วัดน้อยนางหงษ์

28 August 2015
Posted by peekan

 

วัดน้อยนางหงษ์
วัดน้อยนางหงษ์

ฉันจำได้ว่า เดินทางมาจากภาคใต้ เมื่อ วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ มาอาศัยบ้านของปู่ทองอยู่ ซึ่งตั้งอยู่หน้าพระอุโบสถ  ได้เห็นวัดเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ และเห็นหลวงปู่เส่งที่มีแต่ความเมตตาช่วยเหลือแม่และครอบครัวมาตลอด บ้านของปู่ และคนอื่นๆ ประกอบอาชีพทำสวน สวนของปู่เป็นสวนทุเรียน บางยี่ขัน ทุกบ้านมีแต่สวนทุเรียน และผลไม้ แต่ตอนนี้ บ้านที่อาศัยใบบุญได้อันตธานหายไป เป็นสะพานพระราม ๘ ที่เชื่อมฝั่งธน กับฝั่งพระนคร  ความจำในวัยเด็ก วัดเป็นเสมือนผู้มีพระคุณกับข้าพเจ้า เนื่องจากได้รับขนมจากหลวงปู่เส่ง  และไปวิ่งเล่นเป็นประจำ วัด เหมือนพ่อ และแม่ และจะต้องไปทำบุญและหมั่นบำรุงพระพุทธศาสนา เหตุผลเดียวที่ไปวัด คือ บ้านอยู่หน้าพระอุโบสถ และจำเป็นต้องเดินผ่านเสมอๆ  และได้ไหว้พระเพื่อ นมัสการพระพุทธเจ้า  เพื่อระลึกถึงคุณของพระพุทธองค์  พระสงฆ์สมัยก่อนเป็นผู้ที่ขยัน ตื่นแต่เช้าเพื่อทำความสะอาดลานวัด ตื่นเคาะระฆังตั้งแต่ตี 3 เพื่อให้พระสงฆ์ครองจีวร และลงอุโบสถสวดมนต์ที่พระอุโบสถ  พระสงฆ์บางรูป ก็สามารถรักษาโรคได้เช่น กวาดยาเด็ก  เท่าที่จำได้ ชื่อหลวงตากัณฑ์ นามสกุลทีปวิภาต  และผู้ที่บริจาคถนนผ่านเส้นทางไปวัดได้ ก็เป็นคนตระกูลนี้ ได้ข่าวมาว่าอย่างนั้น สาธุ
ตั้งใจว่าจะเขียนประวัติวัดให้ครบตามที่ได้ไปมาและพบเห็น
กว่าจะได้ข้อมูลมาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  ต้องรอหลายปี เนื่องจากไปค้นข้อมูล ก็ยังไม่พบข้อมูล มีบ้าง ที่คนอื่นเขียนไว้แล้ว  ฉันเกิดมาโชคดี  เพราะป้าๆ ที่วัดมักจะเมตตาฉันเสมอ  ป้าขิมซึ่งสมัยก่อนเป็นแม่ครัววัด ได้ให้หนังสือ อนุสรณ์พิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูอนุกูลวรวัฒน์ (สุพจน์ สงวนพันธุ์) เลยได้เขียนสมความตั้งใจ
ขออนุญาตเล่าตามหนังสือ
๑.  ประวัติสังเขป  การเล่าประวัติวัดน้อยนางหงษ์ ไม่มีหลักฐานแน่นอน แต่เก็บใจความจากการที่หลวงปู่ท่านเคยคุยให้ฟังแล้วนำมาประมวลเป็นประวัติขึ้น ซึ่งมีความเป็นมาว่า วัดน้อยนางหงษ์ เริ่มสร้างเมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด คาดว่าประมาณ พ.ศ. ๒๓๕๐ ในปลายรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระอาจารย์ปิ่น (ไม่ปราฏฉายา) เป็นพระลูกวัดแห่งสำนักวัดดาวดึงษารามได้มาซื้อที่ดินของชาวสวนผู้หนึ่งในราคา ๓๐.๐๐ บาท (สามสิบบาท) แล้วได้เริ่มสร้างเป็นสำนักที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นที่อยู่บริวาสกรรมของพระสงฆ์ เพราะเห็นว่าเป็นที่เงียบสงบ ประกอบกับมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ในเืรื่องนี้ หลวงปู่ท่านคาดว่า  นายน้อย นางหงษ์ ได้เป็นผู้ออกทุนทรัพย์ให้สร้างเป็นวัดขึ้น  หรืออาจเป็นเจ้าของที่ดินก็ได้  ซึ่งก็เป็นเพียงการคาดคะเนเท่านึ้น
วัดถุประสงค์ในการที่ท่านอาจารย์ปิ่น มาซื้อที่ดิน สร้างสำนักแห่งนี้ขึ้นนั้น คิดว่าท่านอาจารย์ปิ่นท่านคงจะเห็นว่า
ก.  สถานที่แห่งนี้อยู่กลางป่าลึก สงบสงัด และเห็นว่ามีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง (ต้นโพธิื์์ฺ์์นี้คาดว่าคงจะเป็นต้นที่อยู่ริมคลองบางยี่ขัน มุมเขตด้านตะวันตกเฉียงใต้ปัจจุบัน) โดยจะสร้างให้เป็นที่สำหรับอยู่ปริวาสกรรม ปฏิบัติวิปัสสนาสำหรับพระสงฆ์ขึ้น
ข.  ในบางโอกาสสถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ซ่องสุมของพวกโสณฑ์ทุจริตมิจจฉาชีพอีกด้วย ซึ่งในลักษณะเช่นนี้ คงจะไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านมากนัก และการที่ผู้คนไม่ค่อยสัญจรไปมาพลุ่กพล่านนี้เองเป็นเหตุทำให้สงบ สงัด สมควารที่จะเป็นที่อยู่ปริวาสสกรรมและปฏิบัติวิปัสสนาของพระสงฆ์อย่างยิ่ง (หลวงปู่ท่านเล่าว่า ท่านเคยได้ทราบว่าหลังเวลา ๔ โมงเย็นแล้ว บริเวณแถบนี้แทบจะไม่มีคนเดินเลย เพราะเปลี่ยวมาก)
ค.  ปราศจากการรบกวนอันเป็นสัปปายะแก่พระสงฆ์ ผู้มุ่งความสงบและบำเพ็ญสมณธรรมอันควรแ่ก่สมณภาวะอย่างยิ่ง
ตามประเพณีนิยม การสร้างวัดในสมัยโบราณแต่เก่าก่อนนั้นมักจะปรารภเหตุหลายประการ แต่อย่างไรก็ตาม ประเพณีการสร้างวัดนั้น  ถือเป็นบุญกุศลสูงสุด เพราะใช้เป็นที่อบรมบ่มนิสัยกุลบุตรให้เป็นพลเมืองที่สมบูรณ์ในสังคมไทยที่แท้จริง  ซึ่งการอบรมบ่มนิัสัยนั้นจะโดยวิชาการประเภทใดประเภทหนึ่งก็ตาม ก็ถือว่าได้มาจากวัด มีความผูกพันนี้เองทำให้คนติดวัดเอาใจใส่วัดฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่าการสร้างวัดนั้นมีวัตถุประสงฆ์ที่พอประมวลได้ดังนี้
๑.  ผู้มีทุนทรัพย์มากมาย ประสงค์จะบำเพ็ญกุศลสาธารณะจึงสร้างวัดขึ้น เพื่อให้เป็นที่อยู่ของพระภิกษุสามเณร และประชาชนจะได้อาศัยวัดเป็นที่ประกอบการกุศลต่่างๆ ตามกาลโอกาส
๒.  ตามปกติคนไทยที่นับถือพุทธศาสนา ถือว่าวัดเป็นที่รวมของบรรดากิจกรรมต่างๆ ของชุมชน เช่นเป็นที่ประชุม เป็นศาลาประชาคมเป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากถือว่าเป็นของกลางชุมชน และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อีกด้วย
๓.  ตระกูลใหญ่ๆ ที่มีสมาชิกของตระกูลมากมาย ประสงค์จะให้มีศูนย์กลางประจำวงศ์ตระกูลของตน จึงได้สร้างวัดขึ้นเพื่อ
๓.๑  ให้ลูกหลานซึ่งเป็นสมาชิกของตระกูลได้ใช้เป็นที่สังสรรค์ขอบรรดาสมาชิกของวงศ์ตระกูล และบุคคลทั่วๆ ไป
๓.๒  เป็นวัดประจำตระกูลโดยถือว่าบรรพบุรุษเป็นผู้สร้าง ลูกหลานช่วยบำรุงในโอกาสต่อมา
๓.๓  เป็นศูนย์กลาง สำหรับลูกหลานได้มาใช้เป็นที่สำหรับประกอบกิจกรรมทางศาสนาตามโอกาสเทศกาลต่างๆ
๓.๔  เป็นการประกาศเกียรติคุณของวงศ์ตระกูล
๓.๕  เป็นการสั่งสมบุญบารมีของหัวหน้าวงศ์ตระกูล
๔.  เป็นศูนย์รวมศรัทธาของประชาชน ซึ่งประชาชนทุกสารทิศ สามารถใช้เป็นที่ประกอบกิจกรรมไ้ด้
เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นสาเหตุแห่งการสร้างวัด แต่การสร้างวัดน้อยนางหงษ์ ดูจะมีมีวัตถุประสงค์ต่างจากที่กล่าวมา กล่าวคือ ท่านผู้สร้าวัตถุประสงค์จะเป็นที่อยู่ปริวาสกรรม และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสำหรับพระสงฆ์เท่านั้น ดังนั้นวัดจึงมาตั้งอยู่กลางป่าลึกรกชัฏ  ยากแก่การสัญจรไปมาของประชาชน
๒.  นามเหตุ  และปฐมเจ้าอาวาส
เสนาสนะแห่งนี้ เมื่อสร้างขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้วเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ท่านผู้มีศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์สร้างวัด  หรือเจ้าของที่ดิน คือ นายน้อย นางหงษ์  วัดจึงได้ชื่อว่า “วัดน้อยนางหงษ์”   ตามชื่อของสองสามีภรรยาชาวสวน และหลังจากได้สร้างวัดแล้ว  ท่านอาจารย์ปิ่น  ในฐานะผู้ก่อตั้งวัดจึงได้เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก โดยเป็นผู้ควบคุมดูแล และปกครองพระสงฆ์ที่มาอยู่ในวัดตั้งแต่นั้นมา
หลังจากนั้น  อีกนานเท่าไรไม่ปรากฏเป็นหลักฐานแน่นอนท่านได้กลับไปอยู่วัดดาวดึงษารามอีก ทั้งนี้เนื่องจาก :
๒.๑  ความประพฤตินอกรีตนอกรอยฝ่าฝืนพระธรรมวินัยของพระสงฆ์ที่อยู่ภายในวัด  โดยพระภิกษุที่มาอยู่ภายในวัดนั้นได้ประพฤตินอกธรรมนอกวินัย เสพของมึนเมา เล่นการพนัน ตั้งซ่องโจร เป็นต้น ซึ่งท่านไม่สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้  ผลที่สุดท่านเกิดความเบื่อหน่าย จึงได้หนีกลับมาอยู่วัดดาวดึงษารามตามเดิม
๒.๒  ความเสื่อมโทรมของวัดเอง  เมื่อพระภายในวัดประพฤตินอกรีตนอกรอบ  ผิดธรรมวินัยต่างๆ อันไม่เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของประชาชนแล้ว  วัดก็ขาด การเอาใจใส่บำรุง จึงทำให้วัดเสื่อมโทรม   ที่สุดกลายเป็นวัดร้างไปโดยปริยาย
เมื่อท่านได้กลับไปอยู่ที่วัดดาวดึงษารามแล้ว ก็ได้เห็นความประพฤติไม่เหมาะสมของพระวัดดาวดึงษาราม เช่นเดียวกับที่ท่านประสบที่วัดน้อยนางหงษ์อีก จึงเกิดความเบื่อหน่าย ออกจากวัดดาวดึงษารามไปอีก และได้ทราบว่าท่านได้ไปอยู่ทางวัดเขาสมอคอน  อำเภอท่ารุ้ง จังหวัดลพบุรี ต่อมาท่านได้เกิดสัญาวิปลาสขึ้น และได้หายสาบสูญไปแต่นั้นมา
การที่ท่านอาจารย์ปิ่น เกิดสัญญาวิปลาสนี้ อาจจะเป็นเพราะ่ท่านมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเห็นพระมีความบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นที่เคารพ เป็นที่ศรัทธาปสาทะของชาวบ้านจนถึงกับออกจากวัดดาวดึงษารามมาหาที่สร้างวัดใหม่เพื่อให้เป็นที่อยู่ปริวาสกรรมของพระสงฆ์ และเมื่อได้หาที่ได้ตามประสงค์แล้ว พระที่มาอยู่ไม่เป็นไปตามความตั้งใจของท่าน จนท่านระอา ต้องกลับไปอยู่วัดดาวดึงษารามอีกและเมื่อกลับไปอยู่ที่วัดดาวดึงษารามแล้ว ก็ยังได้พบเห็นอาจาระไม่ดีต่างๆ จะได้พบเห็นความประพฤติเรียบร้อยของพระสงฆ์ ด้วยความคิดอยู่อย่างนี้ จนทำให้เกิดอาการสัญญาวิปลาสขึ้นดังกล่าว
๓.  บริเวณ และที่ตั้งวัด
วัดน้อยนางหงษ์ ตั้งอยู่เลขที่ ๓๔๖ แขวงบางยี่ขัน เขตบางกอกอกน้อย กรุงเทพฯ เป็นวัดราษฎร์ ชนิดพัทธสีม เดิมมีเนื้อที่ ๗ ไร่   ๓ งาน มีอาณาเขตดังนี้
ทิศเหนือ                     จรดลำรางคั่นระหว่างที่วัดกับที่ของท่านขุนเผดิมระบิล  (ชัย  ปัทมะสังข์)  ต่อมาทายาทของท่านขุนเผดิมระบิล ได้ถวายที่ติดกับวัด
ด้านเหนือ เพิ่มเติมอีก  ๒ งาน  ๔๔ วา จึงทำให้วัดมีที่เพิ่มอีก  รวมเป็น  ๘ ไร่  ๑  งาน ๔๔  วา โดยทิศเหนือจรดลำรางคลองบางยี่ขัน
ทิศตะวันออก             จรดลำรางแยกคลองบางยี่ขัน  ซึ่งอ้อมเขตวัดไปทางทิศเหนือตลอดเขตวัด
ทิศใต้                         จรดคลองบางยี่ขัน ซึ่งตรงออกไปบางบำหรุ
ทิศตะวันตก               จรดที่ดินของนายพยุง   น้อยไปดี  ตลอดแนว
๔.  เสนาสนะ  ขอจัดแยกเป็นลำดับ  ๓ ระยะด้วยกัน  คือ
๔.๑  ระยะแรก เป็นระยะที่ก่อตั้ง เข้าใจว่าคงจะกระจัดกระจายอยู่ภายในที่ดินของวัด ไม่เป็นหมวดหมู่ วัดนี้เดิมเป็นวัดวิปัสสนา กุฏิ อาจจะกระจัดกระจายตามแบบฉบับของกุฏิวิปัสสนาทั่วไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้พระที่อยู่ในวัดคลุกคลีกัน เสนาสนะตามรูปนี้ ต่อมาได้กลายเป็นที่ซ่องสุมของพวดมิจฉาชีพ โดยพระที่มาอยู่ต่างไม่ประพฤติปฏิบัติในศีลาจารวัตร อันเป็นเหตุให้ท่านอาจารย์ปิ่น ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสหนีกลับไปอยู่ที่วัดดาวดึงษารามตามเดิม เนื่องจากไม่พอใจการประพฤติปฏิบัติของพระภายในวัด เมื่อพระอาจารย์ปิ่น ไม่อยู่เช่นนี้จึงทำให้วัดกลายเป็นวัดร้างไป เพราะขาการดูแลเอาใจใส่ ในระยะนี้เข้าใจว่า คงจะได้มีการสร้างอุโบสถขึ้นมาแล้ว แต่คงเล็ก และเมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ดูแลจึงทำให้ทรุดโทรมลงไป
๔.๒  ระยะที่สอง เป็นระยะที่ฟื้นฟูวัดใหม่ โดยพระยาโชฎีกราชเศรษฐี ซึ่งเป็นจีนแคะ มีอาชีพ เป็นพ่อค้ามาพบเข้า  จึงได้ปฏิสังขรณ์วัดขึ้นมาใหม่ ทำให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ขึ้น โดยได้นิมนต์ท่านอาจารย์แย้ม (จากวัดสามกุฏิ ปัจจุบันชื่อว่า วัดอมรคีรี) มาอยู่ดูแลวัดและสร้างอุโบสถใหม่ขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และได้ย้ายเสนาสนะมาไว้ด้านเหนืออุโบสถทั้งหมด ซึ่งเสนาสนะที่ได้ย้ายมานั้นคงจะไม่ได้รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนดังปัจจุบันคงกระจัดกระจายอยู่เป็นหลังๆ เช่นเดิม เพียงแต่ย้ายจากที่กระจัดกระจายตามบริเวณต่างๆ มารวมไว้ทางด้านเหนืออุโบสถเท่านั้น
