงผึ้ง หมากแดง ไม้ก้ามปู ยังมีอยู่ ตับไก่ ต้นใหญ่โต
ต้นกุ่มบก ไม้หว้า กัดกาจริง กากทิ้ง ชะเมา ปาล์ม สูงโร่
ต้นเข็มยักษ์ เราก็พอมีโชว์ สอง ต้นโพธิ์ลังกา อินทนิล
หรือ สะเดามันปู หาดูได้ อโศก ไม้ตาเสือผลมีศิลป์
ต้นพญาสัตบรรณ ต้นควินิน ต้นกะถิน หุมรุยมัย และ ต้นยอ
สารภีมี อีก ไม้ตะแบก ใบเป็นแฉก ต้นตาล ลานไงพ่อ
ต้นมะฮอกกานี เร่ารั้งรอ ร่มดีหนอ แอปเปิ้ล ต้นลำใย
เถาว์ชะนูด เฟื้องฟ้า กระพังโหม ต้นลำดวน ชวนชม ลมพัดไหว
ราชพฤกษ์ รำเพย มะแพร้ว ไทย ขนุน ใหญ่ยังมี กรรณิการ์
ส่วนที่เหลือเชิญชมตามชอบใจ สุขสดใสได้โสมนัสสา
ออกซิเจนมีพออย่ารอรา ทัศนาได้สุขทุกท่านเทอญฯ
จากบทประพันธ์ของ พระราชกวี ต้นไม้ที่วัดราชาธิวาสวิหาร ….. พูดได้ทุกต้นค่ะ
วัดราชาธิวาสวิหาร เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งที่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์พัฒนาโดยพระบรมราชูปถัมภ์ จากพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรีมาโดยลำดับ เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในประเทศไทย และเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรีมาโดยตลอด มีสถานะเป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร และเป็นพระอารามหลวงฝ่ายธรรมยุต สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๐ และผูกพัทธสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐
ที่ตั้ง
เลขที่ ๓ ถนนสามเสน ๙ แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
เขตและอุปจาร วัดราชาธิวาสวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันออก (ฝั่งพระนคร) ห่างจากสนามหลวงสองกิโลเมตร ไปทางเหนือ
ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบ น้ำท่วมถึงเป็นบางส่วน มีถนนใหญ๋ผ่่านกลางวัด จากถนนสามเสนถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในบริเวณวัดมีเสนาสนะ ถนนเชื่อเสนาสนะ มีต้นไม้ ปกคลุมร่มรื่น มีเนื้อที่ ๓๔ ไร่ ๒ งาน ๖๓ ตารางวา
ทิศตะวันตก (ด้านหน้าวัด) จรดแม่น้ำเจ้าพระยา
ทิศตะวันออก (ด้านหลังวัด) จรดที่ธรณีสงฆ์ของวัด ถัดไปเป็นถนนสามเสน และสถาบันราชภัฏสวนสุนันทา
ทิศใต้ จรดคลองท่อ และท่าวาสุกรีและหอสมุดแห่งชาติ
ทิศเหนือ จรดคูคลองจากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงถนนสามเสน (คลองวัดราชา) ถัดไปเป็นโรงเรียนเซ็นต์คาเบรียลและบ้านญวน
ประวัติ วัดราชาธิวาสวิหาร เดิมชื่อ วัดสมอราย สร้างเมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๐ เดิมเป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี (วัดป่า) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามใหม่ว่า วัดราชาธิวาสวิหาร ด้วยทรงปรารภว่า เจ้านายผู้ใหญ่ในพระบรมราชจักรีวงศ์หลายพระองค์ ทรงพระผนวชแล้วเสด็จมาบำเพ็ญสมณธรรม ณ วัดนี้ รวมทั้งพระองค์เองด้วย
พระอุโบสถ พระอุโบสถวัดราชาธิวาสวิหารหลังเดิมชำรุดถูกรื้อไปและสร้างใหม่ในที่เดิม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อแล้วสร้างใหม่ เป็นอาคารทรงขอมศิลปะปูนปั้น เริ่มสร้างช่วง พ.ศ. ๒๔๕๐ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ทรงออกแบบ ถือว่าเป็นพระอุโบสถที่สวยงามมาก มีหลังเดียวในประเทศไทย
