Campus Bike Tour ปั่น…ปันเรื่อง
ก่อนล้อหมุน
เมื่อต้นเดือนสิงหาคม คุณสมปองหัวหน้าหอสมุดฯ
เชิญบรรดาแกนนอนไปร่วมหารือแจ้งเรื่องงานเปิดบ้านของมหาวิทยาลัย
ซึ่งหอสมุดจะจัดกิจกรรมเข้าร่วม โดยคุณสมฯ ในฐานะเจ้าแม่โปรเจค
เธอนำเสนอ concept ที่คิดมาหลายต่อนให้ช่วยกันต่อเติม
อิฉันรับต่อนเรื่องปั่นจั๊กในทับแก้วมา
เมื่อได้โจทย์มาเป้าที่พุ่ง คือ อาคารเก่า อาคารที่น่าสนใจ
ที่หมายตาแรกแน่นอน คือ เรือนพระกรรมสักขี และเรือนพระสุรภี
ซึ่งเป็นเรือนไม้เก่าสมัยรัชกาลที่ 6 ในทับแก้ว ที่อยู่ระหว่างการบูรณะจวนแล้วเสร็จ
ระหว่างเล็งเป้าสิ่งปลูกสร้างก็เล็งเส้นทางไปพลาง
ระหว่างระยะวนไกลรอบมหาวิทยาลัยกับรอบใกล้พับครึ่งแค่สระแก้ว
เมื่อเป้าระยะทางเริ่มชัดก็ต้องหาข้อมูลจุดที่น่าสนใจไปพร้อม
งานจดหมายเหตุฯ จึงเป็นเป้าต่อไปที่ต้องเล็งน้องนก…วิไลรักษ์ จึงรอดยาก
และทุกครั้งที่พี่ขอน้องก็จัดให้ไม่ผิดหวัง เพียงข้ามวันข้อมูลที่ต้องการส่งตรงมาถึงมือ
บางส่วนมีรายละเอียดครบถ้วนจนเกินใช้ แต่อีกบางส่วนก็สั้นจนใจหาย
จำต้องหาเพิ่มในแหล่งที่คิดว่าน่าจะเป็นคลังข้อมูลบุคคลเพิ่มเติม
เริ่มที่อาคารไม้เก่าที่โสตฯ ส่วนกลางเคยใช้ ประเมินแล้วอาวุโสร่วมสมัยก็น่าจะเป็นพี่บุญส่ง แย้มพราย
ส่วนอาคารวชิรมงกุฎจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก อ.สกุล บุณยทัต หรือ อาจารย์หนูของเหล่าลูกศิษย์
ระหว่างนั่งปั้นข้อมูล สโนว์ไวท์ก็นัดแนะทีมงานทั้ง 7 ชีวิตไปปั่นนำร่อง ดูเรี่ยวแรง ป้าๆ น้าๆ ว่าไหวอ๊ะป่ะ
ส่วนอิฉัน…ถือโอกาสแว๊นนนแมงกาไซด์นำทีม เพราะนอกจากจะต้องซ้อนป้าสุนีย์ด้วยป้าไม่ถนัดปั่นจั๊กแล้ว
พอถึงวันจริง อิฉันกะป้าก็พากันวิ่งแซงหน้าคณะปั่นเพื่อไปดักถ่ายภาพระหว่างทางมาให้เชยชม
กว่าจะเป็นแผ่น…มานั่งพับ
หลังสำรวจเส้นทางเป็นที่เรียบร้อย ก็ต้องมาขมักเขม้นปลุกปล้ำแผ่นพับเส้นทาง
ด้วยความเชี่ยวชาญและศิลปะประจำตัวอันมีอยู่น้อยนิด สิ่งที่ทำได้ ใช้เป็น จึงต้องงัดแงะมา
เริ่มจากการหาผังเส้นทางของวิทยาเขต จะหาที่ไหน กุเกิ้ลสรณังเป็นที่พึ่งได้เสมอ
หลังจากเพียรหาอยู่หลายตลบ ได้พบแผนผังเกินบ้าง ขาดบ้าง ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง
สุดท้ายก็มาลงตัวที่ผังงานรับปริญญาปี 2556 แต่ผังดูออกจะแน่นขนัด
จึงต้องใช้วิทยายุทธ์อันมีอยู่จำกัดน้อยนิดไปกำจัดสิ่งที่ไม่ต้องการออก
ด้วยยางลบของโปรแกรมโนเน๊ะพื้นๆ ที่อิฉันจับต้องได้ คือ paint Brush
ได้ผังพึงใจโล่งๆ มาประมาณหนึ่ง ทีนี้ก็ถึงคราวข้อมูลที่จะสื่อสาร
อย่ากระนั้นเลยหาภาพที่เป็นตัวแทนสื่อถึงอาคาร สิ่งปลูกสร้าง รวมอนุสาวรีย์ปูชนียบุคคลดีกว่า
เมื่อพบและคัดสรรอย่างที่พึงใจแล้ว ภาพที่ได้มีทั้งภาพการ์ตูน ภาพจริง
จึงต้องนำมาผ่านกระบวนการจัดการให้ละม้าย คล้ายๆ ไม่โดดไปจากกัน
เทคนิควิทยาประถมวัยของอิฉันก็เลือกเอาโปรแกรม photo scape มาช่วยจัดการ
