ผักญี่ปุ่น
ได้ไปอ่านเจอมาจากนิตยสารแล้วชอบ เลยเอามาฝากเป็นเกร็ดความรู้ จริงๆผักของไทยกับของญี่ปุ่นก็คล้ายๆกันเนอะ
เรนคง : รากบัว ชาวญี่ปุ่นนิยมนำรากบัวมาทำอาหารหลายประเภท เช่น เทมปุระ คุชิอาเกะ และผัดผัก เป็นต้น รากบัวอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งมีปริมาณเทียบเท่าเลมอน 1-3 ลูก มีส่วนช่วยในการการดูแลเรื่องผิวพรรณ ช่วยป้องกันจุดด่างดำและรอยเหี่ยวย่น ช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากความเครียด
คาโบฉะ : ฟักทอง กลายเป็นอาหารยอดนิยมของคนญี่ปุ่นถึงขนาดมีเทศกาลโทจิ วันที่มีช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุด ประมาณวันที่ 22 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันที่ชาวญี่ปุ่นจะมีธรรมเนียมทานฟักทองกันในวันนี้ ฟักทองเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง ช่วยในการป้องกันไข้หวัด มีประสิทธิภาพในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
ไดคง : หัวไชเท้า ที่ญี่ปุ่นมีการนำมารับประทานทั้งแบบดิบ และแบบปรุงสุก ส่วนใหญ่นิยมทานเพื่อลดความมันของอาหาร นำไปต้มในซุป หรือนำไปทำผักดองด้วย หัวไชเท้าที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สุซุชิโระ” นอกจากนี้ยังมีสีแดง เขียว ม่วงและดำอีกด้วย การรับประทานหัวไชเท้าดีต่อกระเพาะอาหาร ช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร ขับเสมหะ ขับปัสสวะ รักษาอาการร้อนใน และรักษาโรคไข้หวัดได้
คาบุ : หน้าตาค่อนข้างคล้ายกับหัวไชเท้า แต่มีหัวที่แข็งและสั้นกว่า คนญี่ปุ่นนิยมนำมาต้มใส่ซุปหรือสตูว์ มากกว่าทานแบบสด ส่วนใบก็สามารถนำมารับประทานได้ คาบุเป็น 1 ใน 7 พืชผักผลไม้แห่งฤดูใบไม้ผลอของญี่ปุ่นที่มีชื่อเรียกว่า “สุซุนะ” ส่วนหัวของคาบุมีสรรพคุณเหมือนกับหัวไชเท้า ส่วนใบอุดมไปด้วยวิตามินซี เบต้าแคโรทีนและวิตามินบี2 ซึ่งช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว
คัมเปียว : มาจากเส้นใยสีขาวของฟักเขียวที่นำไปตากแห้ง เป็นวัตถุดิบที่ชาวญี่ปุ่นนำมาประกอบอาหารประเภทต้ม ผัด ยำ และนิยมนำไปต้มกับน้ำ โชวยุ สาเก และน้ำตาล เพื่อทำเป็นไส้ซูชิที่ชื่อ คัมเปียวมากิ คัมเปียวมีส่วยช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น จึงมักติดอยู่ในลิสต์รายชื่ออาหารสำหรับคนญี่ปุ่นที่กำลังไดเอท คัมเปียวมีแคลเซียม โพแทสเซียม และกากใยอาหารสูง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก อีกทั้งดูดซึมของเสียที่อยู่ในไตและกระตุ้นให้ขับออกมาทางปัสสาวะ
โคมัสสึนะ : นิยมใช้เป็นส่วนผสมของซุปมิโซะ นาเบะ นำไปประกอบอาหารทั้งผัดและยำ หรือใช้แทนผักโขม เป็นผักที่ขาดไม่ได้ในโอโวนิ ซุปที่ชาวญี่ปุ่นนิยมทานคู่กับโอเซจิเรียวริในวันปีใหม่ โคมัสสึนะช่วยเรื่องโลหิตจาง ป้องกันโรคกระดูกพรุน อุดมไปด้วยโพรลีนซึ่งเป็นสารช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย มีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยดูแลเรื่องเส้นผม ผิวหนัง และต่อมต่างๆในร่างกาย
คิวริ : แตงกวาญี่ปุ่นมีน้ำเป็นส่วนประกอบ จึงนิยมทานกันในฤดูร้อนเพื่อช่วยกักเก็บและทดแทนน้ำในร่างกาย จะทานสดๆหรือนำไปดองก็ได้ ลักษณะผลของแตงกวาญี่ปุ่นจะใหญ่ยาวเหมือนแตงล้านของไทย แต่มีผิวขรุขระกว่า มีเบต้าแคโรทีน โพแทสเซียม ช่วยเรื่องผิวพรรณและเส้นผม และยังมีโซเดียมซึ่งช่วยในการขับของเสียออกทางร่างกาย มีประโยชน์กับคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง
มิซึบะ : ผักชนิดนี้ขึ้นได้เองตามธรรมชาติ อุดมด้วยวิตามินเอ ซี และธาตุเหล็ก ช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัวลดความเครียด กลิ่นหอมของมิซึบะช่วยกระตุ้นให้อยากอาหารได้เป็นอย่างดี
มิซุนะ : เป็นผักประเภทไม้ล้มลุก ชาวญี่ปุ่นมักจะใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารประเภทนาเบะ ดอง และยำ มิซุนะมีแคลเซียมและวิตามินซีสูง ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย มีใยอาหารสูง ช่วยป้องกันมะเร็วลำไส้ใหญ่ และสามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายได้
ชิโสะ : เป็นผักที่มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว มี 2 ชนิด คือ อาคะชิโสะ ที่มีใบเป็นสีแดง และอาโอะชิโสะ ที่มีใบเป็นสีเขียว ชาวญี่ปุ่นใช้ประโยชน์ของกลิ่นฉุนนี้เพื่อดับคาวของอาหารทะเล นอกจากนี้เมล็ดของชิโสะยังสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันได้อีกด้วย ชิโสะมีสารอาหารสูงมากโดยเฉพาะวิตามินเอ ซึ่งมีมากที่สุดในบรรดาผักทั้งหมด มีโพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินบี 1 บี 2 และซี ที่ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาท
ฮะคุไซ : ผักกาดขาวเป็นส่วนประกอบของอาหารญี่ปุ่นมากมายหลายเมนูทั้งต้ม ซุป ผัด และดอง มีแคลอรี่ต่ำ มีโพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี รวมถึงใยอาหาร และอุดมไปด้วยวิตามินซีที่มีมากกว่าแอปเปิ้ลถึง 5 เท่า
เนกิ : ต้นหอมญี่ปุ่นมี 2 ชนิด คือ Hanegi เป็นต้นหอมแบบที่เดียวกับที่เราคุ้นเคย และอีกชนิดหนึ่งชื่อว่า Naganegi ที่มีลำต้นสีขาวขนาดใหญ่และยาว มีใบสีเขียว เป็นผักที่สามารถใช้ปรุงอาหารได้หลากหลาย เนกิประกอบด้วยสารอัลลิซินเช่นเดียวกับสารที่พบในหอมหัวใหญ่และกระเทียม ซึ่งช่วยลดคอเลสตอรอลได้ และยังมีวิตามินบี 1 ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ
นาสุ : มะเชือม่วงผักสุดโปรดปรานของชาวญี่ปุ่น เป็นผักประจำฤดูร้อนขึ้นได้ตลอดปี ชาวญี่ปุ่นนำมาปรุงอาหารหลากหลายทั้งย่าง ต้ม และทอด เป็นที่นิยมทานในหมู่สาวๆเนื่องมีปริมาณแคลอรี่ต่ำ มีวิตามินบี ซี โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และแคลเซียมที่คอยช่วยประบสมดุลในร่างกาย
ชุนกิคุ : ตั้งโอ๋เป็นผักที่มีกลิ่นและรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีหน้าตาคล้ายกับดอกคิคุ ชาวญี่ปุ่นจึงเรียกว่ชุนกิคุ สรรพคุณอุดมด้วยสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งลดควมเสื่อมของเซลล์จากอนุมูลอิสระและดูแลรักษาผิวพรรณให้ผ่องใส มีวิตามินเคสูง ช่วยป้องกันเลือดออกภายในและภาวะเลือดไหลไม่หยุดได้
