ภาษาอังกฤษแบบกรุบกริบ
หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบกรุบกริบของอิฉัน ได้ผ่านไปแล้ว 1 รุ่น เป็นรุ่นของกลุ่มอายุเยาวเรศ ความเป็นมาของหลักสูตรนี้เป็นมาอย่างยาวนาน พวกเราหลายคนผ่านผู้สอนมาหลายคนทั้งอาจารย์ชาวต่างชาติ (หลายเชื้อชาติมาก) อาจารย์ไทย กระทั่งสอนกันเอง ผลการประเมินจากแบบสอบถามคือ ดี ผลการประเมินในเชิงประจักษ์ ไม่แน่ใจ ค่อนข้างหนักไปทางเหมือนเดิม จนเป็นเหตุให้อิฉันต้องทำวิจัยน้อยๆ ถามคนเรียนว่าแบบไหนจึงจะดีที่สุด เนื่องจากพวกเราพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ความหลากหลายหนักไปทางมีน้อยมากๆๆ มากกว่าร้อยละ 90 อิฉันได้นำผลงานนี้ไปนำเสนอในการสัมมนาวิชาการของ PILINET ปีก่อนโน้น มีผู้บริหารหลายท่าน (สถาบันอื่น) บอกว่าขอให้ทำต่อไปเถิดจะเกิดผล ทำแล้วขอตำรามาบ้าง
ผลคือตำรายังไม่ยอมเสร็จแต่หลายๆ ห้องสมุดจะได้ไฟล์ไปพัฒนาต่อ เหตุที่ยังไม่สำเร็จสักทีเนื่องจากคนทำองค์เยอะเรื่องมากโดยเฉพาะการพิสูจน์เพื่อนำไปใช้จริง
ถึงตำรายังไม่ลุล่วง แต่ได้น้องแอนมาทำงานด้วย ตำแหน่งของน้องแอนเปิดรับมาด้วยเหตุผลว่าต้องการคนทำงานที่มีความสามารถทั้งอ่าน พูดและเขียน แต่การที่จะให้น้องมาทำต่อก็มีข้อจำกัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเริ่มต้น 😛
การเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงาน ต่างจากการเรียนสอนในห้องเรียนแบบฟ้ากับเหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้พื้นฐานของผู้เรียน การประเมินผลการเรียนไม่ใช่แรงจูงใจซ้ำกับเป็นเรื่องบั่นทอน รูปประโยคแบบให้ท่องอาจช่วยได้บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ทุกอย่างขึ้นกับสถานการณ์และบริบท ณ ขณะนั้น และอื่นๆ อีกมากมาย
พอยุคของอาเซียนเฟื่องฟูมากขึ้น ภาษาอังกฤษจึงยิ่งปฏิเสธไม่ได้ กระทั่งได้รับมอบหมายให้พัฒนาหลักสูตรให้กับบุคลากรของสำนักหอสมุดกลาง แต่เรื่องหลักสูตรไม่ได้ยากเพราะทำไว้แล้ว สร้างไว้แล้ว แค่นำมาปรับ
สิ่งที่ยากที่สุดคือการหา “ครู” ที่สอนแบบที่เราประสงค์ ครูต้องมีความยืดหยุ่นสูงยิ่ง พร้อมปรับเข้าหาคนเรียน ต้องเป็นครูไทยที่เข้าใจภาษาอังกฤษ ต้องเข้าใจถึงว่าพวกเราไม่ใช่ผู้เก่งกล้าสามารถ ครูต้องไม่เครียด ครูต้องมีเรื่องเล่าสนุก ต้องไม่มีบทบาทสมมุติให้พูดโน่น นี่ นั่น เพราะในสถานการณ์จริงไม่มีใครสักคนพูดแบบที่ตำราเป๊ะๆ และอื่นๆ อีกมากมาย
“ครู” ที่เป็นเป้าหมายแรก มีอันต้องบ้ายบายกันเนื่องจากย้ายนิวาศสถาน จึงต้องแสวงหา “ครู” คนใหม่ เป็นคนที่ดิฉันใช้เวลาค่อนข้างมากในการมอง มูลเหตุคือครูเขียนบล๊อกเรื่องการสอนภาษาอังกฤษ เรื่อง service mind การพัฒนาตนเอง ธรรมะ และการดูลายมือ ดิฉันเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่างานเขียนจะสะท้อนความเป็นตัวตนของคนนั้นๆ โดยเฉพาะงานเขียนที่เกิดจาก “องค์ความรู้” ที่มีอยู่ในตัวเอง
ดิฉันขออนุญาต “ครู” นำงานเขียนที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษเข้ามาในส่วนหนึ่งของตำรา ซึ่งครูยินดี และในตอนนั้นคิดว่าจะให้ “ครู” คนอื่นสอน เพราะ “ครู” ยังอยู่ชิคาโก ส่วนดิฉันมึนเพราะใครหวาจะมาเป็นครูให้ และเวลาก็ใกล้เข้ามาๆ
นอกจากเรื่องการสอนภาษาอังกฤษที่ประสงค์ให้ “รัก” แล้ว ดิฉันยังมีเรื่อง Intercultural communication เรื่องนี้กำหนดขึ้นเพราะอยากให้พวกเราได้รู้จักกับ change and open ซึ่งดิฉันชอบพูดจนขี้เกียจจะฟังกัน
ความบังเอิญที่เกิดจากความที่เป็นคนชอบสนทนา เนื่องจากอาจารย์ท่านไปขอให้ซื้อหนังสือเพื่อเตรียมการสอนในเทอมหน้า ดิฉันจึงทำหน้าที่ในการจัดหาคือหนังสือเรื่องนี้ดีอย่างไร ใช้ประกอบวิชาอะไร สนทนากันไปมา อาจารย์เล่าว่าไปสอนวิชา Intercultural communication ที่อีกสถาบันหนึ่ง ดิฉันฟังแล้วกรี๊ดกร๊าด ร้องเสียงหลงว่าอาจารย์ขาขอเรียนเชิญค่ะ เพราะช่างพอดิบดีกันเหลือเกิน
สุขใดไหนจะปานยิ่งได้รับจดหมายน้อยจากเป้าหมายว่าจะกลับเมืองไทยเป็นการถาวร เพราะครูจะเชย์กู๊ดบายชิคาโกหลังที่ไปอยู่เกือบ 25 ปี เรียนศาสตร์ต่างๆ จนเบื่อขอเลิกเรียนดีกว่า และกลับมาเมืองไทยอย่างเป็นการถาวร
ครูพร้อม หลักสูตรพร้อม คราวนี้เหลือผู้เรียนที่ออกจะรู้สึกพรั่นพรึงเพราะภาษาอังกฤษคือยาขม ตอนทำหลักสูตรใหม่ๆ เรียนกับผู้บริหารไปว่าคนที่อายุตำกว่า 45 ปี กับบรรณารักษ์น่าจะเป็นสิ่งที่ “ต้อง” เพราะพวกเขายังต้องเติบโตต่อไปและภาษาอังกฤษรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม เพราะ “ครู” แต่ละคน จะมีเทคนิคและวิธีการต่างกัน
ส่วนดิฉัน ก็ก้มหน้าก้มตารื้อ edit ทำต้นฉบับต่อไป มีพี่พัชกับน้องอ้อเข้ามาโฉบใหญ่และโฉบเล็ก เพราะทั้งสองคนติดภารกิจประกันคุณภาพ พร้อมกับคอยบอกน้องๆ ว่า อย่ากลัว ไม่ยาก …แล้วเราก็หันหน้าชนกันบอกว่า มีใครจะเชื่อเรามั้ย… พี่พัชทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งคอยบอกพี่ๆ น้องๆว่ามาเถอะ … ส่วนดิฉันประเภทบู้ล้างผลาญบอกว่ามาเลยๆ หนูใส่ชื่อแล้วนะ
พวกเราตกลงเหมือนกับทุกครั้งที่มีการอบรมว่า เราจะไม่มีเอกสาร ทุกอย่างในชั้นเรียนต้องเกิดจากองค์ความรู้ที่นำออกมาแบ่งปัน
และต้องเริ่มเรียนรู้ด้วยความรัก ความเข้าใจ สร้างฐานให้แข็งแรง เริ่มจาก A-Z จึงเป็นทางเลือก และเป็นทางเลือกที่หาอ่านไม่ได้ในหนังสือจึงเป็นข้อตกลงระหว่างกัน
ขอบคุณพี่แมวที่มานั่งเรียนด้วย แบบตั้งอกตั้งใจ ซึ่งดิฉันถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีมากๆ น้องๆ ควรถือเป็นเยี่ยงอย่าง
ดิฉันไม่ทราบหรอกว่าคนเรียนจริงๆ แล้วรู้สึกกันอย่างไร รู้แต่ว่ามีผู้แจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้น รู้แต่ว่าน้องๆหัวเราะและมีการโต้ตอบกับ “ครู” รู้แต่ว่า “ครู” ทั้งสองท่าน สนุกกับพวกเรา และยินดีช่วยเหลือพวกเรา
ฝากชื่อ “ครู”ไว้ ณ ที่นี้คือ อาจารย์ชนินทร์ อมรบุตร และรองศาสตราจารย์ลิขิต กาญจนาภรณ์
I have my day just because they gave me! On behaft of our staff, I would like to take this opportunity to express oue deepest gratitude and appriciation to Kru Toom and Arjan Likhit for the knowledge given. Thank you.
3 thoughts on “ภาษาอังกฤษแบบกรุบกริบ”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ขอบอกได้คำเดียวว่า very good ขอบคุณผู้จัดทุกท่านค่ะ
เห็นนักเรียนทั้งหลายยิ้มแย้ม พยายามเม้มปาก พ่นเสียงไรฟัน ลิ้นดันปุ่มเหงือก แบบไม่ได้ถูกกดดันแล้ว ทั้งครูและผู้จัดก็รู้สึกปลื้มใจ เป็นนิมิตหมายอันดี ขอบคุณน้อง ๆ นักเรียนทุกคนที่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ especially our boss, Pee Maew, you’re superboss.We’ll try to be a good learner like you.Very thank to Kru Toom. You’re very special.
thank you for the word “super boss”. I am very happy for learning this class. Kru toom made me or our class appreciate. Kru Likit taught by English language.
I understood about 90% (not โม้ really นะ)
ขอบอกพี่แมว ป้าแมว น้าแมวเรียนตลอด 5 วันไม่ได้ขาด เก็บรายละเอียดทุกเม็ด แถมมีข้าว กลางวัน มีของว่างด้วย save money for 5 days