Happy New Year…ASEAN
Cr. ภาพประกอบจาก http://newyearseveblog.com/destinations-south-east-asia/
สวัสดีปีใหม่ภาษาอาเซียน
ประเทศไทย : สวัสดีปีใหม่
ประเทศบรูไนดารุสซาลาม, สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย : Salamat Tahun Baru (เซอ ละ มัท ตา ฮุน บา รู)
ประเทศกัมพูชา : Chaul Chnam Thmey (ซัวซะเดย ชะนำทะไม)
ประเทศลาว : สะบ๋ายดี๋ปี๋ใหม่
ประเทศเมียนม่าร์ : Mingala Nit Thit Pa (เมงกะลา นิ้ ติ้ ป่า)
ประเทศฟิลิปปินส์ : Manigong Bagong Taon (มะนิกง บะกง ทะอง)
ประเทศเวียดนาม : Chúc mừng năm mới (จุ๊ก หมิ่ง นัม เหมย)
วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี ตามธรรมเนียมสากลนิยมในทั่วโลก นับกันว่าเป็นการย่างเข้าสู่การเริ่มต้นศักราชใหม่
แต่ละประเทศต่างจัดให้มีการเฉลิมฉลองมากบ้าง น้อยบ้าง รวมทั้งประเทศต่างๆ ในอาเซียน
ซึ่งต่างก็มีการจัดงานเทศกาลปีใหม่ในแบบฉบับของตนเอง เช่น
ประเทศบรูไนดารุสซาลาม จะเริ่มต้นฉลองเทศกาลปีใหม่ตามธรรมเนียมของเขาด้วยการเล่นกีฬาต่างๆ เช่น
เทนนิส กอล์ฟ สควอซ ดำน้ำ โบว์ลิ่ง การพายเรือคายัค ตลอดไปจนการเล่นวินเซอร์ฟ
เพื่อต้อนรับวันปีใหม่ที่จะมาถึงในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองด้วยดอกไม้ไฟ
ครอบครัวและเพื่อนสนิทมิตรสหายจะมารวมกัน มอบความสุขและของขวัญให้กันและกัน
เช่นเดียวกับการฉลองคริสมาสต์ในวันที่ 25 ธันวาคม อันเป็นธรรมเนียมสากลในทุกมุมโลก
ในประเทศสิงคโปร์ดินแดนซึ่งมีที่ดินอันเป็นมรดกล้ำค่า
มีการต้อนรับวันปีใหม่ด้วยการเฉลิมฉลองอย่างเอิกเกริก แทบจะทุกตารางนิ้วของเกาะเล็กๆ
ซึ่งมีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 2 ของโลกนี้จะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ และดอกไม้ไฟอันตระการตา
ตลอดจนการจัดงานปาร์ตี้ การชมการแสดงในสถานที่ต่างๆ
ซึ่งผู้คนให้ความนิยมอย่างหนาแน่นตลอดระยะเวลาการเฉลิมฉลอง
สำหรับประเทศอินโดนีเซียความสุขในการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า
สถานบริการต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในเขตเมืองมักจะนำเสนอความบันเทิง
การแสดงดนตรี พร้อมอาหารมื้อพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองในหมู่ครอบครัว พี่น้อง และเพื่อนฝูง
โดยมีดอกไม้ไฟเป็นจุดสนใจที่สำคัญในวันส่งท้ายปีเช่นกัน
ส่วนในประเทศมาเลเซียนั้นแม้จะไม่มีหิมะตกเช่นประเทศในเมืองหนาวให้เฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส
แต่กรุงกัวลาลัมเปอร์หรือที่มักเรียกกันว่า KL มหานครแห่งประเทศมาเลเชีย
ก็ดูจะมีสีสรรด้วยแสงสีสว่างไสวระยิบระยับไปทั่วเมือง สมดังนิยาม “สวนสวรรค์แห่งแสงสี”
ถนนหนทางต่างๆ จะเรียงรายไปด้วยแสงไฟนางฟ้าอันสดใส บรรดาห้างสรรพสินค้าน้อยใหญ่
ต่างนำสินค้ามาเสนอขายในราคาที่สร้างแรงดึงดูดในการช้อปปิ้งได้อย่างคึกคัก
นอกจากธรรมเนียมปีใหม่ตามสากลนิยมแล้ว กลุ่มอาเซียนในแต่ละประเทศ
จะมีวันปีใหม่ตามธรรมเนียมนิยมเดิมของตนเองที่ปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนาน
ควบคู่ไปกับวันปีใหม่ตามแบบสากล กล่าวคือ
ประเทศที่อยู่ในแถบร้อน เช่นประเทศไทยและเพื่อนบ้านบางประเทศ คือ
กัมพูชา ลาว และพม่า มีวันปีใหม่ คือ วันสงกรานต์ในช่วงกลางเมษายน
ซึ่งวันสงกรานต์ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีที่คล้ายคลึงกัน คือ
การทำบุญ สรงน้ำพระ เล่นน้ำ ตลอดจนการทำความสะอาดบ้านเรือน
โดยไทยนับวันที่ 13 เมษายน เป็น “วันสงกรานต์”
