การต่อ PASSPORT
ไม่น่าเชื่อว่าพาสปอร์ตที่ทำไว้สำหรับใช้ได้ 5 ปีจะครบกำหนดเร็วขนาดนี้ เพราะเมื่อหยิบพาสปอร์ตขึ้นมาตรวจดูว่ายังมีอายุเกินหกเดือนก่อนวันเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ จุดประสงค์เพื่อจะได้สแกนหน้าแรกส่งให้บริษัททัวร์ที่จะไปเที่ยวเกาะเจจูที่เกาหลีใต้ ปรากฏว่าเหลือไม่ถึงหกเดือน ทั้งที่ยังได้ใช้ไม่คุ้มเลยเพราะยังมีหน้าว่างให้ประทับได้อีกเยอะ ดังนั้นจึงคิดว่าต้องหาเวลาว่างเพื่อไปต่ออายุพาสปอร์ตสักหน่อยจะได้พร้อมเที่ยว แม้ว่าทริปนี้จะอดไปเที่ยวแล้วก็ตามด้วยเหตุว่าเป็นช่วงที่ต้องประเมินผล KPI ของบุคลากรพอดีจะขยับวันประเมินอย่างไรก็ไม่สะดวกทั้งสิ้นสรุปว่าขยับตัวเองออกจากทัวร์สะดวกที่สุด เรื่องการลืมนี่ช่างเป็นไปได้ เฮ้อ! ดีว่ายังขายทัวร์ต่อให้น้องแยมได้
เริ่มต้นการต่ออายุพาสปอร์ตก็หาข้อมูลก่อนทั้งตัวบุคคลและอากู๋ ได้ทราบสถานที่ว่าปัจจุบันทำพาสปอร์ตกันที่โลตัส ปิ่นเกล้า ชั้น 5 ซึ่งเดิมทำที่ชั้นล่างกระทรวงวัฒนธรรม จากผลการอ่านข้อมูลดูน่ากลัวมากว่าผู้คนต้องไปตั้งแต่ห้าทุ่มเพื่อรับคิวทำพาสปอร์ต บางคนบอกไปตั้งแต่ตีห้าต่อแถวยาวมากรอรับบัตรคิวก่อนจนกระทั่งถึงเวลาทำการก็เข้าไปทำพาสปอร์ตตามคิวที่ได้รับ แต่หลายเสียงบอกว่าตอนนี้การดำเนินการไม่นานมากแล้ว ยิ่งไปตอนบ่ายใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นและลงมือทำ วันหนึ่งเมื่อต้องลาพักผ่อนไปทำภารกิจในวันเดียวกับวันเลือกตั้งกรรมการสหกรณ์ที่น้องหนึ่งสุนทรลงสมัครแข่งขันด้วย น้องหนึ่งบอกว่าพี่อย่าลืมนะก็โอเครู้เรื่องกัน และภารกิจที่ต้องทำนั้นเสร็จเร็วกว่าที่คาดไว้จึงได้มาทำหน้าที่สมาชิกสหกรณ์และพี่ที่ดีของน้องเรา
ต่อจากนั้นก็รีบกินข้าวกลางวันแล้วขึ้นรถหน้ามอเมื่อใกล้เที่ยงไปลงหน้าโลตัสปิ่นเกล้าเมื่อ 13.15 น. ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 5 แล้วไปจุดที่รับทำพาสปอร์ตทันที
วิธีการต่อหรือทำพาสปอร์ตเริ่มต้นดังนี้
1. หยิบบัตรประชาชนออกมาแล้วเข้าแถวเพื่อไปรับบัตรคิว เจ้าหน้าที่จุดนี้จะตรวจดูบัตรประชาชนและลงทะเบียนในระบบแล้วแจกบัตรคิวและแบบฟอร์มให้
2. ถือบัตรคิวและแบบฟอร์มไว้และไปจุดที่วัดส่วนสูง รอวัดส่วนสูงตามลำดับคนรออยู่แล้ว
3. กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มที่แจกให้ไว้ ข้อมูลที่กรอกได้แก่ ชื่อ นามสกุล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จังหวัดที่เกิด เลขที่บ้านและที่อยู่
4. ผู้ที่ต้องการให้จัดส่งตัวเล่มพาสปอร์ตทางไปรษณีย์ ให้เขียนชื่อ ที่อยู่ ไว้ด้านหลังแบบฟอร์มนี้
5. หากผู้มาทำพาสปอร์ตมีจำนวนไม่มาก เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าใครเขียนกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มเสร็จก่อนให้เข้าห้องไปทำพาสปอร์ตได้เลยไม่ต้องให้รอให้เรียกตามคิว
6. เมื่อเข้าไปในห้องเจ้าหน้าที่จะให้ไปนั่งที่เก้าอี้ยาวเรียงตามลำดับที่เข้ามา หลังจากนั้นเมื่อเห็นหน้าห้องทำพาสปอร์ตห้องใดว่างก็จะเรียกคนนั่งรอตามลำดับนี้ ให้ไปนั่งรอหน้าห้องที่ทำพาสปอร์ต
7. เมื่อคนข้างในก่อนหน้าเราทำเสร็จแล้วเราก็เข้าไป ส่งบัตรประชาชนและแบบฟอร์มที่กรอกแล้วให้เจ้าหน้าที่พร้อมสมุดพาสปอร์ตเล่มเก่า เจ้าหน้าที่จะพิมพ์ข้อมูลของเราและตรวจสอบข้อมูลเดิม หากเราแจ้งให้ส่งทางไปรษณีย์เขาจะพิมพ์ชื่อ ที่อยู่ ที่เราเขียนไว้ด้านหลังไว้ในเครื่องด้วย
8. ต่อจากนี้เป็นการสแกนนิ้วมือ เริ่มด้วยมือขวาให้วางนิ้วทั้ง 4 นิ้วชิดกันบนแท่นวางรอจนกว่าไฟบนแท่นวางเปลี่ยนเป็นสีเขียวและดับลง ก็เปลี่ยนมาสแกนนิ้วทั้ง 4 มือซ้าย รอจนผ่านการสแกน ก็นำนิ้วโป้ง 2 ข้างมาวางชิดกันบนแท่นสแกน เมื่อสแกนเสร็จเอานิ้วออก
9. ต่อจากนี้ก็เป็นการถ่ายรูปเพื่อติดในพาสปอร์ต เจ้าหน้าที่จะมีกระจกให้เราดูเพื่อจัดการหน้าตาผมเผ้าให้พอใจแล้วถ่ายรูปให้ดูว่าโอเคไหม ถ้ายังไม่โอเคก็จะถ่ายให้ใหม่โดยบอกว่าทิ้งรูปเก่าไปเลยนะ ของดิฉันขอถ่ายใหม่อีกครั้งรวมถ่าย 2 ครั้ง (ไม่รู้ว่ามีคนขอถ่ายมากสุดได้กี่ครั้ง555)
10. เจ้าหน้าที่จะพิมพ์แบบฟอร์มข้อมูลออกมาแล้วนำใส่แฟ้มพลาสติกที่เจาะช่องว่างให้เราเซ็นชื่อไว้ 2 ช่อง โดยกำชับว่าเวลาใช้จริงต้องเซ็นให้เหมือนแบบเดิม แล้วให้แบบฟอร์มข้อมูลเรามา 1 แผ่นพร้อมคืนบัตรประชาชนและสมุดเล่มเดิมคืนมาด้วยและแจ้งว่าให้ไปชำระเงินค่าธรรมเนียม 1,000.-บาท ค่าส่งไปรษณีย์ 40.- และให้ไปขอยกเลิกหนังสือเดินทางเล่มเก่าด้วย (อยู่ใกล้ประตูทางออกของห้องทำพาสปอร์ต)
11. ไปจ่ายค่าธรรมเนียม 1,000.-บาท ค่าส่งทางไปรษณีย์ 40.-บาท เราจะได้รับใบเสร็จทั้ง 2 รายการที่จ่ายไป
12. นำสมุดเล่มเดิมแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอยกเลิกพาสปอร์ตเล่มเดิม เจ้าหน้าที่จะประทับคำว่า “CANCELLED” ที่ด้านในหลังปกหน้าให้
ดำเนินการทุกอย่างแล้วเสร็จเมื่อเวลา 13.35 น. ใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น
และหลังจากนี้ก็ได้รับพาสปอร์ตเล่มใหม่แล้วภายใน 3 วันทำการเท่านั้น
ดังนั้นทางเลือกที่ดีและประหยัดเวลาคิดว่าควรไปทำพาสปอร์ตช่วงบ่ายน่าจะดีกว่าช่วงเช้านะคะ หรือแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนจะดีที่สุด