วันแมวโลก "World Cat Day"

8 August 2014
Posted by tanawan

c_14
ในวันที่ 8 เดือน 8 ของทุกปี ทาสแมวทั้งหลายรู้ไหมว่าเป็นวันสำคัญแห่งปีของเจ้านายคุณ เพราะมันคือ “วันแมวโลก” หรือ “World Cat Day” วันแมวโลกได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 โดย International Fund for Animal Welfare (IFAW) ร่วมกับกลุ่มสิทธิเพื่อสัตว์ต่างๆ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้เหล่าน้องแมวทั้งหลาย เพื่อให้แมวทั่วโลกได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งในหลายประเทศให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักพิงสัตว์ก็จะจัดกิจกรรมขายของที่ระลึก หรือเปิดโอกาสให้ประชาชนที่อยากได้สัตว์เลี้ยงได้เลือกแมวที่ทางบ้านพักพิงมีอยู่ และรับอุปการะแมว ถือเป็นการทำบุญและช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของบ้านพักพิงสัตว์ไปด้วย 
น้องแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่กับมนุษย์มานาน และยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นที่นิยมชนิดหนึ่งอีกด้วย  ด้วยความน่ารักแสนซน อยากรู้อยากเห็น ขี้อ้อนเหมือนเด็ก ของบรรดาแมว ๆ ทั้งหลาย เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจทำให้เหล่าบรรดาทาสแมวทั้งหลายต่างก็รักและหลงน้องแมวจนถอนตัวไม่ขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะหยิ่งบ้าง เชิดบ้างในบางครั้ง แต่แมวก็เป็นเพื่อนที่ดีข้างกายของมนุษย์เสมอมาและยังเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอีกด้วย
วันนี้สำหรับผู้ที่เป็นทาสแมวแล้ว แต่ยังไม่รู้จักพฤติกรรมของน้องแมวดีพอ ดิฉันจึงขอแนะนำพฤติกรรมการแสดงออกของน้องแมว ดังนี้ค่ะ
DSC09587
การแสดงออกของใบหน้า 
หู   เป็นจุดที่ไวมาก หูจะถูกยกยื่นไปข้างหลัง เป็นการเตือนที่จะสู่โจมศัตรูในกรณีที่หู โค้งกลับและถูกดึงให้ต่ำลงข้างๆ เป็นสัญญาณของการป้องกันตัวและพร้อมที่จะต่อสู้   
หนวด  ให้ดูจากตำแหน่งการกระจายตัวของหนวด ถ้าหนวดแผ่ออก แมวกำลังเครียด หรือสนใจอะไรบางอย่าง แต่ถ้าหนวดดูลาดและรวบไปไว้ข้างแก้มแมวจะอยู่ด้านหลังเป็นพุ่มแสดงถึงความสงบสบายใจ
ลูกตาดำ   ม่านดกที่หดเล็กลงจะแสดงถึงความตึงเครียดหรือสนใจอะไรอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างมาก ในกรณีที่ม่านตกเปิดกว้าง มันแสดงถึงความประหลาดใจ กลัวหรือเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันตัว
การหาว ไม่ใช่การติดต่อของเชื้อโรคหรือแสดงอาการง่วงนอนที่เกิดกับมนุษย์ แต่มันเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความแน่ใจ การแสดงออกแบบนี้เหมือนกับมันจะพูดว่า “ฉันรู้สึกสบายดีนะและคุณคงเป็นอย่างฉันด้วย”
 
กิริยาท่าทางที่แมวแสดงออก
หัว  เมื่อแมว 2 ตัวที่ไม่ได้เคยรู้จักกันมาก่อนเลยและมาเผชิญหน้าจะติดต่อทำความรู้จักกัน โดยการยึดหัวที่ตั้งตรงไปข้างหน้า และเมื่อตัวใดตัวหนึ่งรู้สึกว่าเด่นกว่าจะเชิดหัวสูงขึ้นไปอีก ส่วนตัวที่รู้สึกว่าด้อยกว่าจะก้มหัวต่ำลง
ลำตัว ถ้าลำตัวเหยียดตรง แสดงถึงความมั่นใจและพร้อมที่จะจู่โจมศัตรู ในกรณีที่ลำตัวโค้งงอหรือหลังโก่ง แสดงถึงว่าแมวกลัว และพร้อมที่จะจู่โจมได้ทันที
ขน  เมื่อแมวอยู่ในภาวะกำลังกลัว ขนจะตั้งชันทั้งตัว ในกรณีที่ขู่หรือเตรียมจะตะปบเหยื่อ ขนจะตั้งขึ้นเพียงเล็กน้อยตามส่วนที่ยื่นออกมาจากลำตัวและหาง
 
การส่งเสียง   
เสียงร้องเหมียวเหมียว   เป็นเสียงที่รู้จักกันดี อาจเกิดขึ้นจากที่ลูกแมวถูกปล่อยทิ้งตามลำพัง หรือไม่มีความสุข ลูกแมวจะเปล่งเสียงนี้เมื่อมันหลุดออกจากลังหรือกำลังหนาว ถ้าแม่แมวมารบกวนในขณะที่หลับ เป็นสัญญาณความไม่พอใจ ขาดการเอาใจใส่ดูแล และรวมไปถึงการเรียกของทั้ง 2 เพศ
การทำเสียงแหลม เมื่อแมวตกอยู่ในสภาพเครียดมาก ๆ มันจะแสดงความโกรธโดยการส่งเสียงแหลม ซึ่งเสียงนี้ เรียกว่า “เสียงเพื่อป้องกันตัว” จะแสดงออกมาถี่ ๆ นอกจากนี้เสียงร้องที่สูงและต่ำ เป็นการแสดงถึงการจับคู่กันด้วย 
การคำราม  จะเกิดขึ้นโดยการยกมุมปาก การคำรามอย่างเต็มกำลังซ้ำ ๆ กันแสดงถึงความจริงจัง แมวใหญ่จะทำกันมากเป็นพิเศษ 
การทำเสียงคลัก  เป็นการทำเสียงในระดับสูง แสดงถึงมิตรภาพยินดีจะเป็นเพื่อนด้วยและอาจจะมีการร้องเหมียวเบา ๆ อาจหมายถึงการสนทนาอย่างเป็นกันเอง
 
การส่งสัญญาณโดยใช้กลิ่น
                การส่งสัญญาณประเภทนี้จะให้เกิดผลได้ดีเมื่อแมว 2 ตัวได้สัมผัสกันทั้งโดยตรง และโดยทางอ้อม ต่อมกลิ่นที่อยู่ใต้ผิวหนังบริเวณแก้ม คาง เท้าและโคนหาง จะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนออกมา โดยเฉพาะในแมวตัวเมีย นี้จะผลิตฮอร์โมนติดต่อกันเป็นวัฏจักร การถูสัมผัสกันกับแมวตัวอื่น โดนใช้หัว คาง สีข้าง แก้มตลอดจนการใช้ลำตัวไปถูใต้คางของ อีกตัวหนึ่ง ก็เป็นการ สื่อสารแบบหนึ่งด้วย ในแมวตัวผู้มีการปล่อยกลิ่นเพื่อแสดงอาณาเขตของมันเองโดยมักจะชูหางขึ้นและแกว่งไปมา พร้อมทั้งปล่อยของเหลวที่มีกลิ่นออกจากต่อมใต้โคนหาง แมวอาจปล่อยกลิ่นไว้ตาม กำแพง กิ่งและพุ่มไม้ หรือ อาณาเขตของมันโดยทั่วไป กลิ่นจะคงอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ หรือ มากกว่านี้เล็กน้อย และในไม่ช้าก็จะจางไปแต่ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วย  หลังจากการต่อสู้ผู้ชนะจะปล่อยกลิ่นหลาย ๆ ครั้งในบริเวณนั้น นอกจากจะแสดงว่า เป็นอาณาเขตของมันแล้ว ยังแสดงถึงความมั่นใจและความแข็งแรงของมันอีกด้วย ฝ่ายที่แพ้ไป นั้นก็จะปล่อยกลิ่นเหล่านี้ในภายหลังโดยจะระมัดระวังไม่ให้ฝ่ายชนะเห็น
 
การแสดงออกทางหาง
                  ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารทั้งมนุษย์และสัตว์แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ ภาษาพูด (ใช้เสียง) และภาษาท่าทาง (เป็นการใช้อวัยวะประกอบในการสื่อสาร) แมวสามารถใช้ หางในการสื่อสาร บ่งบอกถึงอารมณ์ของมัน(เช่น เดียวกันกับสัตว์ชนิดอื่นๆ) ดังต่อไปนี้                

  • ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้น  แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย 
  • ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่มนวล  แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
  • ถ้าหางของแมวตั้งขึ้นแต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังสนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ
  • ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน
  • ถ้าหางของแมวตั้งตรง โดยที่หาง หรือปลายหางกระดิก หรือสั้นอย่างนุ่มนวล  แสดงว่าแมวกำลังแสดงความชอบ ความรัก
  • ถ้าหางของแมวอยู่นิ่งๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นครั้งคราว แสดงว่าแมว รู้สึกว่าถูกรบกวน หรือมีความกังวล ทุกข์
  • ถ้าหางของแมวนิ่ง แต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนัก แสดงว่าแมวกำลังรู้สึกโกรธมาก
  • ถ้าหางของแมวสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง  แสดงว่าแมวกำลังโกรธ
  • ถ้าหางแมวเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน แสดงว่าThe cat is แมวกำลังดุร้ายก้าวร้าว
  • ถ้าหางของแมวโค้งและขนตั้งชัน : แสดงว่าแมวอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้ ถ้ามีการกระตุ้นเร้าเพิ่มอีถ้าหางของแมวทอดตัวต่ำลงและลุกพองออก :แสดงว่าแมวกำลังกลัว
  • ถ้าหางของแมวยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ แสดงว่าแมวอาจจะ มีความสุขไปกับการวิ่งไล่ขับกันไปรอบๆ
  • ถ้าหางของแมวลดตัวลงต่ำมาก บางครั้งอาจจะพบว่าซุกอยู่ระหว่างขาหลัง อาจจะแสดงว่าแมวกำลังยอมแพ้
  • ถ้าหางของแมวทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และแมวหมอบ หรือย่อตัวอยู่ หรือยกส่วนตะโพกสูงขึ้น  แสดงว่าแมวตัวเมียตัวนั้นพร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์mate

 
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า “การเลี้ยงสัตว์”  ไม่ว่าจะเป็นแมวหรือสัตว์ประเภทใดก็ตาม มีผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมของมนุษย์โดยแท้  โดยมีผลการวิจัยมากมายที่ระบุถึงข้อดีของการมีสัตว์เลี้ยง คือ สัตว์เลี้ยงสามารถช่วยให้อารมณ์และพฤติกรรมของคนเลี้ยงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี  เช่น สัตว์เลี้ยงสามารถช่วยให้อารมณ์คนเลี้ยงมีความเยือกเย็นและสงบลง  สัตว์เลี้ยงยังช่วยให้คนเลี้ยงมีจิตใจเมตตาปรานี โอบอ้อมอารี รู้จักเสียสละ รู้จักความรักและมิตรภาพ ช่วยปรับพฤติกรรมของคนเลี้ยงให้สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดี มีความอดทนต่อภาวะความกดดันได้มากกว่าผู้ที่ไม่เคยเลี้ยงสัตว์ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันและชีวิตการทำงานเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข
ใครที่ยังไม่มีสัตว์เลี้ยงตัวโปรด ลองพิจารณาน้องแมวดูซักตัวไหมคะ ?DSC03784
 
ขอบคุณแหล่งที่มา : 
http://pet.kapook.com/view95443.html
http://news.voicetv.co.th/global/113540.html
http://beamjanekwang.blogspot.com/p/blog-page_6824.html
http://www.thaispca.org/knowledge/animal_human.htm
http://pet.kapook.com/view95443.html
 
 

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร