Wall – E
ช่วงวันหยุดเข้าพรรษายาว 3 วันหลังจากเตรียมเอกสารที่จะใช้อมรมครูเสร็จ ช่วงเย็นเลยได้มีเวลานั่งดูหนังแผ่น (VCD) กับลูกๆ ที่จริงหนังแผ่นพวกนี้เวลาไปเดินห้างสรรพสินค้าตอนสิ้นเดือน (ทุกสิ้นเดือนจะไปซื้อของใช้จำเป็นเดือนละครั้ง) ก็จะดูๆ หากถูกใจก็ซื้อเก็บไว้ แต่ไม่ค่อยมีเวลาจะได้ดูซักที ช่วงวันหยุดยาวๆ อย่างนี้เลยมีโอกาส เรื่องแรกที่เราดูกันคือเรื่อง Wall-E หนังเรื่องนี้จำได้ว่า ซื้อเกือบจะ 3 เดือนแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสดูคราวนี้ ตอนเปิดเรื่องดูไปสักพัก ลูกๆ เริ่มสงสัยว่า เป็นเป็นหนังเงียบหรือ เพราะไม่มีเสียงอะไรเลย เป็นภาพเจ้าหุ่นยนต์ตัวเล็กๆ รูปร่างสี่เหลี่ยม วิ่งไปโน้นมานี่ คอยเก็บสิ่งของ หากมันชอบสิ่งไหนก็จะเก็บใส่ไว้ในช่องอกของมัน ที่เหลือมันก็จะบีบอัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยม เอามากองไว้เป็นระเบียบ ที่แท้เจ้าหุ่นตัวนี้มันเป็นหุ่นยนต์กำจัดขยะนั่นเอง ซักพักจะมีเสียงผู้ชายแว่วมาทำนองว่า ขยะของคุณมีมากใช่ไหม ไม่ต้องห่วงเรามีวิธีกำจัดให้ ขอให้คุณปล่อยเป็นหน้าที่ของหุ่นยนต์กำจัดขยะ แล้วคุณก็ไปพักผ่อนกับยานอวกาศท่องเที่ยวนอกโลกให้สบายใจ อะไรทำนองเนี๊ยะ
หนังเรื่องนี้ สร้างโดยดิสนีย์และพิกซ่า อนิเมชั่น เรื่องของเรื่องก็คือว่า โลกที่เราอาศัยอยู่ (แต่เป็นเรื่องสมมุติในอนาคต) เต็มไปด้วยขยะและมลพิษ คนจึงทิ้งโลกไปท่องเที่ยวเดินทางอยู่ในอวกาศ ปล่อยให้เจ้า Wall-E หุ่นยนต์กำจัดขยะทำหน้าที่เก็บขยะอยู่บนโลก เจ้า Wall-E มีแมลงสาบเป็นเพื่อนตัวหนึ่ง ไปไหนไปกันทุกวันที่เจ้า Wall-Eออกไปทำหน้าที่ อยู่มาวันหนึ่งมียานอวกาศมาลงจอดที่โลกแล้วก็ส่งหุ่นยนตร์ตัวหนึ่งลงมาสำรวจหรือแสกนค้นหาอะไรบางอย่าง เจ้าหุ่นตัวนี้ชื่อ อีฟ เป็นหุ่นที่แสดงอิริยาบถเป็นผู้หญิง Wall-E ได้เจอกับอีฟ และตกหลุมรัก Wall-E ได้มอบต้นไม้เล็กๆ ให้อีฟเป็นของขวัญ (ต้นไม้คือสิ่งที่ Wall-E ค้นเจอในระหว่างกำจัดขยะอยู่) เพียงแค่ต้นไม้ต้นเดียว ก็ทำให้อีฟต้องเดินทางกลับไปยานอวกาศ เพราะที่แท้จริงแล้วภาระกิจของอีฟคือ ถูกส่งให้มาหาต้นไม้ เพื่อจะดูว่า โลกที่ถูกทิ้งไป 700 ปีนั้นยังจะสามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับมนุษย์ได้อีกหรือไม่ Wall-E จึงต้องตามอีฟไปที่ยานอวกาศเพื่อให้อีฟกลับมายังโลก แต่อีฟยึดมั่นแต่กับคำว่า “ภาระกิจ” และที่ยานอวกาศนี่เองแสดงให้เห็นความสะดวกสบายของมนุษย์ ไม่ต้องล้างหน้าแปรงฟัน ไม่ต้องเปลี่ยนซื้อผ้า ไม่เดิน ไม่ต้องใช้มือในการกินอาหาร ใช้เสียงสั่งการทุกอย่าง คือแบบว่าทุกอย่าง ทุกกิจกรรม ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาหุ่นยนต์ทั้งหมด ลักษณะของมนุษย์ที่นี่จึงอ้วนลงพุง และเดินไม่เป็น และจากการที่ต้องพึ่งพาหุ่นยนตร์นี่เองทำให้กลายเป็นว่า มนุษย์ได้ถูกหุนยนตร์ควบคุมไปเสียแล้ว ถูกปิดหูปิดตาทุกอย่างและสุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ขอบอกว่า จบแบบ happy ending ค่ะ หากสนใจไปหาดูกันได้ที่ฝ่ายโสตฯ ของหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ก็มีให้บริการเหมือนกันค่ะ (VCD M00563) เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูก็ให้แง่คิดที่ดี
ทั้งเรื่องเจ้า Wall-E และอีฟ จะมีเสียงพูดเป็นเสียงแบบหุ่นยนตร์อาจฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ที่ทำให้คนดูอย่างเราเข้าเนื้อหาคือ การแสดงท่า และการแสดงออกทางดวงตาของหุ่นยนตร์ เหมือนกับเราดูหนังใบ้ ที่ต้องดูอารมณ์และความรู้สึกของผู้แสดงจากท่าทางและสีหน้าเลย ตอนแรกสงสัยว่า เจ้า Wall-E ทำมั้ยทำมัย มันต้องกลับเข้าบ้านตอนเย็น เช้าก็ออกมาทำงาน ตอนจบมีคำเฉลย (แต่ไม่บอกให้ไปดูกันเองดีกว่า) แต่ที่ชอบที่สุดคือตอนจบ ที่เป็นภาพวาดคล้ายภาพฮีโรกราฟิคของอียิปต์ ที่แสดงให้เห็นการสร้างอารยธรรมขึ้นมาใหม่โดยที่เป็นการสร้างร่วมกันระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนตร์ พึ่งพากันแบบที่ไม่มีใครเป็นเจ้านายใคร เป็นการอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน ใช้ทั้งความสามารถของมนุษย์และหุ่นยนตร์ในการสร้างโลกใหม่
ข้อมูลรูปภาพจาก : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=denon&month=08-2008&date=19&group=2&gblog=42
พอดีว่า ถ่ายรูปกล่องใส่ VCD ไว้แต่ไม่ชัด เลยเอารูปจากที่อื่นมาให้ดูกัน
One thought on “Wall – E”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ไม่รู้จะเม้นท์อะไร ครบถ้วนดีแล้ว