ในประเทศลาว หรือ “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” จัดในช่วงใกล้ๆ กับไทย
คือ วันที่ 14 -16 เมษายน เป็น “วันกุดสงกรานต์”
โดยวันแรกคือ “วันสังขารล่วง” ชาวบ้านจะทำความสะอาดบ้านเรือน
มีพิธีปักกองเจดีย์ทรายริมแม่น้ำโขง ตกเย็นมีการลอยกระทง
วันที่ 2 คือ “วันเนา” ถือเป็นวันครอบครัวญาติพี่น้องจะมารวมตัวกัน
เพื่อบายศรีสู่ขวัญให้แก่ผู้อาวุโส มีการแห่รูปหุ่นเชิดปู่เยอ ย่าเยอ และสิงห์แก้ว สิงห์คำ
และวันสุดท้ายคือ “วันสังขารขึ้น” ถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่มีหลายกิจกรรมที่คล้ายไทย เช่น
การทำบุญ สรงน้ำพระพุทธรูป และการแห่นางสังขาร หรือนางสงกรานต์
นอกจากนี้มีการบายศรีสู่ขวัญ อวยพรซึ่งกันและกัน
ส่วนในประเทศเมียนม่าร์ หรือที่เราคุ้นเคยว่าพม่านั้น มีวันสงกรานต์ เรียกว่า “เหย่บะแวด่อ”
โดยถือเอาเดือนเมษายนซึ่งเป็นต้นฤดูร้อนเป็นการเริ่มศักราชใหม่ เรียกว่า “เดือนดะกู”
ปัจจุบันรัฐบาลพม่าประกาศให้เป็นวันหยุดแห่งชาติถึง 10 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน
สงกรานต์ของพม่ามีขนมต้ม และดอกประดู่ หรือ ปะเด้าก์ เป็นสัญลักษณ์ประจำเทศกาล
สงกรานต์ในพม่านั้นเดิมก็เช่นเดียวกับไทย คือ มีการเข้าวัดทำบุญ
มีการเล่นน้ำกันอย่างสุภาพโดยประพรมน้ำจากขันเงินด้วยไม้มงคลคือใบหว้า
แต่ระยะหลังเริ่มมีการเล่นสาดน้ำรุนแรงทางการจึงสั่งห้ามเด็ดขาด
โดยกำหนดโทษหนักถึงจำคุกและพบว่ามีผู้ทำผิดถูกประจานทางหนังสือพิมพ์
บอกถึงชื่อพ่อแม่ให้รับรู้ทั่วประเทศกันเลยทีเดียว
สำหรับวันสงกรานต์ในประเทศกัมพูชา เรียกว่า “โจลชนัมทเมย”
ซึ่งรัฐบาลกัมพูชากำหนดให้จัดขึ้นในต้นฤดูเก็บเกี่ยวราววันที่ 13-15 หรือ 14-16 เมษายนของทุกปี
มีกิจกรรมต่างๆ คล้ายกับไทยเช่นกัน คือ วันแรกเป็นวันทำบุญมีการตักบาตร ขนทรายเข้าวัด
เพื่อเตรียมก่อเจดีย์ วันที่สองเป็นวันครอบครัวลูกๆ จะอยู่กับพ่อแม่
อาจจะมีการให้เงินหรือซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เป็นของขวัญวันขึ้นปีใหม่แก่กัน
ช่วงค่ำจะร่วมกันก่อพระเจดีย์ทราย ส่วนวันที่สามมีการละเล่นรื่นเริงต่างๆ เช่น
โยนสะบ้า การสรงน้ำพรพุทธรูป และรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว
ส่วนในประเทศเวียตนาม ราวปลายเดือนมกราคม ถึงต้นกุมภาพันธ์
ประมาณวันที่ 23 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของเวียดนาม
หรือราวก่อนเทศกาลตรุษจีน 1 วัน จะมีประเพณีตรุษญวน คือ เต๊ดเหวียนด่าน (Tet Nguyen Dan)
มีความหมายว่าเทศกาลวันต้นปีใหม่ และมักเรียกสั้นๆ ว่า เต๊ด
ซึ่งชาวเวียตนามจะมีธรรมเนียมไปทำความสะอาดและคารวะหลุมศพของบรรพบุรุษ
ในประเทศอินโดนีเซีย วันปีใหม่ของชาวฮินดูที่อาศัยอยู่บนเกาะบาหลี คือ วันนีเยปิ (Nyepi) หรือเรียกว่าวัน “เข้าเงียบ” ตามความหมาย
ของคำ ที่หมายถึงวันแห่งความเงียบ ในวันดังกล่าวเกาะทั้งเกาะจึงตกอยู่ในความเงียบสงัด ด้วยผู้คนบนเกาะจะงดทำกิจกรรมทุกอย่าง
ไม่เดินทาง ไม่ก่อไฟประกอบอาหาร ไม่ประกอบพิธีใดๆ งดการละเล่นสนุกสนานรื่นเริงทุกอย่าง โดยจะบูชาเทพต่างๆ ในวันก่อนหน้า
และประกอบพิธีไล่สิ่งชั่วร้ายจากบ้านที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ในแต่ละปีจะไม่สามารถระบุวันปฏิทินของเทศกาลได้ชัดเจนเนื่องจากต้องยึด
วันตามจันทรคติ ซึ่งไม่ตรงกับตามปฏิทินสากล
ส่วนในสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งมีผู้คนหลากเชื้อชาติอาศัยร่วมกัน
จะมีประเพณีปีใหม่ของชนชาติ คือ ชาวฮินดูที่มีเชื้อสายอินเดียในมาเลเซียจะถือวันขึ้นปีใหม่
ในวันติวาลี (Diwali) หรือ ตีพาวลี (Deepavali) ราวเดือนตุลาคม หรือ พฤศจิกายน
ส่วนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในหมู่บ้านตาเซะ อำเภอฮูลูเปรัค รัฐเปรัค
จะจัดงานตรงกับวันสงกรานต์ มีการทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ
การรดน้ำขอพรจากคุณพ่อคุณแม่ ญาติพี่น้องและผู้ใหญ่ที่เคารพ
และสำหรับวันปีใหม่ของชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนมาก
เป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่มเชื้อชาติหลักในมาเลเซีย และเป็นเชื้อชาติหลักในสิงคโปร์
ซึ่งเป็นประเทศเล็กที่สุดและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในภูมิภาค
โดยข้อมูล ณ วันที่ 1 มีนาคม 2556 มีจำนวนประชากรประมาณ 5,543,494
เป็นชาวจีนถึง 76% อันดับรองคือชาวมาเลย์มีจำนวน 13.7%
ทั้ง 2 ประเทศนี้ จึงมีเทศกาลซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปีใหม่เช่นเดียวกับ
ชาวไทยเชื้อสายจีนในหลายๆ ประเทศ คือ วันตรุษจีน
สำหรับวันขึ้นปีใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ ผู้คนจะรวมตัวกันในวันที่ 31 ธันวาคม
ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเพื่อเฉลิมฉลองมื้อเที่ยงคืนที่เรียกกันว่า Media Noche
เขาจะร่วมต้อนรับการมาถึงของปีใหม่ด้วยการจุดดอกไม้ไฟ การทำเสียงดังๆ
เพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้ายตามความเชื่อแบบจีน
ผู้สูงอายุมักจะกระตุ้นให้เด็กๆ ตื่นเพื่ออยู่ข้ามเวลาเที่ยงคืนของปีเก่าเพื่อให้พวกเขาตัวสูงเมื่อเติบโตขึ้น
ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากมีความเชื่อเรื่องการประดับประดาด้วยผลไม้ทรงกลม 12 ชนิด
และการสวมใส่เสื้อผ้าที่มีลายจุดซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเงิน
และยังเชื่อว่าการเปิดประตู หน้าต่างทุกบานเวลาเที่ยงคืนจะทำให้ได้รับความโชคดี
นอกจากนี้ครอบครัวชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากยังร่วมอ่านพระคัมภีร์คริสเตียน
พร้อมทั้งเข้าร่วมพิธีมิสซาตามแบบชาวคริสต์คาทอลิกที่โบสถ์ในเวลาเที่ยงคืน
การผสมผสานศาสนาและความเชื่อทางไสยศาสตร์ในการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่นั้น
จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับชาวฟิลิปปินส์
ชาวมุสลิมในบรูไน ถือเอาวัน Hari Raya Aidil-Fitri หรือ หรือวันฮารีรายอ เป็นวันเริ่มศักราชใหม่
โดยจะเฉลิมฉลองด้วยการเปิดบ้านต้อนรับญาติสนิท มิตรสหาย ผู้ที่รู้จักคุ้นเคยและบุคคลต่างๆ
เข้าพบปะพูดคุย เยี่ยมเยียนและรับประทานอาหารตลอดเกือบทั้งเดือน
โดยถือเป็นการทำบุญประจำปีหลังจากถือศีลอดเพื่อชำระล้างจิตใจและร่างกายมานาน 1 เดือน
———————
ขอบคุณที่มาข้อมูล:
http://flash-mini.com/asian/national/เชื้อชาติประเทศอาเซียน.html
HTTP://SINGAPORENYE.COM/
http://th.aectourismthai.com/tourismhub/1124#
http://www.aecnews.co.th/aec/read/1018
http://www.dek-d.com/studyabroad/30675/
http://www.iexplore.com/travel-guides/south-and-southeast-asia/brunei-darussalam/festivals-and-events
http://www.komchadluek.net/detail/20130413/156002/สงกรานต์สายน้ำแห่งอาเซียน.html
http://www.kuala-lumpur.ws/festivals.htm#
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000036224
http://www.uasean.com/travel/2326
https://en.wikipedia.org/wiki/New_Year%27s_Eve#Indonesia
https://praneearamdilokratblog.wordpress.com/
https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศสิงคโปร์