วันรับปริญญา หรือวันโลกาวินาศของคนทำงานห้องสมุด

16 July 2009
Posted by Panuwat

ไม่เข้าใจว่าทำไมห้องสมุดไม่มีนโยบายหรือความคิดจะช่วยเหลือบุคลากรของตนเองบ้าง อย่างน้อยปีละ 1 วันก็ไม่น่าจะหนักหนาอะไรนัก ของคณะอื่น หน่วยงานอื่่นเขายังรู้จักช่วยเหลือบุคลากรตัวเอง กันที่จอดรถไว้ให้ แม้แ่ต่คนทำงานในมหาวิทยาลัยก็ยังไม่ให้เข้าไปจอดนอกจากคนของคณะตัวเองเท่านั้น ทั้งที่เหลือที่จอดตั้งมากมาย  กับห้องสมุดพูดได้คำเดียวว่าไม่มีคนไปดูแลให้ ทำไมล่ะ แค่ปีละ 1 วัน มันหนักหนามากมายนักหรือกับการช่วยเหลือบุคลากรตัวเอง ทั้งที่วันอื่นๆ ก็คงไม่ต้องหาคนไปกันที่จอดรถให้เหมือนคณะอื่นๆ ที่มีคนกันที่จอดรถให้ทุกวัน เพราะวันธรรมดาพอหาที่จอดรถกันได้ไม่เดือดร้อนถึงผู้บริหารห้องสมุดหรอก อยากถามว่าคนที่อ่าน blog นี้แล้วมีความคิดเห็นอย่างไรช่วยกันออกความเห็นเผื่อจะมีผลกระตุ้นความคิดกันบ้างหรือจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ เดือดร้อนกันทุกปี มาทำงานแต่ไม่มีที่จะจอดรถ หรือจะให้ดี ทุกปีวันรับปริญญาก็สั่งปิดห้องสมุดไปเลยจะดีกว่าไหม จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกัน ไม่ต้องเดือดร้อนว่าไม่มีใครไปดูแลให้ ที่เขียน blog นี้เพราะเหลือจะทนแล้ว ทุกคนก็คงรู้สึกเหมือนกัน แต่ไม่พูดเท่านั้นเอง

17 thoughts on “วันรับปริญญา หรือวันโลกาวินาศของคนทำงานห้องสมุด

  • ป๋า ใจเย็นๆ น่านะ วันเดียวเอง เมื่อกี้เพิ่งผ่านเพื่อนบ้านที่มีวิวาทะกันกับแขกที่มาเยือนได้ฟังแล้วเหนื่อย อย่าเพิ่มความเครียดให้กับตัวเองเดี๋ยวเป็นหวัด 2009 นะ หลังงานนี้มาตั้งวงคุยกันอย่างจริงจังกันซะที ตั้งแต่การจอดรถในวันพุธจนถึงวันอะไรๆๆๆ ในมหาวิทยาลัย

  • ก็เพราะวันเดียวนี่ไง ถึงไม่เข้าใจว่าทำไมยังทำไม่ได้ ทั้งที่คณะอื่นเขายังทำได้ทุกวัน นี่ขอแค่ปีละ 1 วันเ่ท่านั้น วันอื่นทุกคนหาที่จอดเองได้

  • อารมณ์เดียวกันเลย…….น่าจะทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่นะ
    เข้าใจได้ว่า ปีละครั้งเดียวเท่านั้น แต่ควรจะมีวิธีรับมือกับมัน

  • เห็นด้วยกับการปิดห้องสมุดค่ะ แต่เรื่องที่จอดรถเราควรมาคุยกันอีกทีดีไหมคะว่าจะทำยังไง มาช่วยกันหาวิธีจัดการดีกว่าค่ะ หลายความคิด หลายเสียง คงได้ผลลัพธ์ที่ดีนะ

  • ผมเห็นด้วยกับการปิดห้องสมุด

  • น่าเห็นใจคนมีรถใหญ่ เพราะคนหอสมุดใช้พาหนะรถยนต์กันจำนวนไม่น้อย การอำนวยความสะดวกในเรื่องที่จอดรถให้ในวันที่มหาวิทยาลัยจัดงานสำคัญๆ ถือเป็นการสร้างกำลังใจและความสบายใจให้แก่บุคลากรก่อนเริ่มทำงานในวันที่แสนจะวุ่นวาย เนอะ
    ปิดห้องสมุดไปเลยก็ดีเนอะจะได้ไปร่วมงานรับปริญญา อิอิ

  • เรื่องที่จอดรถของบุคลากรหอสมุด ตั้งแต่แรก ๆ หอสมุดฯ ไม่ได้ทำที่จอดรถเป็นล๊อค ๆ สำหรับบุคลากรของหอสมุดฯ มีหมายเลขทะเบียนติดอยู่ว่าเป็นล๊อคของรถของใคร เหมือนศูนย์คอมฯ บุคลากรก็สามารถนำรถของตนเองไปจอดได้ตลอดเวลา ปีก่อน ๆ หอสมุดฯ เคยปรึกษาหารือมหาวิทยาลัย จะขอทำที่จอดรถสำหรับบุคลากรหอสมุด เนื่องจากทุกวันนี้บุคลากรหอสมุดมีที่จอดรถไม่เพียงพอ บางวันถ้ามาไม่ทัน ก็ต้องไปจอดบริเวณไกลจากอาคารหอสมุดฯ หอสมุดฯ เคยจะขอทำที่จอดรถบริเวณด้านข้างสถาบันวิจัย แต่มหาวิทยาลัยบอกว่าไม่สวย จะทำให้เสียทัศนียภาพ ส่วนลานจอดรถด้านทิศเหนือตลอดจนด้านหลังอาคาร ม.ล. ปิ่นฯ หอสมุดฯ ยังไม่ได้หารือ แต่คิดว่าถ้าหอสมุดฯ จะทำน่าจะสามารถทำได้ เพราะศูนย์คอมพิวเตอร์ยังทำได้ แต่เราต้องใช้งบประมาณในการสร้าง (ไม่ใช่ทำเป็นโรงจอดรถ หลังคาเป็นสแลน) ก็ไม่สวย ขนาดศูนย์คอมฯ ใช้งบหมดไปประมาณ 2-3 แสน ได้ประมาณ 10 ล๊อค แต่คุณภาพยังไม่ได้มาตรฐานเลย ตอนนี้เห็นมีบางเสาหลุด หลังคาหลุด และอื่น ๆ อีกที่ไม่แข็งแรง สำหรับเรื่องที่จะมากั้นที่จอดรถสำหรับหอสมุดฯ นั้น ใครหละจะมาเป็นคนกั้นตั้งแต่ตี 3 ตี 4 หรือตี 5 หรือก่อนเวลาดังกล่าว แล้วจะใช้อะไรกั้น เชือก หรืออื่น ๆ แล้วคิดหรือว่าจะไม่ถูกดึงเชือกออก ถ้าเรามาช้า เราอาจจะไม่ได้ที่ ขนาดแค่งานเล็ก ๆ ที่หอสมุดฯ เคยจัด เราเคยนำเชือกไปขึงกั้นไม่ให้รถเข้ามาจอด เชือกยังขาดกระจุยเลย ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แล้วงานรับปริญญารถก็มาก คนก็มาก แต่พี่คิดว่า ปีหน้าพี่จะเสนอของบประมาณปีหน้าสำหรับทำที่จอดรถสำหรับบุคลากร จะได้หรือไม่นี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหาร และสถานที่จะสร้างจะได้ตรงบริเวณไหน และปริมาณพื้นที่จะพอสำหรับรถยนต์ของบุคลากรหอสมุดหรือไม่ อันนี้ก็ต้องมาปรึกษาหารือกันต่อไป แต่สำหรับปีนี้ถึงอย่างไรวันนี้เราก็รู้แล้วว่าเป็นวันรับปริญญา เราน่าจะมาให้เช้ากว่าวันอื่น ๆ ให้มาก ๆ เราอาจจะได้ที่จอดรถ แล้วเราค่อยมาปรึกษา คุยกันว่า ปีหน้าเราควรจะหาวิธีการ แก้ไข พี่ว่าก้อไม่ควรจะว่าแรงไปหน่อยนะ ทุกคนก็โดนสภาพนี้เช่นเดียวกันหลายคน แต่เขาก็พยายามหาที่จอดจนได้ เมื่อเช้าที่ขับรถจักรยานยนต์ออกจากแฟลตทรงพล 2 มา เห็นน้องดวง นำรถไปจอดที่บริเวณหน้าแฟลตทรงพล 1 บริเวณนั้นว่าง มาก ๆ เลย แต่ต้องเดินหน่อยนะ กว่าจะถึงหอสมุด (แต่ว่าปลอดภัย)

  • อ้อที่พี่เขียนมานี้ไม่ใช่ว่าพี่ไม่มีรถยนต์ แล้วไม่เดือดร้อน เพราะเมื่อวานนี้ทุกคนก็คิดแผนการกับตัวเองว่า พรุ่งนี้จะทำอย่างไร จะมาอย่างไร นำรถไปจอดที่ไหน จะต้องมาตั้งแต่เวลาเท่าไร หรือไม่บางคนก็ลาพักผ่อนไปเลย หรือลาป่วย (ป่วยจริง ๆ นะ เป็นหวัดหรือเปล่า) อันนี้สมควรลาป่วยนะคะ ผู้บริหารไม่ว่าหรอกค่ะ ให้นอนพักผ่อนอยู่กับบ้านดีแล้ว หายป่วยแล้ว จะได้ลุกขึ้นมาทำงานอย่างมีความสุข

  • พี่สงสัยคำว่า “โลกาวินาศ” แปลว่าอะไร หรือหมายถึงอะไร ใครก็ได้ช่วยเปิดพจนานุกรมแล้วอธิบายความให้ชัดเจนด้วยนะค่ะ จะขอบคุณอย่างมาก

  • กินไอติมของ”แจ็ค”ก่อนนะน้อง? ความรู้สึกนี้เคยมีกับพี่มาแล้ว เคยพูด เคยคุย.. เคยวิจารณ์ และสุดท้าย หันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลังแล้วจึงหันกับมาปรับตัวเอง โดยตั้งใจและคิดไว้ล่วงหน้าว่า วันรับปริญญา มศก. เราจะต้องออกจากบ้านให้เร็วกว่าทุกวันนี้(คงรู้นะว่าพี่มากี่โมง) เราจะต้องเข้าประตูไหนดี เราจะจอดรถตรงไหนนะ ? (วันนี้เลือกเข้าประตูคณะวิศวะและจอดหน้าตึกวิศวะ..พี่บอกคุณยามว่า พี่ทำงานอยู่ที่ตึกนี้….แค่นี้ก็ได้ที่จอดแล้ว)วันนี้เลยไม่ได้กินไอติมของแจ็ค เพราะแจ็คยังไม่มา…. สำหรับการจองที่จอดรถของพวกเรา พวกเรามาปรึกษาหารือกันอีกทีก็คงจะดีเน๊อะ*

  • ถ้าคิดอย่างพี่บุญตาหมด ลาป่วย ลาพักผ่อนกันมาก แล้วใครจะมาทำงานกัน การปิดห้องสมุดก็คงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย สำหรับงานบริการอย่างห้องสมุด ส่วนจะบอกว่าให้รู้จักปรับตัวมาแต่เช้า ก็เปนวิธีการหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าบางคนมีลูกที่ต้องไปส่งโรงเรียน คงไม่มีใครบ้าไปส่งลูกที่โรงเรียนตอนหกโมงเช้าหรอกนะคะ เมื่อเอ๋มาถึงตอน 6.15 น. ปรากฎว่าที่จอดรถข้างหอสมุดเต็มแล้ว ด้านอาคารม.ล.ปิ่น ก็เกือบเต็ม พอจอดรถเสร็จ ต้องยืนเป็นทศกัณฐ์จองที่จอดไว้ให้เพื่อน ไม่งั้นก็อดจอด….อีกทีก็ตีหน้าเศร้า เลี้ยวรถไปทางที่จอดรถคณะวิศวะ เจรจากับพี่รปภ. ด้วยมธุรสวาจาว่าทำงานอยู่ตึกห้องสมุดตรงนี้ ขอจอดรถหน่อย ปกติพี่เค้าก็ใจดี ยอมให้เราเข้าไปจอดนะ…ปัญหาแก้ได้นะน้องก้อ…แต่ถ้าเค้าไม่ให้เราจอดอีก ก็คงเป็นวันโลกาวินาศ…จริงๆ แหละน้องเอ้ย…..โลกาวินาศ แปลว่า สูญสิ้นความเจริญ/สวัสดิรักษา (อ่านจากพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน) แต่คำว่าโลกาวินาศ ไม่ต้องเปิดพจนานุกรมก็คงได้ โลกา แปลว่า โลก วินาศ แปลว่า ความฉิบหาย ถ้าจะแปลวันโลกาวินาศ ของน้องก้อ คงหมายถึง วันที่โลกถึงความฉิบหาย (ในความหายของบทความนี้ คงไม่ต้องแปล ทุกคนคงเข้าใจ) ไม่งั้นคงไม่เข้ามา comment กัน hot ขนาดนี้….จริงมั้ยเจ้าคะ

  • เรื่องที่จอดรถส่วนหอสมุด เพิ่งพูดกับพี่ใหญ่ ไปจำได้ว่าไม่น่าจะเกิน 2 อาทิตย์นะว่า จะขออนุญาต ผอ. ทำที่จอดรถคนหอสมุด และคงจะขอบริเวณลานจอด ม.ล.ปิ่น เนื่องจากข้างหน้าบริเวณหน้าสถาบันวิจัย ไม่ได้อยู่แล้ว สมัยก่อนหอสมุด อาคาร 2 ชั้น เราก็มีที่จอดรถจักรยานทั้งของนักศึกษาและของพวกเรา อยู่ด้านข้าง แต่ต่อมาย้ายมาอาคาร 4 ชั้น พวกเราก็เลยไม่ได้ไปใช้ที่จอดรถบริเวณเดิม นำมาจอดใกล้อาคาร (สำหรับมอเตอร์ไซด์)ก็ไม่มีปัญหา แต่สำหรับรถใหญ่ รถเก๋ง ลำบากหน่อย การทำงานที่ไหนจะสะดวกเท่าที่บ้านเป็นไม่มี สบายทุกอย่าง อยากทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ แต่เมื่ออยู่ที่ทำงาน กินเงินเดือนจากภาษีราษฎร พูดง่ายๆกินเงินเดือนจากคนอื่น อะไรที่อดทนได้ ก็ต้องอดทน แต่กับวันรับปริญญาที่เป็นวันสร้างความฉิบหายของหลายคน ก็ต้องขอแสดงความเสียใจ และขออภัย มา ณที่นี้ ได้ XEROX เรื่องนี้ทั้งหมดทุกความเห็น นำเสนอ ผู้อำนวยการเพื่อโปรดพิจารณาด้วยแล้ว เมื่อ 17 กรกฎาคม 2552 ต้องรอว่าท่านจะพิจารณาอย่างไร ในเมื่อหัวหน้าหอสมุดบกพร่อง ทำให้หลายคนมีความฉิบหายในวันรับปริญญา

  • เรื่องที่จอดรถในวันรับปริญญาเป็นปัญหาที่พูดกันทุกปี เมื่อก่อนอ้อก็ไม่ค่อยมีัปัญหาเนื่องจากขับมอเตอร์ไซต์มาทำงาน สามารถซอกแซกได้ แต่ก็ได้รับฟังการบ่นของพี่ๆ น้องๆ ทุกครั้งที่มีงานนี้ ก็รับฟังเป็นข้อมูลเอาไว้ ปัจจุบันเพิ่งจะมีรถขับกับเค้ามาได้ 5 ปี ฉะนั้นการแก้ปัญหาเรื่องที่จอดรถของตัวเอง ก็จะเปลียนไปตามสถานการณ์ของแต่ละปี จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตัวเองและพี่ปองมากันแต่เช้า แล้วมาใช้เชือกกันที่ไว้ให้ ตัวเองคอยยืนเป็นนางยักษ์คอยบอกไม่ให้รถเข้ามาจอด พี่ปองก็คอยโทรเช็คว่า คนห้องสมุดที่ทีรถมากันครบหรือยัง พอครบเราก็ปล่อยให้คนอื่นมาจอดได้ อีกปีหนึ่งไม่ได้ทำอย่างนี้เนื่องจากการทำงานแต่เช้านั่นหมายความว่า ต้องไปส่งลูกที่โรงเรียนแต่เช้าอย่างที่น้องเอ๋ว่า ซึ่งคุณครูก็ยังไม่มาปีนี้ลูกๆ ขอร้องว่า ไม่อยากไปเช้า เลยตัดสินใจให้สามีขับรถมาส่งที่หน้ามหาวิทยาลัยแล้วเดินเข้ามาทำงาน มีอยู่ปีหนึ่งจำได้ว่าวันรับปริญญาตรงกับวันสาร์อาทิย์ต้องมาอยู่เวร ด้วยความที่เป็นวันหยุดไม่มีใครคอยช่วยเหลือกันที่ให้ ก็ต้องไปจอดรถที่หน้าโรงพิมพ์ทางเขตบ้านพักน้องพนิดาแล้วเดินมาทำงาน พอเลิกเวรสองทุ่มก็เิดินไปเอารถที่จอดไว้ อีกปีหนึ่งจำได้ว่า ขับรถเข้าทางประตูคณะวิศวะ หวังว่าจะเข้ามาจอดที่ข้างตึกม.ล.ปิ่นฯ ยามไม่ให้เข้าบอกว่าเต็มแล้ว ก็เลยต้องเลี้ยวซ้าย ปรากฎว่ามันเป็นการบังคับเลี้ยวที่ต้องออกไปนอกมหา’ลัย ก็ต้องขับย้อนกลับมาเข้าประตูวิศวะใหม่ แล้วก็ไปเจรจากับคุณยามเพื่อเข้าไปจอดที่คณะวิศวะ ซึ่งคุณยามก็อนุญาต ปีนี้ปี่ที่ห้าตอนแรกตัดสินในว่าจะลาพักผ่อนอยูกับบ้าน เนื่องจากเจ้าน้ำหอมที่เรียนสาธิตเค้าสั่งงดการเรียนการสอน เหลือแต่แตงโมที่เรียนอยู่นอกตัวเมือง แต่ก็ไม่ได้หยุดเพราะอ้อบังเอิญไปราชการอบรมคุณครูที่กำแพงแสนเสียก่อนเลยไม่ต้องลา สรุปว่า ทุกปี การแก้ไขสถานการณ์ที่จอดรถต้องปรับเปลี่ยนไปตามเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดค่ะ

  • หลังจากเล่าวิธีการแก้ปัญาหาของตัวเองแล้ว ก็คงต้องมาเสนอวิธีการแก้ปัญหาของมวลชนหมู่มากกันดูซิว่า ใครเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร อย่างที่หลาย Comment เขียนกันคือคงต้องมาคุยกันและค่ะว่า จะเอาอย่างไรกับเรื่องที่จอดรถในวันรับปริญญา (เน้นๆๆเฉพาะวันรับปริญญาค่ะ) ความเห็นก็คงมีหลากหลาย เช่น จองพื้นที่ให้เฉพาะบุคลากรหอสมุดได้ไหม ตามความเห็นทำน่ะทำได้ แต่ใครจะมากกั้นให้ (อย่างที่พี่บุญตาบอกไว้ เพราะต้องมาแต่เช้ามึด แค่หกโมงครึ่งรถก็เต็มแล้วอย่างที่น้องเอ๋็ว่า) อีกอย่างถึงกั้นที่ไว้ให้ เราก็ไม่สามารถ Control ญาติของนักศึกษาได้ อาจที่ใครดึงเชือกออกก็เข้ามาจอดได้ คันอื่นๆก็ตามมา หรือถ้าหากจะให้มีคนมาเฝ้า ก็จะวกมาคำถามเดิมว่าใครล่ะที่จะมาจะทำ เนื่องจากทุกคนมีภาระกิจในตอนเช้ากันทุกคน
    สำหรับอ้อขอเสนอว่า “เพียงแค่วันเดียว” สำหรับสถานที่จอดรถของบุคลากรหอสมุดจำนวน 10-12 คัน หอสมุดอาจไปเจรจาขอใช้พื้นที่จอดรถตามคณะหรือหน่วยงานอื่นที่เค้ามีที่จอดรถเฉพาะบุคลากรของเค้า ขอให้เราชาวหอสมุดไปจอดจะได้ไหม
    อีกอย่างก็คือว่า วันรับปริญญา มหา’ลัยได้กำหนดพื้นที่จอดรถสำหรับญาติๆ นักศึกษาไว้ ซึ่งถ้าเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ ส่วนบริเวณตึกม.ล.ปิ่น ลานข้างอาคารหอสมุดก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มารถจอดรถได้ (ถ้าตามข่าวที่เค้าประชาสัมพันธ์กัน)
    สำหรับเรื่องปิดบริการอ้อไม่ค่อยจะเห็นด้วย เพราะวันรับปริญญา นักศึกษาบางท่านที่มีสัมพันธภาพที่ดีกับหอสมุด ก็อยากจะถ่ายรูปเก้บไว้เป็นที่ระลึก แต่ถ้ามหา’ลัยสั่งปิดค่อยว่ากันไป

  • ขอโทษค่ะที่มาช้า ไปราชการซะ 2 วัน และไม่ได้แนะนำน้องๆ ว่าสามารถนำรถมาจอดที่แฟลตพี่นกได้ มีที่ว่างเยอะ
    อยู่ข้างสนามฟุตบอลแต่ต้องเดินมาทำงาน คิดว่าออกกำลังกายนะ หรือเห็นว่าสายแล้วอาจมาไม่ทัน 8.30 น.
    ก็โทร.บอกเพื่อนเอารถเครื่องมารับส่ง คิดว่าเพื่อนคงช่วยเหลือกันได้ ปีต่อไปค่อยหาทางแก้ไขกันใหม่
    หรือใช้วิธีอย่างน้องจุ๋ม ขอจอดคณะวิดวะ ได้ก็ใกล้ดี
    ปิดห้องสมุดก็ไม่ดี ลากันมากๆ ก็ไม่ดีหรอก นอกจากติดธุระจำเป็นจริงๆ
    ไม่อยากให้คิดว่าวันรับปริญญาที่เป็นวันสร้างความฉิบหายของหลายคน วันนี้เป็นวันที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง
    และตัวบัณฑิตเอง คิดแล้วยังรู้สึกขนลุกกับภาพที่เห็นเหล่าบรรดาญาติโกโหติกาทั้งหลายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิต
    มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตทั้งหลาย มีตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดง จนถึงอากง อาม่า ปู่ย่าตายาย เพื่อนพ้องน้องพี่
    บัณฑิต 1 คน : ญาติ 5 คน ขั้นต่ำ คูณด้วยจำนวนบัณฑิต มศก. 3800 คน = 19,000 คน + บัณฑิต 3,800 คน
    = 22,800 คน แล้วจำนวนรถอีกไม่รู้กี่พันคัน พื้นที่ มศก. เราก็เท่านี้ น่าเห็นใจ
    ส่วนตัวเองเพิ่งไปงานรับปริญญาของลูกสาวมา บรรยากาศก็แบบนี้แน่นซะไม่มี พี่ตาไปร่วมรับปริญญาของหลานตัวเองบอกว่าหลายๆคนเป็นลมเลยเพราะแน่นมาก มีรับ 2 รอบ เช้า-บ่าย ส่วนครอบครัวเราไปกันพ่อ แม่ น้องภูมิ ส่วนญาติบอกไม่ต้องฮ่ะ
    เดี๋ยวพาน้องออมเดินสายไปถ่ายรูปเอง คุณยายเป็นปลื้ม ลูกๆก็แซวบอกแล้วต้องอยู่เห็นหลานรับปริญญาแน่

  • พวกเราชาวหอสมุดฯ comment กันอย่างถล่มทลายเชียวนะเดี๋ยวจะน้อยหน้าขออุ้ยคำคนแก่ ment มังซิ บรรยากาศวันรับปริญญาก็ผ่านพ้นไปแล้ว การจราจรก็รู้ๆกันอยู่ วันนั้นจึงบอกให้ลูกชายเอารถไปจอดที่แฟลตทรงพล(แฟลตป้าตา+แฟลตลุงบูรณ์) เพราะปีที่แล้วมองมาไม่มีรถจอดเลย ตอนแรกยามไม่ให้เข้าจึงบอกว่าพักอยู่ในนี้(ยามจำเราไม่ได้เพราะเราปิดปากด้วยหน้ากากกันไข้หวัด) มีที่จอดได้หลายคันแล้วตัวเองก็เดินมาหอสมุดส่วนลูกชายก็เดินไปคณะศึกษา(ไปเป็นตากล้องให้เพื่อน) ในระหว่างเดินมาสายตาเราก็มองไปทั่วเห็นผู้ปกครองและบัณฑิตหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบาน ภาคภูมิใจ ถ่ายรูปกันใหญ่ ผู้ปกครองทั้งหลายท่านก็งัดเสื้อผ้าที่ท่านคิดว่าสวย ดี หล่อ เท่ห์ มาใส่ในวันนั้น โดยเฉพาะแฟชั่นผ้าไหม วันรับพระราชทานปริญญาเป็นวันที่น่าภาคภูมิใจมาก กว่าจะถึงวันนี้ได้คิดดูก็แล้วกันว่าต้องลงทุนทั้งเวลาทั้งเงินทองและแรงกาย+แรงใจและหลายๆอย่างเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ปี พวกเราทุกคนคงเคยผ่านบรรยากาศนี้มาแล้วทั้งตัวเองรับและมารุ่นลูกๆของพวกเรารับ ปีที่แล้วลูกชายรับปริญญาอุ้ย(ยาย) อายุ 80 ปีแล้วยังอุตส่าเดินทางมาจากเจียงใหม่มาแสดงความยินดีกับหลาน ปีที่แล้วพอดีมาเช้าเลยได้จอดในสนามฟุตบอล เช่นกันบรรยากาศในวันนั้นที่เพิ่งผ่านมา เราจะพบผู้ปกครองทั้งหลายที่ท่านยกขบวนกันมาแทบทั้งบ้านก็ว่าได้ ตั้งแต่วัยทารกจนถึงวัยชรา ด้วยที่ตัวเองเป็นคนช่างพูดก็จึงคุยกับผู้ปกครองว่า ยินดีด้วยนะคะ มาจากจังหวัดไหนคะ คุณยายวัย 80 ปี เคี้ยวหมากตุ้ยๆ ใส่ผ้าไหมกลีบโง้งเชียว ก็ชิงตอบก่อนญาติในกลุ่มว่ามาจากอุดรธานีจะอี่หนู มาตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วจะอี่หนู (ท่านคงดีใจกับหลานมากจึงชิงตอบก่อน แถมบอกเราอีกว่าหลานอยู่คณะเภสัช) เราก็บอกกับท่านว่าถ้าฝนตกหรือนั่งจนเบื่อแล้วเข้าไปนั่งในห้องสมุดก็ได้นะ มีหนังสือ+วารสารให้อ่าน เดินมาอีกก็เจอบัณฑิตคณะวิศวะเขาก็ยกมือไว้เราแล้วก้หันไปบอกคุณพ่อ+คุณแม่เขาว่าพี่ทำงานที่ห้องสมุด( คุณพ่อ+คุณแม่เขาก็ยกมือไหว้เรา) หนูไปนั่งที่ชั้นที่พี่เขาอยู่ประจำพีเขาใจดี ถ้าหนูเข้าหอประชุมแล้วพ่อกับแม่ไปนั่งในห้องสมุดก็ได้ แล้วเด็กก็หันมาบอกเราว่าพี่ๆหนูฝากพ่อ+ญาติๆหนูด้วยนะ เราก็ตอบไปด้วยที่เป็นเจ้าบ้านที่ใจดี ได้คะ ยินดีคะ เชิญคะ (ทำให้เราปลื้มเชียวเพราะชั้น 3 ม.ล.ปิ่นเป็นที่สิงสถิตของเด็กวิศวะ+เภสัช+วิทย์) และยังเห็นเด็กอายุประมาณ 4 ขวบผู้ปกครองกำลังอาบน้ำให้ข้างไปรษณีย์ ข้างที่จอดรถแมกกะไซด์ของพวกเรา (มีก๊อกน้ำอยู่) แก้ผ้าหล่อนจ้อนเลย จังบอกคุณอารียา(อ้วน) ว่าน่ารักดีนะพอดีไม่ได้นำโทรศัพทย์ติดตัวไป ไม่งั้นได้ถ่ายภาพนูดมาอวดพวกเราแล้ว (ปีหน้าต้องพกกล้องติดตัวไว้) วันนี้พวกเราในฐานะเจ้าบ้านก็ต้องอำนวยความสะดวกให้กับแขกนะ ถ้าไม่มีนักศึกษาพวกเราก็จะเหงานะ ห้องสมุดเราก็จะหว้าเหว่ อีกอย่างห้องสมุดของเราก็เป็นหน้าเป็นตากับผู้ปกครองด้วยถ่ายรูปหน้าห้องสมุดกันใหญ่ ถ้าปิดห้องสมุดเราก็จะไม่เห็นบรรยากาศแบบน่ารัก อบอุ่น ได้ยินบัณฑิตมุสลิม (ที่รู้เพราะโพกหัว) พูดกับคุณแม่เขาว่านี่ไงห้องสมุดที่หนูมาอ่านหนังสือ ใหญ่ไหมแม่ มีตั้งสองตึกนะ ตอนใกล้สอบเขาเปิด 24 ชั่วโมงด้วยนะ (แหมเราก็เดินอมยิ้มเชียว) บรรยากาศรับปริญญาไม่ว่าที่ไหนๆก็เป็นอย่างนี้แหละที่เรายังดีรับวันเดียว รอบเดียว บรรยากาศแบบนี้ปีหน้าก็พบกันใหม่

  • พี่โพ้สเข้ามาอ่านของนกและดวง เอ้อ รู้สึกอ่านแล้วสบายใจ และมีความสุขอย่างไงไม่รู้ ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ เมื่อครั้งที่เราเป็นผู้รับปริญญาเอง บรรยากาศจะเหมือนกันทุกที ทุกคนมีความสุข ไม่ว่าจะยากจะจน จะร่ำรวย สักแค่ไหน แต่ทุกคนมีความสุขที่ได้เห็นลูกหลานประสบความสำเร็จ จนได้รับปริญญา นึกถึงวันที่ไปงานรับปริญญาของ ม. มหิดล เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 52 ที่ผ่านมานี้ รับที่ห้องประชุมของกองทัพเรือ แถวฝั่งธน ห้องประชุมใหญ่มาก แต่สถานที่บริเวณภายในคับแคบ คนเยอะมาก รับตั้ง 2 รอบ รอบเช้าและรอบบ่าย สำหรับหลานของตัวเองรับรอบเช้า รับเสร็จก็ประมาณ 11 โมง ก็ต้องรีบกลับ แต่ตอนที่จะออกซิ เขากั้นให้ออกประตูเดียว อีกประตูหนึ่งไม่ให้เข้า-ออก เนื่องจากยังมีรอบบ่ายอีก ทีนี้ซิ ทุกคนที่รับรอบเช้าเสร็จแล้ว ทั้งตัวบัณฑิตเองและญาติ ก็ต้องเดินไปทางเดียวกัน และก็จะมีทางเดียวจริง ๆ จะซิกแซกออกนอกเส้นทางก็ไม่ได้ เพราะอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องเดินตรงอย่างเดียว ไหนคนที่จะรับรอบบ่ายก็เดินสวนเข้ามา และรอบเช้าก็จะเดินออก ทำให้แน่นมาก เดินไปได้ทีละนิด ๆ เหมือนกับงานนมัสการองค์พระปฐม ในวันลอยกระทง ยังไงยังงั้น (ในสมัยก่อนนะ) คนค่อย ๆ ไหลกันไป กว่าจะหลุดออกไปได้ พี่เองต้องเอายาหม่องขึ้นมาทาตั้งบริเวณคอขึ้นไปถึงศีรษะเลย เพื่อไม่ให้เป็นลม เพราะสังเกตตัวเองว่าอาการจะไม่ค่อยดีแล้ว นึกถึงคุณพระคุณเจ้า ให้ช่วยลูกด้วย ขออย่าให้เป็นอะไรไปตอนนี้เลย และทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็เหมือนกันเดินไปบ่นไปกัน ทำไมเป็นอย่างนี้ ไม่เคยเจอะเคยเจอ (ทุกคนก็ไปโทษฝ่ายสถานที่ว่าจัดการไม่ดี )ทำให้ไมให้เดินสองทาง แต่ทุกคนก็ต้องเดินต่อไป จะถอยหลังก็ไม่ได้แล้ว กว่าจะอออกพ้นมาได้ก็ใช้เวลาไปประมาณ ครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ออกมาได้ทุกคนพูดกันเสียงเดียวกันว่า โอ้โล่งไปที แต่ออกมาเห็นคนแก่ เป็นลมอยู่หลายคน แต่งานนี้ดีหน่อยที่เช่ารถตู้ไป เลยไม่มีปัญหาในเรื่องที่จอดรถ เวลาออกมาได้ก็โทรเรียกบรถตู้ให้ออกมารับที่ด้านหน้าถนน กลับบ้านแวะพุทธมณฑล ไหว้พระ และถ่ายรูป กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ (เล่าสู่กันฟัง)

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร