รับ "แขก"
สองสัปดาห์นี้ชีวิตดิฉันวุ่นวายกับการรับแขก โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติ เป็นที่สนุกสนานแบบปวดตับเนื่องจากความรันทดจากภาษาอังกฤษของตัวเอง แต่มักอ้างว่าหูยยย… มาจากหลากหลายเชื้อชาติ … เป็นข้ออ้างเพื่อปลอบใจตัวเอง
อาจารย์ ดร.ธีรพงษ์ บัวหล้า ซึ่งดิฉันยกให้เป็นมายไอดอลทันที่เมื่อได้ฟังอาจารย์พูดและอธิบายเพียงไม่กี่นาที เพราะประทับใจมากที่สุดกับบทสนทนาสั้นๆ เรื่อง change attitude ซึ่งอาจารย์อธิบายได้ดีมีตัวอย่าง และทำให้ดิฉันจดจำไปขยายต่อ การฟังครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ 2 ถามว่าเรื่องนี้เรารู้กันอยู่ไหม ตอบว่ารู้อยู่ แต่การได้ “ฟัง” บางเรื่องบางประเด็นจะมีส่วนสะกิดต่อมให้คิดได้
ปีนี้ (งบ2556) พวกเราโชคดีที่มีโอกาสฟังวิทยากรที่เป็น “ครู” ของศิลปากรถึงสามท่าน (อ.สกุล อ.ลิขิต และอ.ธีรพงษ์) ซึ่งจะมาในหัวข้อต่างกันคือ ความสุข จิตสำนึก ภาษาอังกฤษ แต่เนื้อหาจะมีความคล้ายคลึงกันคือการรู้จักเปลี่ยนทัศนคติ และการเริ่มความเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยตนเอง พยายามแปลงนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรม และเป็นรูปธรรมที่ติดตัวเราหาใช่ใครอื่น
เมื่อวันอังคาร “แขก” ตัวจริงมา เป็นการมาที่ไม่ธรรมดานัดแนะเวลาบ่ายโมง แต่กว่าจะมาถึงห้องสมุดเราปุเลงๆ เข้าไปบ่ายสามกว่า ระหว่างทางติดต่อกันทางโทรศัพท์จนมึน จนตัดสินใจจะไปบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว แต่ยังยินยันไม่มา แถมอิฉันยังเสียงสูงว่า by BUS? แบบแหลมปรี๊ด จะไม่ให้สูงได้อย่างไร เพราะ “แขก” ท่านมารถเมล์หวานเย็นกรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี เลยขอพูดกับ someone in the bus ถามว่าหนูรูจักทับแก้วไหมครับ (ทำไมผมจะไม่รู้เพราะผมเป็นกระเป๋ารถ) งั้นดีเลย ถ้ารถจอดหนูอย่างเพิ่งไปไหนนะคะ ให้เรียกมอเตอร์โขค์รับจ้างแล้วบอกว่าให้มาส่งที่ห้องสมุด ต้องช่วยเค้านะเพราะเขาพูดภาษาไทยไม่ได้ (ครับๆ) แล้วดิฉันก็ต้องมาพูดกับ “แขก” อีกว่า อย่าเดินมานะชายหนุ่มคนนั้นจะช่วยเหลือให้คุณมาที่นี่ได้ …………หายไปนานพอสมควร กระทั่งมีโทรศัพท์บอกว่าอยู่ชั้น 2 อาคารหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล อิฉันก็กระหือกระหอบเดินออกไปหาแม่เจ้าประคุณเอ๋ย ช่างมีความมานะพยายามจริงๆ เลยพาไปห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาสักพัก เลยพาไปที่ห้องประชุมที่หัวหน้าฝ่ายทั้งหลายนั่งประชุมกันนั่นแหละ พร้อมกับเชิญพี่พัช เพราะบรรณารักษ์ท่านอื่นสลายตัวไปหมดแล้ว พี่นกยกน้ำดื่มมาให้เพราะดูท่าทางอิดโรยน่าดู
ถึงการเดินทางจะทรหดอย่างไรก็ตาม เมื่อพูดจาแนะนำฐานข้อมูลก็สามารถทำได้ด้วยดี พวกเราเห็นแล้วสงสาร พี่พัชกับอิฉันต้องพยายามถามและพูดถึงฐานข้อมลของเค้าและให้กำลังใจ ขากลับพี่พัขเลยเป็นธุระไปส่งถึงรถตู้ 83 เพราะนั่งรวดเดียวจบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เรื่องนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับการเดินทางที่เราควรต้องศึกษาข้อมูลล่วงหน้า ส่วนอิฉันแน่ใจในงานที่คิดแเพื่อสร้างหลักสูตรการฝึกอบรมภาษาอังกฤษว่า ไม่มีใครจะสร้างบทเรียนการสนทนาได้ดีเท่ากับตัวเราเอง
นอกจากปฏิบัติสิ่งต่างๆ แบบเรื่อยเปื่อย เพื่อให้ “ได้ยิน” ผ่านหูแล้ว ยังต้อง “ฟัง” เอฟเอ็ม 95.5 และก้มหน้าก้มตาทำตามคำแนะนำของอาจารย์ ดร.ธีรพงษ์ ที่ให้ปฎิบัติแบบนี้อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง
ไม่ใช่อะไรแค่กลัวว่า “ปวดตับ” จะทรมานยิ่งกว่า “ปวดหู”