พระประธานในพระอุโบสถ ภายในพระอุโบสถแบ่งเป็น ๓ ตอน ตอนหน้า เป็นห้องพัก ตอนกลางเป็นส่วนสำหรับประกอบศาสนกิจ ตอนหลังเป็นห้องพระประธาน มี ๒ องค์
พระสัมพุทธวัฒโนภาส คือองค์ที่ประดิษฐานอยู่ห้องหลังเป็นพระประทานเดิม เป็นศิลปะปูนปั้น สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้นมีพระนามว่า พระสัมพุทธวัฒโนภาส ส่วนพระประธานประจำห้องกลางเป็นพระพุทธรูปหล่อ เนื้อทองเหลือง เป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ รัชกาลที่ ๔ มีพระนามว่า พระสัมพุทธพรรณี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จำลองสร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่ย้ายไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (ประดิษฐาน ณ ด้านหน้าพระแก้วมรกต และได้รับการประกาศให้เป็นโบราณวัตถุสำคัญของชาติ)
ที่ยอดซุ้มเรือนแก้วมีตรา พระราชลัญจกรของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ๕ พระองค์ คือ
๑. องค์กลางด้านบนสุดเป็นตราพระราชลัญจกร รัชกาลที่ ๑
๒. รองลงมาองค์ขวาเป็นตราพระราชลัญจกร รัชกาลที่ ๒
๓. รองลงมาองค์ซ้ายเป็นตราพระราชลัญจกร รัชกาลที่ ๓
๔. รองลงมาองค์ขวาเป็นตราพระราชลัญจกร รัชกาลที่ ๔
๕. รองลงมาองค์ซ้ายเป็นตราพระราชลัญจกร รัชกาลที่ ๕
จิตกรรมฝาผนัง จิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถวัดราชาธิวาสวิหาร เป็นภาพวาดเรื่อง เวสสันดรชาดก ๑๓ กัณฑ์ สมเด็จฯ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงออกแบบ วาดโดยท่านศาสตราจารย์ ริโกลี ชาวอิตาเลี่ยน ผู้ที่วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งอนันตสมาคม วาดด้วยสีเฟรสโก มีความสวยงามมาก
ศาลาการเปรียญ ศาลาการเปรียญวัดราชาธิวาสวิหาร เป็นอาคารที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยไม้สักทองทั้งหลังและสร้างพร้อมๆ กับพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญหลังนี้เคยได้รับยกย่องว่าเป็นอาคารที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ ที่สวยงามที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในศาลาการเปรียญใช้ประกอบศาสนกิจเป็นประจำมีบุษบกและยานมาสน์ที่ใช้สำหรับนั่งแสดงธรรมและสวดรับเทศน์ ปัจจุบันเป็นเป็นโบราณวัตถุ
พระตำหนักพระบาทสมเด็จระจอมเกล้าฯ พระตำหนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของวัด อายุประมาณ ๑๕๐ ปี สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับสมัยที่ทรงผนวชอยู่และเสด็จจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๖๕ – ๒๓๗๕ อาคารนี้คู่กับหอไตร ซึ่งอยู่ด้านหลังพระตำหนัก เป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ ฝาปกนไม้สักทอง ปัจจุบันใช้เป็นหอพระ สำหรับพระพุทธรูปเก่าแก่ของวัด หรือพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปของวัด
พระตำหนักสมเด็จพระพันปีหลวง
