คู่มือควบคุมอารมณ์คน
ผูกมิตรกับคนที่ไม่ชอบหน้าคุณ
หากมีคนไม่ชอบคุณโดยปราศจากเหตุผลที่ชัดเจน นั่นเป็นเพราะเขาคิดว่าคุณไม่ชอบเขา หรือคุณอาจจะไปสะกิดใจเขาให้นึกถึงนิสัยของตัวเองที่เขาไม่ชอบ คุณควรทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเอง ด้วยการพูดชมเชย ขอให้เขาทำอะไรให้คุณ และแสดงพฤติกรรมที่นอบน้อม ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาอันทรงพลังที่จะเปลี่ยนความรู้สึกของเขาที่มีต่อคุณให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น
ปฏิเสธคำแนะนำของผู้อื่นโดยไม่ทำให้เขาเสียความรู้สึก
มีคนแนะนำอะไรให้คุณ เพียงแต่คุณต้องไม่ทำให้เขารู้สึกว่าคุณกำลังไม่สนใจหรือกำลังปฏิเสธเขา ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเสียความรู้สึก คุณควรให้เหตุผลสองข้อว่าทำไมคุณถึงไม่เห็นด้วยกับเขา และอีกข้อหนึ่งว่าทำไมคุณถึงอยากทำในแบบของคุณมากกว่า เพื่อให้เขารู้สึกว่าคุณให้ความนับถือเขา เพียงแต่คุณไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ของเขาเท่านั้นเอง
เปลี่ยนคำร้องเรียนให้เป็นความประทับใจ
เวลามีใครร้องเรียนเขาแค่อยากให้มีใครรับฟังปัญหาของเขา ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขาเรียกร้องให้ผู้อื่นนับถือและยอมรับในตัวเขา ดังนั้น เขาจะสงบลงได้เมื่อคุณตอบสนองต่อศักดิ์ศรีของเขา และในหลายๆ กรณี ปัญหาก็จะยุติลงโดยสิ้นเชิง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมักเกิดจากตัวของเขาเองมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขา
เมื่อมีคนถามความเห็นจากคุณจะตอบอย่างไร เมื่อคุณเห็นว่าไม่มีอะไรดีสักอย่าง
ถ้าความเห็นของคุณช่วยให้ความยุ่งยากทางกาย ทางใจ ทางการเงิน ฯลฯ คุณก็จำเป็นต้องพูดตามความเป็นจริง แต่ถ้าเขาทำสิ่งใดลงไปแล้ว และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก การพูดตรงๆ ย่อมไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดอีกต่อไป จงให้คำชมหรือคำพูดหวานหูแทน เพราะนั่นต่างหากคือสิ่งที่เขาต้องการ
รับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์อันไร้สาระอย่างนุ่นนวลและง่ายดาย
การเบี่ยงเบนประเด็นการสนทนาและช่วยเติมเต็มศักดิ์ศรีของเขา และถามความเห็นจากเขาว่า เขาคิดว่าหนทางที่จะช่วยให้คุณบรรลุผลลัพธ์ได้ดีที่สุดนั้นคืออะไร
เคล็ดลับทางจิตวิทยาในการวิจารณ์ผู้อื่นในทุกๆ เรื่อง โดยไม่สร้างความขุ่นข้องหมองใจ
คุณไม่อยากให้ใครเสียความรู้สึกกับคำวิจารณ์ของคุณ เพียงทำให้เขาคิดว่าปัญหานั้นเกิดจากตัวคุณเอง ไม่ใช่ตัวเขา บอกเขาไปว่าคุณชอบวิธีที่เขาทำสิ่งนั้นอยู่แล้ว จากนั้นคุณก็เกิดเปลี่ยนใจและบอกเขาว่า คุณอยากให้เขาทำสิ่งนั้นด้วยวิธีอื่นแทน เขาจะรู้สึกว่าคุณกำลังตำหนิ ก็ต่อเมื่อคุณทำให้เขาคิดว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นจากเขา และถ้าคุณทำให้เขาคิดว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นจากตัวคุณเอง เขาย่อมไม่มีทางเสียใจหรือเสียความรู้สึกอย่างแน่นอน
การดื้อเงียบ: รับมือกับคนที่ไม่ยอมเผชิญหน้ากับปัญหา
การหยิบยกสาเหตุของปัญหาที่ฟังดูเลวร้ายกว่าเจตนาที่แท้จริงของเขาขึ้นมาพูดแทน ซึ่งจะผลักดันให้เขาหยุดพฤติกรรมดังกล่าวโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่า เขาเป็นฝ่ายถูก และคุณเป็นฝ่ายผิด
รับมือกับคนที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดเลย
พัฒนาความนับถือซึ่งกันและกัน เปลี่ยนความคิดที่เขามีต่อตัวเองเสียใหม่ เพื่อให้เขามองตัวเองในมุมมองที่แตกต่างออกไป ซึ่งจะทำให้พฤติกรรมของเขาเปลี่ยนแปลงไปด้วย และ ให้เขาทำอะไรเพื่อคุณบ้าง
เทคนิคพิเศษเพื่อคนพิเศษ: วิธีรับมือกับคนที่อารมณ์แปรปรวนตั้งแต่คนที่ผีเข้าผีออกไปจนถึงคน ที่จิตไม่ปกติ
ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นคนสำคัญและน่าชื่นชม เขาเห็นว่าคุณไว้ใจเขา และเขารู้สึกรับผิดชอบและมีอิสระมากขึ้น
ทำให้ผู้อื่นทำ หรือเลิกทำบางสิ่งด้วยความเต็มใจและปราศจากการทะเลาะเบาะแว้ง
คุณสามารถทำให้คนอื่นทำตามที่คุณต้องการได้อย่างง่ายดาย หากคุณใช้กลวิธีทางจิตวิทยาที่ประกอบได้ด้วยการพัฒนาความนับถือ การเสริมแรงเชิงบวก การเชื่อมโยงในเชิงลบ และการใช้กฎแห่งข้อพิสูจน์ทางสังคมด้วยการทำตัวเป็นแบบอย่าง
เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดแต่ตกลงกันไม่ได้ว่าจะใช้วิธีไหนเปลี่ยนใจเขาให้ทำตามวิธีของคุณได้ในทันที
ถึงแม้เราจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ต้นเหตุของความขัดแย้งนั้น เกิดจากการที่ต่างฝ่ายต่างมีมุมมองที่ตายตัว ไม่มีใครหรอกที่โต้เถียงกันด้วยเรื่อง สิ่งของ แต่พวกเขาโต้เถียงกันในเรื่องหลักการและความเชื่อที่แตกต่าง รวมถึงสิทธิที่จะรู้สึกว่ามีคนฟังสิ่งที่พวกเขาพูดต่างหาก ลองใช้วิธีการทำให้ทุกฝ่ายนับถือซึ่งกันและกัน และฝึกการใช้กฎแห่งการโน้มน้าวใจซึ่งกันและกัน นอกจากนี้แล้ว คุณควรพิจารณาข้อโต้แย้งของทั้งสองฝ่ายด้วย จากนั้นจึงค่อยขอให้เขาทำตามวิธีของคุณ
วิธีแบ่งของอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งตามมา
การโต้เถียงกันในเรื่องความถูกต้องและความยุติธรรมนั้น สามารถจัดการได้โดยเริ่มต้นจากการป้องกันไม่ให้ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง จากนั้นจึงใช้วิธีการแบ่งสันบันส่วนอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ถ้าคุณใช้วิธีการมอบอำนาจให้กับอีกฝ่าย คุณก็จะสามารถช่วงชิงความได้เปรียบในเชิงจิตวิทยา เพราะคุณได้กำจัดความต้องการของเขาที่จะต้องเอาชนะคุณทิ้งไปแล้ว
แก้ไขสถานการณ์เมื่อคุณพูดอะไรผิดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติได้
คุณพูดอะไรออกไปโดยไม่ทันยั้งคิด คุณสามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับเป็นปกติได้ ลดความรุนแรงของสิ่งที่คุณพูดยอมรับผิด และคำสารภาพ อันน่าเห็นใจ
ทำให้ผู้อื่นยกโทษให้คุณในกรณีที่คุณทำผิดในเรื่องที่แก้ไขได้และในเรื่องที่แก้ไขไม่ได้
คุณสามารถลดความรุนแรงของความผิดเล็กน้อยที่คุณทำไว้ด้วยการเปลี่ยนมุมมองของอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้กลายเป็นเรื่องทั่วไป แสดงเจตนาที่แท้จริงของคุณ แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ ทำให้ความสัมพันธ์กลับคืนสู่สมดุลอีกครั้ง
ทำให้ผู้อื่นยกโทษให้คุณในเรื่องร้ายแรงในกรณีที่ยังเจอหน้ากันอยู่แต่ไม่พูดจากัน
คุณสามารถทำให้ใครก็ตามยกโทษให้คุณในเรื่องร้ายแรงได้ ถ้าคุณรู้สึกเสียใจต่อการกระทำของตัวเองอย่างแท้จริง และให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำซ้ำอีก
ทำให้คนที่ไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกต่อไปยอมฟังคำชี้แจงของคุณอีกครั้ง
เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกันแล้ว ให้รีบกล่าวคำขอโทษทันที แม้ว่าเขาจะอยู่ในอารมณ์โกรธแค่ไหน ก็ให้คุณอดทน และพยามยามแสดงให้เขาเห็นว่าคุณให้ความนับถือเขามากและเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมาอย่างจริงใจ
เมื่อสถานการณ์ปานปลายจนคุณและเขามองหน้ากันไม่ติดแก้ไขสถานการณ์อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
เมื่อเผชิญหน้ากัน คุณสามารถไกล่เกลี่ยปัญหาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ยอมรับผิด แสดงให้เห็นว่าคุณชื่นชมเขาเสมอมา ขอให้เขายกโทษให้ และมอบของขวัญให้เขา
เมื่อคุณและเขาตัดขาดความสัมพันธ์กันมาเป็นเวลานาน การนำวันวานอันหวานชื่นกลับคืนมา
เมื่อคุณกับอีกฝ่ายจะห่างเหินกันเป็นเวลานานแล้วก็ตาม กระบวนการที่จะช่วยให้คุณปรับความสัมพันธ์ให้เข้ารูปเข้ารอยได้อีกครั้ง ประกอบด้วย การขอโทษ การให้ความนับถือ การแสดงความเสียใจ การแสดงความเจ็บปวด และการขอให้อีกฝ่ายยกโทษให้
ทำให้คนที่ไม่ถูกกันสนิทกันมากขึ้น
คุณเพียงแต่แสดงให้เห็นว่าแต่ละฝ่ายต่างรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายหนึ่ง หรือรู้สึกเสียใจกับคำพูดหรือการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเมื่อรวมกับการทำให้แต่ละฝ่ายรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน และนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างง่ายดาย
ทำให้คนที่แตกคอกันกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันดังเดิม
คุณสามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาพูดจากันอีกครั้งได้ คือเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้อยู่กันตามลำพัง คุณต้องพยามยามบอกให้ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าอีกฝ่ายเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมา พยามยามให้เขาทั้งสองคนได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน พยามให้ทั้งสองคนได้มีโอกาสเห็นความจริงของชีวิตพร้อมๆ กัน
ทำให้คนที่มีความเชื่อ ทัศนคติ หรือรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข
คุณสามารถแก้ไขความขัดแย้งได้เกือบทั้งหมด เปลี่ยนมุมมองที่เขามีต่ออีกฝ่ายหนึ่งเสียใหม่ด้วยการให้เหตุผล ปรับลดความรุนแรงของความเชื่อและทัศนคติด้วยการบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่ามันเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ไม่เกี่ยวพันไปถึงเรื่องอื่นๆ
คุณสามารถพัฒนาหรือนำความสัมพันธ์ที่ดีกลับคืนมาอีกครั้งแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจ ความจริงใจ และความนับถือซึ่งกันและกัน ภายใต้เจตนาที่ดีและคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่าย