ซาโตะอิโมะ : เนื้อด้านในเป็นสีขาว ชาวญี่ปุ่นมักจะนำส่วนของลำต้นที่อยู่ใต้ดินมาประกอบอาหาร ส่วนก้านก็สามารถรับประทานได้ มีแคลอรี่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับมันชนิดอื่นๆ มีโพแทสเซียมสูงป้องกันความดันโลหิตสูง และช่วยขับของเสียออกจากร่างกายไปยังเหงื่อและปัสสาวะได้อีกด้วย
ซัสสึมะอิโมะ : มันหวานญี่ปุ่นมีรสชาติหวานเป็นเอกลักษณ์ นิยมนำส่วนหัวมาปรุงอาหาร ก้านและใบสามารถนำมารับประทานได้ มีวิตามินซี แคลเซียม และใยอาหารช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ ลดเมลานินในผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
ยามะอิโมะ : เป็นชื่อรวมประเภทของมันที่ขึ้นตามป่าภูเขาในญี่ปุ่น ชนิดยอดนิยมที่สุดคือ นากาอิโมะ ส่วนมันภูเขาชนิดอื่น ได้แก่ จิเน็นโฉะ สึคุเนะอิโมะ อิโจวอิโมะ และมุคาโกะ มีแอนไซม์ที่ช่วยย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลสำหรับร่างกาย มีมิวซินที่ช่วยป้องกันและรักษาให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และลดปริมาณคอเลสเตอรอลอีกด้วย
เมียวกะ : เป็นพืชในตระกูลขิง มีกลิ่นค่อนข้างเฉพาะตัวและแรงกว่าขิงทั่วไปเลยทานได้ยากเล็กน้อย 90% ของเมียวกะประกอบไปด้วยน้ำจึงไม่ค่อยมีสารอาหาร แต่จะช่วยได้ดีในเรื่องร้อนใน อาการเจ็บคอ และอ่อนเพลียในฤดูร้อน
ทาเคโนะโกะ : หน่อไม้เป็นผักประจำฤดูร้อน ชาวญี่ปุ่นนิยมทานสดและปรุงสุก โดยนำไปต้มใส่น้ำซุป และที่เห็นเป็นส่วนใหญ่คือนำไปใส่ในราเมน หน่อไม้มีสารอาหารมากมาย เช่น โปรตีน โพแทสเซียม วิตามินบี 1บี 2 เป็นต้น ที่สำคัญยังมีกรดอะมิโนซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท
วาซาบิ : เป็นผักที่มีต้นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น เมื่อทานเข้าไปจะเกิดอาการแสบจมูกในระยะเวลาสั้นๆ และเปลี่ยนเป็นรสขมปนหวานผสมผสานกัน วาซาบินับเป็นเครื่องเทศของอาหารญี่ปุ่นที่ใช้กันมานานกว่าพันปี ซึ่งมักจะแซมไปกับซูชิ ปลาดิบ โซบะ และสเต็ก ส่วนใบ ก้านและดอกก็สามารถรับประทานได้ วาซาบิสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียในสำไส้ใหญ่และช่วยป้องกันปรสิตที่อาศัยอยู่ในอาหารทะเลได้ ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมทานคู่กับปลาดิบ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต่อต้านสารก่อมะเร็งและป้องกันฟันผุ
ยูริเนะ : เป็นพืชที่ปลูกในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น มีลักษณะคล้ายกับหัวกระเทียม สีขาวครีมและมีสีชมพูอ่อนตรงปลาย นอกจากทำอาหารยังนำไปทำเป็นยาได้ด้วย ยูริเนะไม่มีเปลือกจึงสามารถทานได้เลย มีปริมาณโพแทสเซียมสูงป้องกันโรคโลหิตจางและช่วยเรื่องการทำงานของกล้ามเนื้อในร่างกาย พอนำไปสกัดเป็นยาก็จะช่วยในเรื่องการขับปัสสาวะ แก้ไอ และบำรุงประสาท
โกโบ : นำใบและรากมาประกอบอาหาร โกโบเป็นผักที่มีใยอาหารสูง ช่วยแก้อาการท้องผูก และขับของเสียที่อยู่ในลำไส้ออกมาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยขับเสมหะและอาการร้อนใน
ขอบคุณข้อมูลและภาพ : นิตยสารสำหรับคนอยากรู้เรื่องญี่ปุ่น DACO ฉบับที่ 142 เดือนกรกฎาคม 2558