พระตำหนักสมเด็จพระพันปีหลวง หรืออีกชื่อหนึ่งคือ พระตำหนักพญาไท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ย้ายจากพระราชวังพญาไท มาปลูกไว้ที่คณะใต้ วัดราชาธิวาสวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ เป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้สองชั้น ศิลปะผสมไทย-ยุโรป ซึ่งเคยเป็นที่ประทับประจำของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายในพระำตำหนักชั้นบนแบ่งเป็นห้องใหญ่ ๔ ห้อง ห้องเล็ก ๓ ห้อง พื้นไม้ เคยเป็นที่เก็บสิ่งของมีค่าและโบราณวัตถุของวัด ที่ปัจจุบันได้ขนย้ายไปเก็บไว้ที่อาคารพิพิธภัณฑ์มหาราชานุสรณ์ รัชกาลที่ ๔
พระตำหนักสี่ฤดู
พระตำหนัก ๔ ฤดู เป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่เป็นแบบตึก สร้างขึ้นโดยจำลองพระตำหนัก ๔ ฤดู ในวังสุโขทัย ที่รื้อออกไป มีวัสดุที่นำมาประกอบได้เพียงประตูและหน้าต่างเท่านั้น เดิม สถานที่นี้ เป็นสระน้ำ และภายในสระน้ำมีหอไตร จำเป็นต้องย้ายหอไตรไปอยู่อีกแห่งหนึ่ง
หอไตร โดยปกติ หมายถึงสถานที่เก็บพระคัมภีร์พระไตรปิฏก แต่ปัจจุบันไม่ค่อยได้ประโยชน์ ตามความหมายนั้น หอไตรที่วัดราชาธิวาสวิหาร ก็เช่นเดียวกัน คือไม่ไ้ด้เป็นที่เ็ก็บพระไตรปิฏก เพียงแต่เป็นอาคารที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้
อาคารพิพิธภัณฑ์มหาราชานุสรณ์ รัชกาลที่ี ๔
อาคารพิพิธภัณฑ์มหาราชานุสรณ์ รัชกาลที่ ๔ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง ๙ เมตร ยาว๔๕ เมตร สูง ๒๒ เมตร ๓ ชั้น วัดราชาธิวาสวิหารสร้างขึ้นเพื่อเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ เก็บรวบรวมโบราณวัตถุและสิ่งของมีค่าของวัด เริ่มสร้าง พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อร่วมฉลอง ๒๐๐ ปี แห่งการพระราชสมภพ รัชกาลที่ ๔ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และเสด็จทรงประกอบพิธีเปิดป้าย เมื่อ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ปัจจุบันเปิดเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์สมบูรณ์้้้เพื่อให้ผู้สนใจเข้าชมและศึกษาได้
ที่วัดราชาธิวาสวิหาร… แหล่งเรียนรู้
นอกจากจะมีโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ยังมีการสอนธรรมะ มีการสอนภาษาบาลี ธรรมศึกษา และการศึกษาพระอภิธรรม และการฝึกอาชีพ การไหว้พระสวดมนต์ การปฏิบัติธรรม สำหรับนักเรียน นักศึกษาและผู้สนใจ
ในทุกวันเวลา ๘.๐๐ น. มีการทำวัตรเช้าที่พระอุโบสถ
เวลา ๑๗.๐๐ น. ทำวัตรเย็น และสวดปาติโมกข์ ทุกวันพระ
ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ ยังเป็นสถานที่เรียนรู้ของผู้ที่สนใจใฝ่ธรรม
มุมหนังสือของวัดที่สามารถไปช่วยจัดและอ่านบ้าง ตามโอกาส
เชิญชวนทุกท่านที่มีจิตเป็นกุศล ได้แวะเวียนมาเที่ยวทางธรรม และ ศึกษาพระธรรมคำสอน และทำบุญตามกำลังศรัทธาค่ะ อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศร่มรื่น เจ้าอาวาสท่านเมตตา เกิดมาโชคดีในชีวิต เจ้าอาวาส… พูดว่า ขอบใจ… ที่ทำเสนาสนะ ให้สะอาดอยู่เสมอ…. สาธุ นึกถึงบุญครั้งใด หัวใจอิ่มเอิบ พองโต ปิติสุขอยู่เสมอ