ก.  เกี่ยวกับพระอุโบสถที่พระยาโชฎีกราชเศรษฐีได้สร้างขึ้นมาใหม่นั้น ท่านได้จัดสร้างอนุสรณ์ประจำอาชีพของท่านคือ ทำรูปเรือสำเภาปูนปั้นขึ้นที่หน้าบันอุโบสถ และในบริเวณวัด ท่านก็ได้นำหินที่ใช้ถ่วงท้องเรือสำเภาที่เรียกว่า อับเฉาเรือ ซึ่งนำมาจากเมืองจีนมาไว้ในบริเวณวัดนี้มาก เพื่อใช้เป็นประโยชน์แก่ทางวัดใช้ปูถนนและสิ่งก่อสร้างภายในวัดเป็นต้น
ข.  ในระยะที่พระยาโชฏีกราชเศรษฐีได้มาบูรณะวัดขึ้นใหม่นี้ หลังจากที่ได้บูรณะแล้ว ได้นิมนต์ท่านอาจารย์แย้ม มาเป็นเจ้าอาวาสซึ่งวัดก็ได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาโดยลำดัลและได้มีการทอดกฐินทุกปี โดยพระยาโชฎีกราชเศรษฐีเป็นผู้จองกฐินทุกปีตลอดมา ทำให้ฐานะของวัดดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้เพราะมีผู้อุปถัมภ์วัดเป็นผู้ดูแลเอาใจใส่
๔.๓ ระยะที่สาม เป็นระยะที่พระครูอนุกูลพิทยา (เส่ง  อินทฺสโร) เป็นเจ้าอาวาสได้ทำการรวบรวมเสนาสนะที่กระจัดกระจายกันอยู่ให้เข้ามาอยู่รวมกันเป็นหมวดเป็นหมู่ ซึ่งคาดว่าจะกระทำเป็น ๒ ระยะ คือ
ระยะแรก  เป็นระยะที่ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่  พ.ศ. ๒๔๖๐ เป็นต้นมา ได้มีการรื้อเสนาสนะที่กระจัดกระจายอยู่ตามบริเวณวัดนำมาปลูกอยู่รวมกันเป็นหมวดหมู่คณะ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของหมู่คณะ และสะดวกต่อการดูแลพระภิกษุสามเณรภายในวัด
ระยะปัจจุบัน  เริ่มตั้งแต่  พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นต้นมา ได้มีการรื้อเสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรม อันได้แก่หมู่กุฎีทั้งหมด  ได้มีการรื้อแล้วสร้างใหม่ทั้งหมด   ดังปรากฏในปัจจุบันนี้
๕.  ลำดับเจ้าอาวาส
ในการเขียนเรื่องลำดับเจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์นี้ มีความลำบากใจมากเกี่ยวกับ ปี พ.ศ. ที่บรรดาอดีตท่านเจ้าอาวาสเหล่านั้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสอยู่ เพราะไม่ปรากฏหลักฐานอะไรเลย นอกจากจะได้ทราบจากเารียนถามหลวงปู่พระครูอนุกูลพิทยา ซึ่งท่านจะเล่าให้ฟังในบางครั้ง บางคราวว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ไม่ทราบ พ.ศ. ที่แน่นอน ฉะนั้น พ.ศ. ที่ระบุมานี้ เป็นการคาดคะเนตามเหตุการณ์ แต่อาจจะคลาดเคลื่อนบ้าง ที่ต้องการระบุ พ.ศ. ไว้นี้ก็เพื่อต้องการจะรักษาประวัติของวัดไว้ ขอได้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย
๑.  พระอาจารย์ปิ่น  เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่เริ่มก่อสร้างวัดราว พ.ศ. ๒๓๕๐ เศษ ไม่ทราบว่าเป็นอยู่กี่ปี จึงได้หนีกลับไปอยู่ที่วัดดาวดึงษารามตามเดิม ต่อมาวัดนี้จึงกลายเป็นวัดร้าง
๒.  พระอาจารย์แย้ม (ไม่ทราบ พ.ศ.) แต่เข้าใจว่าเป็นเจ้าอาวาสจนถึงมรณภาพ ราว พ.ศ. ๒๓๙๕
๓.  พระอาจารย์รอด เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๙๕ ถึง พ.ศ. ๒๔๓๓ รวมระยะเวลา ๓๖ ปี และดูเหมือนว่าอุโบสถจะเสร็จเรียบร้อยในสมัยของท่าน
๔.  พระอาจารย์ริด ย้ายจากวัดบางยี่ขันไปเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ปีขาล พ.ศ. ๒๔๓๓  ถึง ปี พ.ศ. ๒๔๔๗ รวมระยะเวลาเป็นเจ้าอาวาส ๑๓ ปี
๕. พระอาจารย์ชม เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๔๗ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๒ ได้ลาสิกขาเมื่อเป็นเจ้าอาวาสได้ ๕ พรรษา
๖.  พระอาจารย์แพ เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๒ ถึง พ.ศ. ๒๔๖๐ รวมระยะเวลาเป็นเจ้าอาวาส ๘ ปี
๗.  พระครูอนุกูลพิทยา (เส่ง   อินฺทสโร) เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๐ จนถึง พ.ศ. ๒๕๒๑ รวมระยะเวลาเป็นเจ้าอาวาส ๖๐ ปี
๘.  พระครูอนุกูลวรวัฒน์ (สุพจน์ เขมาสโย) เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๒ จนถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมระยะเวลาเป็นเจ้าอาวาส ๓๒ ปี
๙.  พระครูอาทรบุญกิจ (บุญรอด  สุเมโธ) ป.ธ. ๕ เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน
๖.  สิ่งก่อสร้างภายในบริเวณวัดสมัยเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๒๑)
พระอนุกูลพิทยา (เส่ง อินฺทสโร) ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์อย่างเป็นทางการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้บูรณะปฏิสังขรณ์และก่อสร้างเสนาสนะภายในวัดให้เป็นระเบียบและจัดเป็นหมวดหมู่ขึ้นทำให้บริเวณวัดกว้างขวางเป็นสัดส่วน ในสมัยที่ท่านเป็นเป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันปกครองวัดนั้น ท่านได้ก่อสร้างสิ่งต่างๆภายในวัดแทบจะพูดได้ว่าสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดในสมัยของท่านนั้นเองซึ่งสิ่งก่อสร้างต่างๆ เหล่านั้น มีทั้งเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์และเสนาสนะสาธารณประโยชน์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้ดูที่ประวัติของท่านในเรื่องเกี่ยวกับสาธารณูปการประเภทถาวรวัตถุ
วัดน้อยนางหงษ์ยังมี ลวดลายจิตกรรมฝาผนัง ภายในพระอุโบสถที่งดงามมาก
บทบาทของวัด เจ้าอาวาส รณรงค์ให้เป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕
“ชุมชนรักษาศีล ๕
ศีลเท่านั้น          กันตน         พ้นทุจริต
ศีลเท่านั้น         กันจิต           คิดทำชั่ว
ศีลเท่านั้น         นำเราไป       ไกลเมามัว
ศีลเท่านั้น         เป็นเช่นรั้ว       ล้อมตัวเรา
ช่วงเทศกาลเข้าพรรษา จะมีการสวดมนต์ไหว้พระ เวลา ๑๙.00 น.
ทุกวันพระ  จะมีการตั้งบาตรที่วัด  และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ทุกวัน ตอนตี ๔  จะได้ยินเสียงพระเคาะระฆัง ให้พระและฆาราวาสลุกขึ้นทำวัตรสวดมนต์เช้า
ทุกวัน ตอน ๕ โมงเย็นจะได้ยินเสียงพระเคาะระฆัง ให้พระและฆาราวาส ทำวัตรสวดมนต์เย็น
เนื่องจากแถวบ้านมีวัดอื่นๆ อีกหลายวัดที่สามารถเดินไปมาได้ โดยมีคลองบางยี่ขัน เป็นเขตแบ่งเชื่อมระหว่างวัด โดย  คลองนี้สามารถใช้เรือไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้
วัดที่ใกล้เคียงได้แก่
๑.  วัดสามกุฏิ (ชื่อใหม่ วัดอมรคีรี)
๒.  วัดบางยี่ขัน
๓.  วัดดาวดึงษาราม
๔.  วัดจตุรมิตร
๕.  วัดพระยาศิริไอศวรรย์
๖. วัดคฤบดี
๗. วัดบวรมงคล
วัดน้อยนางหงษ์  บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ จะติดกับคลองบางยี่ขัน และสะพานบางยี่ขัน  ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วัดมาฆบูชา วัดวิสาขบูชา วันอัฏมีบูมี และวันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา  เนื่องจากเป็นวัดหยุดราชการ ข้าพเจ้าไปทำบุญที่วัด และช่วงค่ำ จะไปเวียนเทียนที่วัด ตามประกาศที่วัดประชาสัมพันธ์ให้ทราบ   ในเทศกาลทำบุญทอดกฐิน ข้าพเจ้าไปทำบุญทุกวัด เนื่องจากเป็นการทำบุญเฉพาะกาล ก็จะไปทำบุญทุกวัดตามโอกาสและปัจจัย มีน้อยทำน้อย มีมากทำมาก ไม่เบียดเบียนตนเอง
แต่ละวัดก็มีระเบียบข้อปฏิบัติ ตามธรรมเนียมและข้อปฏิบัติไม่เหมือนกัน เช่น วัดอมรคีรี มี การปิด-เปิด ของประตูวัดเป็นเวลา
การฟังพระธรรมเทศนา  ทั้งนี้เราสามารถไหว้พระสวดมนต์ รับศีลไปจากบ้านก่อนได้ ถึงแม้จะไปวัดสายแล้ว
วัดนอกจากเป็นสถานที่ให้ทุกคนมาปฏิบัติธรรมแล้ว ยังเป็นแหล่งสอนศีลธรรมและแหล่งพิธีกรรมทางศาสนา เช่น  พิธีเผาศพ เมื่อสมัยป็นเด็ก มีการนำศพมาไว้ที่วัดเพื่อบำเพ็ญกุศล  ศพทุกศพได้เห็นทุกครั้ง เนื่องจากว่า จะต้องมีพิธีรดน้ำศพ บ้านของฉันอยู่ใกล้วัด ก่อนบรรจุใส่โลงจะต้องมีการรดน้ำศพเพื่อขออโหสิกรรม   ศพจึงดูเหมือน จะเป็นการเตือนให้เรารู้ว่า เกิดมาทุกคนต้องตาย
 
 
 

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร