ระหว่างทางที่เกียวโต 3
มหาวิทยาลัยเกียวโต ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับที่ 2 ของประเทศญี่ปุ่น และมีการจัดลำดับให้เป็น 1 ใน 10 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย
ตอนไปรายงานตัวผู้ที่แปลประวัติและสัญญาต่างๆ ของดิฉันกลับไปมาระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่น เล่าให้ฟังว่านักวิชาการของมหาวิทยาลัยเกียวโตได้รับรางวัลโนเบลกันหลายคน พร้อมกับชี้ห้อง lab ที่เดินผ่าน ซึ่งใหญ่โตมาก หากจะถามว่าที่นี่ใหญ่แค่ไหนขอบอกง่ายๆว่าหนึ่งคณะของที่นั่นเกือบเท่ากับวิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ เนื่องจากมีหลายคณะจึงมีหลายวิทยาเขต เวลาไปไหนจึงต้องพกแผนที่ ส่วนดิฉันมีจักรยานคู่ใจขี่ไปวนเวียนเหงื่อแตกซิกเพราะทั้งเหนื่อยและหลงทาง การหลงทางไม่ใช่เรื่องแปลกเวลาไปต่างถิ่น ทางอยู่ที่ปากใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ยิ่งเรามีแผนที่อยู่ในมือยิ่งง่าย
ดิฉันมีแผนที่เดินทางโดยใช้รถบัสเอาไว้ใช้ประกอบกับแผนที่ของมหาวิทยาลัย ผังเมืองที่นี่ไม่ซับซ้อนเป็นบล๊อกสี่เหลี่ยม แต่ในความไม่รู้ทำให้เราเหมือนอยู่ในเขาวงกตวนไปมา เห็นหลังคาลิบๆ ไหวๆ แต่ไปไม่ถูก
ดิฉันได้วิชาหลงแล้วนำสิ่งท่ี่หลงนำมาเขียนลงในแผนที่จากน้อง เคยบอกวิชานี้ไปผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถให้เรานั่ง เพราะการหลงทางในเส้นทางเดิมๆ
วันเสาร์แรกซึ่งเป็นวันหยุด ดิฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันในการขี่จักรยาน ไม่ใช่เพราะขยัน แต่เพราะหลง กลับไม่ถูก หลงไปไหนๆ แผนที่ช่วยอะไรไม่ได้เพราะดิฉันถามว่าอยู่ตรงไหน คนตอบๆ ว่าไม่อยู่ในแผนที่ จึงต้องขี่ย้อนกลับไปตั้งหลักใหม่
การมาอยู่ตัวคนเดียวหากไม่ได้ออกไปข้างนอก หมายความว่าวันทั้งวันนั้นคุณจะไม่ได้พูดอะไรเลย รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ถือว่าเป็นการเรียนรู้ ระหว่างทางมีอะไรให้เราหยุดดูมากมาย ทั้งเส้นทาง ผู้คน และสิ่งแวดล้อม
ถามว่าหากมาญี่ปุ่นสิ่งท่ต้องเตรียมคืออะไร ขอบอกว่า ขี่จักรยาน ค่ะ
ช่วงนี้ยังไม่ได้ไปผาดโผนที่ไหนมาก ไปไหนๆ เพียงแค่ผิวเผิน แต่อยากเล่าให้ฟัง เพราะกลับไปคงเล่าไม่ครบแบบนี้
คิดถึงทุกคนค่ะ