สัมภาษณ์ชีวิต "คนชายขอบ"
วันก่อนดิฉันได้ไปรอรถตู้โดยสารประจำทางสาย 80 /88 หน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ในขณะที่รอรถก็ได้พบกับคุณป้าท่านหนึ่ง ซึ่งนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บริเวณข้างฟุตบาทข้างห้างร้านชื่อดังเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม ดูน่าสงสารและน่าสงสัย!!! เมื่อมองไปก็เห็นมีสัมภาระวางข้าง ๆ ตัว ประมาณ 2-3 ถุง แต่ไม่เห็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการขอทาน จากที่คิดจะให้ทานจึงไม่กล้าให้ เพราะไม่แน่ใจว่าคุณป้ามานั่งทำอะไรแถวนี้ เพราะไม่ได้ขอทาน ดิฉันเห็นว่ารถตู้ยังไม่มาจึงได้มานั่งลงบนฟุตบาทกับคุณป้าด้วย แล้วเริ่มสอบถามข้อมูลคุณป้าว่า…
ดิฉัน : คุณป้ามานั่งทำอะไรอยู่แถวนี้
คุณป้า : ไม่มีบ้าน เลยมาอาศัยอยู่แถวนี้
ดิฉัน : แล้วลูก ๆ ไปไหนหมด
คุณป้า : ไม่มีลูก
ดิฉัน : พ่อแม่พี่น้อง ญาติห่างๆ หล่ะ ไม่มีเหรอ
คุณป้า : ไม่มีเหลือเลย ไม่เหลือใครเลย ตายหมดแล้ว
ดิฉัน : เป็นไปได้งัย ไม่มีเหลือเลย
คุณป้า : ไม่มีจริงๆ ตายไปหมดแล้ว พ่อแม่ตายหมดก่อน พี่สาวก็ตายตามไป ตอนนี้ไม่มีเหลือใครเลย
ดิฉัน : แล้วสามีกับลูก ๆ หล่ะ
คุณป้า : ไม่มีสามี ไม่มีลูก
ดิฉัน : แล้วบ้านเดิมอยู่ไหน ก่อนจะมาอยู่ที่นี่
คุณป้า : บ้านเดิมอยู่ชัยนาท แล้วก็หนีออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุยังไม่ 20 ปีเลย มาอยู่ กทม. แถว ๆ เทเวศวร์
ดิฉัน : แล้วหนีออกจากบ้านมาทำไม
คุณป้า : ทะเลาะกับทางบ้าน โดยเฉพาะกับพี่สาว เลยไม่อยากอยู่บ้านแล้ว
ดิฉัน : แล้วเข้ามาทำงานอะไรในกรุงเทพฯ
คุณป้า : ทำงานรับจ้างเป็นแม่บ้านทำความสะอาด แต่ตอนนี้ทำไม่ไหวแล้ว แก่แล้ว 61 ปีแล้ว ร่างกายไม่ไหว เจ็บป่วยบ่อย ไอ ด้วย
ดิฉัน : แล้วทำไมถึงมาอยู่นครปฐม
คุณป้า : ก็ไม่รู้จะไปไหน นั่งรถออกมาเรื่อย ก็เลยมาแวะ ในกรุงเทพฯ อากาศไม่ดีเลย พอมาอยู่ตรงนี้ที่เคยป่วยก็หาย ดีขึ้น ก็เลยอยู่นี่เลย
ดิฉัน : แล้วร้านค้าเค้าไม่ว่าเหรอ
คุณป้า : ไม่ว่าอะไร
ดิฉัน : เคยมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาล/กรมประชาสงเคราะห์มาชวนไปอยู่ด้วยไหม
คุณป้า : เคยมาครั้งหนึ่ง แต่ไม่ไปหรอก
ดิฉัน : ทำไมไม่ไป
คุณป้า : ไม่ชอบ
ดิฉัน : ถึงจะมีข้าวกิน แต่ก็ไม่มีเสรีภาพ/ไม่อิสระใช่ป่ะ
คุณป้า : ใช่
ดิฉัน : เหมือนติดคุก?