ถึงเวลานำภาพที่จัดเตรียมไว้มาประกอบร่างลงในผังที่ทำเตรียมรอไว้
และขีดๆ เขียนๆ ตัวหนังสือ (อันที่จริงพิมพ์) เสร็จสรรพ
ได้ต้นฉบับสวยงามมาประมาณหนึ่ง เสร็จทันเสนอเมื่อประชุมติดตามงานพอดี
แต่ด้วยความที่คุณสมฯ แอบจีบน้องๆ ที่ถนัดวาดภาพไว้แล้ว
จึงได้นำต้นแบบให้น้องไปดัดแปลงเปลี่ยนเป็นสไตล์ลายเขียน…ก็ดูดีไปอีกแบบ
เรื่องเล่าระหว่างวงล้อ
งานเปิดบ้านครั้งนี้มีเวลาเตรียมจวนเจียนมากกว่าครั้งก่อนประมาณสัปดาห์เศษ
อิฉันจึงกระจายภาระบางส่วนนอกเหนือจากข้อมูลหลักให้พี่น้องในทีมงานคนแคระทั้ง 7 ร่วมด้วยช่วยกัน
ป้าจุ๋มอาสาประสานติดต่ออาคารหมวกนิรภัย อาคารที่อิฉัน และเชื่อว่าอีกหลายท่าน
แทบจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตของผู้คนที่ทำงานอยู่ในอาคารนี้เลย หรือมีก็เพียงน้อยนิด
นอกจากนี้ยังผลักใสให้ป้าประสานเรื่องจักรยานที่ต้องหยิบยืมจากลุงๆ ป้าๆ มาชำระล้างก่อนปั่น
ส่วนพี่จุ๋มเกณฑ์ท่านใดบ้างอิฉันไม่ทราบ แต่ก็ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง…ที่ร่วมแรง ร่วมใจ
ส่วนป้าเกอาสาประสานงานทั่วไปตามแต่อิฉันจะไหว้วาน พร้อมรับมอบอาคารหอสมุดกับอาคารมล.ปิ่นฯ ไปดูแล
ท่านอื่นๆ ทำหน้าที่แตกหน่อ แต่งใบ ข้อมูลที่ได้รับในเบื้องต้นให้เป็นของตนเอง
ป้าสุนีย์รับหน้าที่ชี้ชวนชมอาคารปาฐอาศรม (ประโชติ เปล่งวิทยา) และสวนสมุนไพรคณะเภสัชฯ
ด้วยเล็งหน่วยก้านแล้วป้าสันทัดกรณีพรรณไม้ ใบหญ้ามากๆ
น้องษร ในเบื้องต้นมอบภาระนำชมอาคารไม้เก่าโรงเรียนการช่างชายเดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นอาคารในความดูแลของโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร ต่อมาป้าๆ น้าๆ ประเมินแล้ว ควรตัดเส้นทางนี้ด้วยเวลาจำกัด
น้องษรจึงต้องเปลี่ยนที่หมายใหม่เป็นอาคารวชิรมงกุฏ
สถาบันหมวกนิรภัยนั้น ไหนๆ ก็เป็นผู้ประสานงา…เอ้ยย งานแล้ว ป้าจุ๋มก็ได้รับมอบไปตามระเบียบ
ซึ่งที่สถาบันนี้ต้องขอบอกว่า ได้รับความอนุเคราะห์เป็นกรณีพิเศษจริงๆ
เพราะนอกจากจะไม่มีหนังสือติดต่อเป็นทางการแล้ว ปกติก็ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม
แต่พี่ๆ ใจดี อยากให้น้องที่สนใจได้อะไรๆ มากกว่า มาดูอาคารและแผ่นศิลาฤกษ์
เมื่อคณะเราเดินทางไปถึง พี่ที่ทำหน้าที่ดูแลประตูทางเข้าได้กล่าวเชื้อเชิญชาวคณะ
เข้าดูงานภายในด้วยอัธยาศัยไมตรี…ต้องบอกว่าโชคดีเกินความคาดหมายจริงๆ
ส่วนอาคารศูนย์ปฏิบัติการทัศนศิลป์ สิรินธร นั้นเมื่ออิฉันติดต่อขอความอนุเคราะห์ไปอย่างด่วนๆ
ตามข้อมูลที่ อ.เปิ้ล สืบสกุล ให้มา พี่บุคลากร (ขออภัยจริงๆ อิฉันให้ชื่อพี่จุ๋มไปแล้วก็แอบลืมชื่อท่านเสียนี่)
ซึ่งพี่เป็นผู้ดูแลเกี่ยวข้องในส่วนนี้ก็รับในทันทีว่าจะมาช่วยชี้ชวนชมความงามของ “ปฏิบัติการทัศนศิลป์”
ซึ่งเมื่อถึงวันจริงก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมเกินคาดหมายจากพี่ๆ นักศึกษาทั้งศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน มาร่วมด้วยช่วยกัน…
บรรยายข้อมูลเบื้องต้นของคณะ กับชี้ชวนให้น้องๆ ชม ชิ้นงานต่างๆ ที่จัดแสดง
อาคารนี้เลยมอบให้ป้าจุ๋มแบบเหมาๆ ไปอีก 1 อาคาร
ส่วนเรื่องราว และอาคารที่…โบร้าน…โบราณอันเป็นงานถนัดอิฉันก็รับหน้าที่ว่าไป
ไล่เรียงตามประวัติมหาวิทยาลัยเริ่มจากอนุสาวรีย์อาจารย์ศิลป์ ซึ่งแปลกใจมากว่า
น้องๆ จาก ต่างถิ่นต่างที่กลับรู้จักท่านดีกว่าน้องๆ ในพื้นที่
ถัดจากนั้นเป็นอนุสาวรีย์มล.ปิ่นฯ ตรงนี้ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง น้องๆ ส่วนใหญ่รู้จัก
ด้วยท่านเป็นบุคคลสำคัญเกี่ยวข้องอย่างมากในเรื่องการศึกษาของไทย
สุดท้ายคือเรือนพระสุรภี และเรือนพระกรรมสักขี ที่คุณสมฯ หัวหน้าหอฯ เมื่อตามคณะปั่นๆ
ได้ช่วยเชื่อมมิติของเรือนและท่านเจ้าของเรือนไปสู่ละครพีเลียด “ข้าบดินทร์” ให้น้องๆ ได้กระจ่างยิ่งขึ้น
คุณๆ ที่ตามอ่านและนับตัวเลขไพร่พลไปพร้อม อาจสงสัยว่าหายไปไหนอีก 2 หน่วยชีวิต
ไม่หายค่ะๆ อีก 2 หน่วยสำคัญ เพราะต้องเป็นผู้ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของน้องๆ ที่จะมาร่วมปั่นจั๊ก
ไปตลอดเส้นทางปั่น คือ พี่เม๊ะ ไม้หนึ่ง หัวหน้าทัวร์ตีธงปั่นๆๆๆ กับน้องกอบ ไม้สองมือสำรอง
ส่งมอบภาระให้ผลัดกันเหนื่อยขี่นำขบวน และต้อนรับน้องๆ อยู่ในที่มั่น
ส่วนพี่เกนั้นตามที่ว่าไว้ หากทัพหน้าจำเคลื่อนพลออกจากที่มั่นสิ้นแล้ว
นอกจากประจำการในตึกที่มั่นทั้ง 2 ต้องเข้าแทนที่ในส่วนต้อนรับ ณ ที่ตั้งด้วย
แผนการพร้อม อุปกรณ์พร้อม พร็อพพร้อม คน…พร้อม
พอได้ออกสตาร์ทรอบปฐมฤกษ์เท่านั้น เป็นอันทุกคนลืมสิ้นว่าตกลงให้เข้าประจำการ ณ อาคารของใคร ของเผือก
เพราะเมื่อเริ่มออกรอบแรก ชักชวนกันว่าควรจะร่วมกันไปคารวะ
เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าของแห่งเรือนและอาคารในแห่งที่มีสัญลักษณ์ที่หมาย
คือ รูปจำลององค์พระคเณศ ณ โรงเรียนสาธิต อนุสาวรีย์ท่านผู้ก่อการทั้ง 2 วิทยาเขต
เทพารักษ์ผู้ปกปักแห่งคณะอักษร และท่านเจ้าของแห่งเรือนไทยโบราณทั้ง 2
ซึ่งตามตกลงจะร่วมกันเฉพาะในเช้าวันแรก แต่เอาเข้าจริงทีมงานคนตัวเล็กแต่ใจไม่เล็ก
ต่างพร้อมใจเป็นหนึ่งเดียวว่า ไปพร้อมๆ กัน นี่ล่ะ ดีกว่าไปยืนร้องเพลงรอ…เหงาๆ อยู่คนเดียว…จัดป่ะ
งานจบลงแล้ว ทอดเวลามาก็เนิ่นนานแล้ว
แต่ทีมงานคนแคระทั้ง 7 ของพวกเรา และชาวหอสมุดสนามจันทร์ ก็ยังคงระลึก
ในน้ำใจไมตรีอย่างกันเอ๊งงง กันเอง จากพี่-น้องชาวหอสมุดผู้อยู่เบื้องหลังอีกหลายท่าน
ที่อิฉันทราบบ้าง ไม่ทราบบ้าง ตั้งแต่เจ้าของจักรยานทุกคัน
คนช่วยล้าง ช่วยเตรียม อุปกรณ์ช่วยชีวิตนานา หมวกบ้าง น้ำบ้างทุกๆ คน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไมตรีจาก 2 หน่วยงานข้างบ้าน
ที่แม้ไม่ต้องมีพิธีรีตองผ่านกระดาษศักดิสิทธิ์สักน้อย
ก็ยินดีและเต็มใจอนุเคราะห์พวกเราด้วยไมตรี
ขอบคุณน้อง-พี่ ทุกๆ ท่าน ทั้งในบ้านและข้างบ้าน
จากใจจริงๆ ^^