ว่าด้วยเรื่อง…ลิขสิทธิ์ (ห้องสมุด)
เนื่องจากตัวเองต้องรับผิดชอบในงานของหอสมุดฯ ที่อาจมีโอกาสไปเกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะจากการที่ได้อ่านเรื่องราวของลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจากหนังสือ หรือเอกสารการสัมมนา หรือแม้แต่พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ รวมถึงครั้งล่าสุดที่ได้มีโอกาสไปร่วมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์สำหรับห้องสมุดและหอจดหมายเหตุ ซึ่งจัดโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา
ยิ่งฟังก็ยิ่งหนาว…เพราะถ้าเอาเข้าจริงๆ แล้ว เรามีโอกาสละเมิดลิขสิทธิ์ได้อยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ลิขสิทธิ์ หมายถึงอะไรคงไม่ต้องพูดถึง เพราะจริงๆ มันคงผ่านเลยจุดนั้นไปแล้ว แต่ที่แน่ๆ ผลงานนั้นๆ เจ้าของลิขสิทธิ์จะมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ เกี่ยวกับงานลิขสิทธิ์ของตน และโดยกฎหมายลิขสิทธิ์ได้ให้ความคุ้มครองถึงสิทธิของนักแสดง และการสร้างสรรค์ด้านเทคโนโลยี เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย ทั้งนี้ไม่คุ้มครองความคิด ขั้นตอน กรรมวิธี ระบบ วิธีใช้ วิธีทำงาน แนวคิด หลักการ การค้นพบ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์
งานสร้างสรรค์ที่มีลิขสิทธิ์ ประกอบด้วยประเภทงานต่างๆ คือ 1) งาน 9 ประเภทที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ งานวรรณกรรม งานนาฏกรรม งานศิลปกรรม งานดนตรีกรรม งานสิ่งบันทึกเสียง งานโสตทัศนวัสดุ งานภาพยนตร์ งานแพร่เสียงแพร่ภาพ และงานอื่นใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ 2) งานสร้างสรรค์ขึ้นเอง โดยไม่ได้ลอกเลียนแบบงานของบุคคลอื่น 3) มีระดับการสร้างสรรค์งานที่เพียงพอ 4) เป็นงานลิขสิทธิ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
ผลงานที่ไม่ถือว่ามีลิขสิทธิ์
– ข่าวประจำวันและข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร
– รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
– ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจ้ง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือท้องถิ่น
– คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
– คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ซึ่งกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น
– ความคิด ขั้นตอน กรรมวิธี ระบบ วิธีใช้ วิธีทำงาน แนวคิด หลักการ การค้นพบ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์
การคุ้มครองลิขสิทธิ์ –> เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ ต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของตน ดังนี้
1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง
2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน
3) ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียง
4) ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น
5) อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิ์ตามข้อ 1, 2 หรือ 3 โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดหรือไม่ก็ได้ ที่ไม่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรม
เมื่อเห็นทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว ก็เป็นที่แน่นอนว่าหากเรากระทำการใดๆ ใน 5 ข้อที่ว่ามานี้ ย่อมเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
การละเมิดลิขสิทธิ์ –> ได้แก่ 1) การละเมิดขั้นต้น เป็นการกระทำแก่งานลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ 2) การละเมิดขั้นรอง เป็นการกระทำเพื่อหากำไร โดยผู้กระทำรู้อยู่แล้ว หรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานนั้นเป็นงานละเมิดลิขสิทธิ์
ถึงแม้ว่ากฎหมายลิขสิทธิ์จะมีไว้คุ้มครองแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ แต่กฎหมายลิขสิทธิ์ก็ยังมีไว้เพื่อการสร้างสมดุลด้วยโดย เป็นทั้งการคุ้มครองเจ้าของลิขสิทธิ์ และประโยชน์สาธารณะ และมีข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ไว้เพื่อให้สังคมได้รับสิทธิ…
ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ –> มาตรา 32 การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้
(1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
(2) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท
(3) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น
(5) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว
(6) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร
(7) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียน หรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร
(8) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ
และในมาตรา 34 การทำซ้ำโดยบรรณารักษ์ของห้องสมุดซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หากการทำซ้ำนั้นมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไรและได้ปฏิบัติตามมาตรา 32 วรรคหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) การทำซ้ำเพื่อใช้ในห้องสมุดหรือให้แก่ห้องสมุดอื่น
(2) การทำซ้ำงานบางตอนตามสมควรให้แก่บุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ในการวิจัยหรือการศึกษา
อย่างไรก็ตาม…ในฐานะที่เราอยู่ห้องสมุด เมื่อเราอ่านข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมด เราก็อย่าได้ตีความเข้าข้างตัวเราว่า เราไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยอ้างว่าเพราะว่าเราปฏิบัติอยู่ในข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือที่เราเรียกว่า Fair Use
คุณตรัสวิน จิตติเตชารักษ์ (กรรมการบริหาร สมาคมผู้จัดพิมพ์ระหว่างประเทศ) ได้พูดไว้ในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์สำหรับห้องสมุดและหอจดหมายเหตุ เกี่ยวกับ Fair use ว่า “เราก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าแค่ไหนคือ Fair” และได้ให้ข้อคิดว่า เราจะหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ได้โดย…
– จงคำนึงถึงเรื่องการคุ้มครองลิขสิทธิ์ให้เป็นนิสัย
– จงคาดไว้ก่อนว่าทุกงานได้รับการคุ้มครองจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าไม่มีเจ้าของ
– จงตรวจสอบว่างานนั้นนำไปใช้สาธารณะได้หรือไม่ และต้องอ้างที่มาเสมอ
– อย่าคิดว่าเนื้อหาบนอินเตอร์เน็ตไม่มีการคุ้มครอง และใครๆ ก็นำไปใช้ได้
– อย่าแชร์ อัพโหลด ดาวน์โหลดงานวรรณกรรม ซอฟต์แวร์ ภาพถ่าย ภาพเขียน ภาพยนตร์ ดนตรี โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของงาน
– อย่านำเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต พึงระลึกตลอดเวลาว่าถ้าเว็บไซต์ไม่ระบุว่า ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ก็แปลว่างานนั้นๆ มีลิขสิทธิ์
อย่างไรก็ดี…ในเรื่องของ Fair Use เราต้องคำนึงถึงหลักการตรวจสอบ Fair use หรือ Three-step-test หรือที่ระบุในมาตรา 32 ที่ว่า “การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น หากไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของ ลิขสิทธิ์ และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์”
ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสได้อ่านและบันทึกข้อมูลจากเว็บบอร์ดของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นคำถามของห้องสมุดว่า การกระทำของห้องสมุดในกรณีต่างๆ ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ (ปัจจุบันพบว่าเว็บบอร์ดนี้หายไปแล้ว) … จึงขอยกมาเป็นตัวอย่างให้อ่านซัก 4-5 ประเด็น เช่น
คำถาม | คำตอบ |
หากห้องสมุดเปิดฉาย vcd / dvd ในห้องสมุด สามารถเก็บค่าบำรุงสถานที่จากผู้เข้าชมได้หรือไม่ | การที่ห้องสมุดเปิดฉาย VCD DVD ในห้องสมุดถือเป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชนจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน (มาตรา 28 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ 2537) |
ห้องสมุดซื้อ DVD ภาพยนตร์ที่มีลิขสิทธิ์ และให้บริการยืมแก่นิสิต/staff ได้ไหม | กรณีห้องสมุดซื้อ DVD ภาพยนตร์ที่มีลิขสิทธิ์และให้บริการยืมแก่นิสิตหรือเจ้าหน้าที่นั้น จะต้องพิจารณาดูว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ศาลเท่านั้นจะเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด |
เนื่องจากห้องสมุดเปิดให้บริการบุคคลภายนอกเข้าใช้บริการได้ หากบุคคลภายนอกประสงค์ จะ save / write / print ข้อมูลจากฐานข้อมูลที่มีให้บริการอยู่ เช่น ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ ฐานข้อมูล Full Text จะสามารถทำได้หรือไม่ | การที่บุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการห้องสมุดแล้วมีความประสงค์จะ save/write/print ข้อมูลที่ให้บริการ เช่น ข้อมูลวิทยานิพนธ์ ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หากเป็นการทำซ้ำเพื่อวิจัยหรือศึกษางานเท่านั้น โดยจะต้องไม่เป็นการขัดต่อการแสวหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายเกินสมควร |
หนังสือห้องสมุดหาย แล้วจึงไปขอยืมจากห้องสมุดอื่นมาซีร็อค 1 เล่ม ทดแทนหนังสือที่หายไป ได้หรือไม่ | การทำสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์โดยบรรณารักษ์ หากเป็นการทำซ้ำเพื่อใช้ในห้องสมุดหรือให้แก่ห้องสมุดอื่นสามารถทำได้ แต่การกระทำดังกล่าวต้องไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไร และไม่เป็นการกระทบกระเทือนสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายและไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร (มาตรา 32 วรรค 1) เช่น กรณีหนังสือเล่มนั้นมีวางขายอยู่ในท้องตลาด การถ่ายสำเนาของบรรณารักษ์อาจเข้าข่ายขัดต่อการแสวงหาประโยชน์ของเจ้าของลิขสิทธิ์ |
อาจารย์มีบทความตีพิมพ์ในวารสาร ห้องสมุดทำเว็บไซท์รวมผลงานอาจารย์ทุกคนจะเชื่อม link ไฟล์บทความอาจารย์ไว้ในเว็บด้วยได้ไหมคะ จะต้องขออนุญาตวารสารอีกหรือเปล่า เพราะอาจารย์เจ้าของงานไม่ว่าอะไร อยากให้ทำด้วยซ้ำ | การนำบทความลงเว็บไซต์ ถือเป็นการทำซ้ำงานอันมีลิขสิทธิ์ จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์บทความก่อน มิฉะนั้นจะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ |
จะเห็นว่าการกระทำใดๆ ที่ห้องสมุดคิดว่า Fair Use มันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ซึ่งในเรื่องของกฎหมายลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องยังมีอีกมากมาย ซึ่งคิดว่ามีความจำเป็นอยู่ไม่น้อยที่เราจำเป็นต้องรู้ไว้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์
บรรณานุกรม
กรมทรัพย์สินทางปัญญา. (2557). สัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง ข้อยกเว้นการละเมิด
ลิขสิทธิ์สำหรับห้องสมุดและหอจดหมายเหตุ. กรุงเทพฯ : กรมฯ.
บุญเลิศ อรุณพิบูลย์. (2555). บรรณารักษ์กับกฎหมายลิขสิทธิ์. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม
2557, จากฝ่ายบริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ http://www.stks.or.th/th/knowledge-bank/28-
library-science/2942-librarian-copyright-laws.html
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 111 ตอนที่ 59 ก (21 ธันวาคม
2537): 1-22.
One thought on “ว่าด้วยเรื่อง…ลิขสิทธิ์ (ห้องสมุด)”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ตอนงานบุ๊คแฟร์ฯ คุณกิ่งฉัตร ได้พูดถึงเรื่องประเด็นนี้ พอท่านลงเวทีจึงไปสนทนาต่อ สอบถามหลายเรื่องในประเด็นที่เราคิดว่าใช่หรือไม่ และได้คำตอบแล้ว ส่วนในวงกว้างเพื่อให้รับรู้ด้วยกันคิดว่าถ้ามีผู้เชี่ยวชาญในสาขาจะพูดให้ฟังน่าจะดีกว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการหาเวลาที่เหมาะสมกับทางผู้เกี่ยวข้อง และส่งต่อให้คุณใหญ่แล้ว เพราะทราบว่าทางกลุ่มความเสี่ยงฯ จับเรื่องนี้อยู่ ระหว่างนี้พวกเราน่าจะรวบรวมประเด็นต่างๆ เตรียมไว้สำหรับเวทีที่กำลังจะเกิดขึ้นค่ะ