คุณป้า : ใช่ ๆ
ดิฉัน : แล้วทำไมแต่งตัวไม่เหมือนคนเร่ร่อนปกติเลยอ่ะ ดูสะอาดตาจัง เหมือนได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
คุณป้า : อาบดิ
ดิฉัน : อาบน้ำที่ไหนอ่ะ
คุณป้า : อาบที่ห้องน้ำในองค์พระฯ งัย
ดิฉัน : แล้วเอาเงินที่ไหนซื้อกิน ไม่เห็นตั้งกระปุก/กระป๋องขอตังค์เลย แล้วใครจะให้ เค้าไม่รู้หรอกว่าเรากำลังลำบาก/ต้องการตังค์
คุณป้า : ไม่ขอ ไม่ชอบขอ เค้าให้กันเอง บางคนก็ให้ของกิน บางคนก็ให้ 20 บาท กินไปวัน ๆ อดบ้าง กินบ้าง บางวันก็ได้กิน บางวันก็ไม่ได้กิน
ดิฉัน : แล้วนอนยังงัยที่ไหน
คุณป้า : กลางวันอยู่ตรงนี้ แต่กลางคืนไปนอนหน้าเซเว่น
ดิฉัน : แล้วทำไมไม่นอนตรงนี้อ่ะ ต้องไปนอนเซเว่น
คุณป้า : นอนไม่ได้ มันอันตราย มืด เซเว่นสว่าง มีไฟทั้งคืน
ดิฉัน : แล้วเซเว่นเค้าไม่ว่าเหรอ
คุณป้า : ไม่ว่าอะไร เค้าก็ช่วยเอาอะไรให้กินด้วย
ดิฉัน : แล้วไม่รับจ้างเค้าทำงานหล่ะ หารายได้
คุณป้า : ทำอะไรไม่ค่อยไหวแล้ว ใครจะรับ ชีวิตฉันอ่ะ ผ่านมาเยอะ ตอนเข้ากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ คุกก็ติดมาแล้ว 5 ปี
ดิฉัน : แล้วไปทำรัยมา ถึงต้องติดคุก
คุณป้า : เพื่อนมันชวนอ่ะดิ หลายอย่าง
ดิฉัน : ชวนทำรัยบ้างอ่ะ
คุณป้า : ติดยาอ่ะดิ
ดิฉัน : แล้วเวลาไม่สบายทำงัยอ่ะ
คุณป้า : ไปโรงพยาบาล
ดิฉัน : เสียเงินไหม
คุณป้า : ไม่เสีย มีบัตรทอง แต่บริการไม่ค่อยดีเลย หมอพูดไม่ดีเลย มันบอก ไม่ต้องกงกินมันหรอก “ยา”
ดิฉัน : เจ้าหน้าที่หรือเปล่า พยาบาลหรือเปล่า รู้ได้งัยว่าเค้าเป็นหมอ
คุณป้า : ก็รู้ซิ ก็มันเอาอะไรใส่หูไว้สองข้างอ่ะ ก็ต้องใช่หมอหล่ะ
ดิฉัน : อายุ 60 แล้ว แล้วได้เงินเบี้ยงยังชีพไหมอ่ะ
คุณป้า : ไม่เห็นเคยได้เลย
ดิฉัน : แล้วทำไมไม่ได้อ่ะ
คุณป้า : ไม่รู้ต้องทำงัย เอาที่ไหน
ดิฉัน : มีบัตรประชาชน/ทะเบียนบ้านไหมอ่ะ
คุณป้า : มีซิ แต่ทะเบียนบ้านเดิมที่ชัยนาทไม่มีนะ ย้ายมาอยู่ทะเบียนบ้านใหม่ที่นนทบุรีแล้ว เพื่อนให้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย เป็นเพื่อนที่รู้จักกันตอนเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ นับถือเป็นพี่น้องกัน เป็นคนดีมาก เป็นทหาร แต่ตอนนี้เกษียณแล้วมาขับรถเมล์
ดิฉัน : มีบัตรฯ มีทะเบียนบ้านก็น่าจะได้เบี้ยยังชีพนะ
คุณป้า : มีคนจะมาช่วยแบบนี้หลายรอบแล้ว ก็หายเงียบไปหมด ไม่เห็นเคยได้เลย
ดิฉัน : งั้นขอสำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุดนะ เดี๋ยวจะไปลองติดต่อเรื่องให้นะ
คุณป้า : ได้ ๆ (ป้าดีใจ รีบหาประวัติให้ 1 ชุด)
ดิฉัน : มีเบอร์โทรไหม
คุณป้า : มี
ดิฉัน : มีกะเค้าด้วยเหรอ ขอเบอร์หน่อย เผื่อติดต่อกลับ
คุณป้า : ได้ ๆ (หาจากกระดาษที่จดไว้อันเปื่อยยุ่ย)
ดิฉัน : โทรมาหาแล้วรับด้วยน๊าา
คุณป้า : รับซิ แต่กลางคืนไม่รับนะ ปิดเครื่อง เปิดแต่กลางวัน
ดิฉัน : ทำไมกลางคืนไม่เปิดเครื่องอ่ะ
คุณป้า : ก็เดี๋ยวมีใครโทรเข้ามาเสียงดัง นอนหลับ ๆ อยู่ เดี๋ยวขโมยได้ยิน มันเอาไปฉิบ เลยต้องปิดเครื่องงัย
ดิฉัน : แล้วเอาโทรศัพท์มาจากไหนอ่ะ มีตังค์??
คุณป้า : เค้าซื้อให้ คนที่เป็นเจ้าบ้านที่โอนทะเบียนบ้านเข้ามา เค้าซื้อให้งัย
ดิฉัน : มาอยู่นครปฐม เข้าใจเลือกนะ มาอยู่หน้าองค์พระปฐมเจดีย์พอดีเลย มีบุญนะเนี่ย
คุณป้า : อมยิ้ม
ดิฉัน : อยากมีรูปที่ระลึกกับองค์พระปฐมเจดีย์ไหม?
คุณป้า : อยาก
ดิฉัน : งั้นมายืนแอ้คแล้วยิ้มหวาน ๆ
คุณป้า : แอ็ค+ยิ้มหวาน
ดิฉัน : โอเค เดี๋ยวไปติดตามเรื่องเบี้ยยังชีพให้ แล้วจะอัดภาพมาฝากเป็นที่ระลึกนะ
คุณป้า : อมยิ้ม
ดิฉัน : แล้วเสื้อผ้ามีใส่ไหม
คุณป้า : มี 2 ชุด ผลัดกันใส่
ดิฉัน : เอาอีกไหม ถ้าเอาที่บ้านมาให้จะเอาไหม
คุณป้า : เอาดิ แต่ใส่เป็นแต่เสื้อแขนยาวนะ
ดิฉัน : ได้ๆ จะพยายามหามาให้นะ แล้ววันนี้มีรัยกินยัง
คุณป้า : ยังไม่มี มีคนเค้าให้ตังค์มา 20 บาท (พร้อมโชว์ให้ดู)
ดิฉัน : แล้วซื้อรัยกินได้ 20 บาท
คุณป้า : ก็ซื้อเท่านี้หล่ะ มีก็กิน ไม่มีก็ไม่ได้กิน
ดิฉัน : เอาถุงก๋วยจั๊บที่จะซื้อกลับบ้านให้ 1 ถุง + เงิน 100 บาท
คุณป้า : ยกมือไหว้ + ขอบคุณ
ดิฉัน : รอฟังผลนะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะช่วยสำเร็จไหมนะ
คุณป้า : ไม่เป็นไร + ขอบคุณ
หลังจากที่ดิฉันได้สัมภาษณ์คุณป้าอยู่นาน จึงได้ทราบข้อมูลของชีวิตคนชายขอบมากขึ้น ซึ่งเป็นชีวิตคนชายขอบที่มีอุดมการณ์ ถึงแกจะเป็น “คนไร้บ้าน” แต่ก็ “ไม่ได้อยากเป็นคนขอทาน” และไม่อยากจะเชื่อว่าคนสมัยก่อนจะมีการหนีออกจากบ้าน การคบเพื่อน/เชื่อเพื่อนจนทำให้ตนเองต้องติดคุก การมีน้ำใจในสังคมไทย (ไม่ได้ขอแต่ก็ให้) ดิฉันเองก็รู้สึกประทับใจในเรื่องของคุณป้ามาก และจะพยายามติดตามเรื่องเบี้ยยังชีพของแกให้สำเร็จให้จงได้