ความสุข-ความเครียด-ความทุกข์
เมื่อวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา…บุคลากรสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร กว่า 100 ชีวิต ได้เข้าร่วมฟังการบรรยายทางวิชาการ ซึ่งจัดโดยสำนักหอสมุดกลาง 2 เรื่อง แต่เรื่องที่จะพูดถึงก็คือเรื่องของ ความสุขสร้างได้จากคิดบวก-ทำดี โดย รศ. ลิขิต กาญจนาภรณ์
อาจารย์ได้กล่าวถึงเรื่องของความสุขว่า เราต้องเปลี่ยนทัศนคติ ปล่อยวาง รวมถึงความสุขเป็นเรื่องของใจ คนที่มีความสุขจะมีภูมิต้านทานโรคสูง ไม่ค่อยจะเจ็บป่วย ร่างกายสดชื่น แข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใส และอายุยืน นอกจากนี้อาจารย์ยังได้กล่าวถึงผลการวิจัยทางจิตวิทยาเกี่ยวกับคนที่มีความสุข พบว่า
- คนที่มีความสุขจะมีความภูมิใจในตัวเองสูง
- คนที่มีความสุขจะมองโลกในแง่ดี
- คนที่มีความสุขจะมีเครือข่ายทางสังคม
- คนที่มีความสุขมักจะคิดว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
นอกจากนี้ความมีศีล-มีธรรม จะเป็นรากเหง้าของความสุข ไม่ว่าจะต้องมีเมตตา กรุณา ต่อผู้อื่น ไม่จองเวร ไม่อาฆาต ไม่พยาบาท ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง และมีสติ — คนเราจะมีความสุขได้ ต้องคิดดี และทำดี —
ก่อนหน้าที่จะได้ฟังบรรยายเรื่องนี้ ได้อ่านหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่ง ชื่อว่า พุทธวิธีคลายเครียด ของ ท่านปิยโสภณ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ท่านได้กล่าวถึงวิธีคลายเครียดไว้อย่างน่าสนใจว่า….
ความเครียดเกิดจาก…อารมณ์สุดโต่ง เช่น รักมาก โกรธมาก โลภมาก เกลียดมาก หลงมาก อิจฉามาก ริษยามาก นินทามาก จำเป็นต้องปรับความสมดุลของอารมณ์
ความเครียดเกิดจาก…อารมณ์ที่เป็นพิษ เช่น คิดว่าตนถูกใส่ร้าย คิดว่าตนถูกกลั่นแกล้ง คิดว่าตนไม่สมหวัง ความคิดเช่นนี้ จะทำให้เรามีปมด้อยในชีวิต
เครียดเพราะ…ปากท้อง เป็นความเครียดตามปกติของคน
วิธีบรรเทาหรือกำจัดความเครียด อันจะนำมาซึ่งความสุข … ทำได้โดย
กล้าเผชิญความจริง – เมื่อกล้าเผชิญความจริงแล้ว สติปัญญาที่จะแก้ปัญหาก็จะมาเอง และความสุขก็จะตามมา
เข้าใจเรื่องอารมณ์ของตนและของคน – คนเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน เราต้องเรียนรู้เขาให้เข้าใจ และเมื่อเข้าใจแล้วก็จะไม่เครียด
ไม่คาดหวัง แต่พิจารณาความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง – มนุษย์ทำอะไรมักหวังผลตอบแทน แต่ถ้าเราใจหลักความจริงที่ว่า ความเปลี่ยนแปลง ความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และความที่เราไม่อาจยื้อสิ่งใดๆ ไว้ได้ตลอด ก็จะคลาดความเครียดลงไป
ปิด-เปิดประตูรับรู้ให้เป็นเวลา – ต้องรู้จักควบคุมตนเอง รู้จักว่าเวลาใดควรทำอะไร มีสติที่จะรู้จักเปิด-ปิดผัสสะ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
อย่าเครียดเรื่องของคนอื่นที่มิใช่เรื่องของตน – โดยธรรมชาติคนเรามันเป็นทุกข์เพราะเรื่องของคนอื่น มากกว่าเรื่องของตน เราต้องไม่นำขยะความคิดใดๆ มาเข้าบ้านของเรา
แผ่เมตตา นึกถึงกฎแห่งกรรมมากกว่ากฎหมาย – เมื่อเครียดให้นึกถึงกฎแห่งกรรม ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่ากฎหมาย ไม่ว่าจะทำดีหรือทำชั่ว จะได้รับผลของกรรมนั้น ไม่มีเปลี่ยนแปลง หากคิดได้แบบนี้ ก็จะสบายใจ หายเครียด
นึกถึงธรรมชาติที่เหมือนกันของสัตว์ทั้งหลาย – มองให้เห็นความเสมอกันทั้งผู้อื่นและตัวเราเองว่า เราต้องเผชิญความลำบากในสังสารวัฏเหมือนกัน เขาและเราไม่มีอะไรต่างกัน
ท่านได้มีบทสรุปในตอนท้ายว่า ความสุขมักซ่อนตัวอยู่ใจกลางความเศร้า ความเหงามักซ่อนตัวอยู่กลางความร่าเริง ความกล้ามักซ่อนตัวอยู่ภายในปัญหาเสมอ …. ขอให้เรานิ่งคิด หยุดแล้วคิดให้นิ่ง ลึกซึ้ง และหยุดความคิดให้ได้ ก็จะเห็นว่าปัญหาแต่ละอย่างนั้นมีทางออกเสมอ
จะเห็นได้ว่า…การที่เราจะมีความสุขได้ แน่นอนว่าเราคงต้องกำจัด หรือคลายความเครียดนั้นลงเสียก่อน 😛
ฉันใดก็ฉันนั้น โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้วเห็นว่า ในความจริงแท้ของชีวิต คนเราย่อมต้องมีทั้งสุข ทุกข์ คละเคล้ากันไป อยู่ที่ว่า จะมีเปอร์เซ็นต์ของความรู้สึกใดมากกว่ากัน หากทุกข์มาก-เครียดมาก คงต้องหาทางกำจัดหรือผ่อนคลายลง ที่ว่าความสุขอยู่ที่ใจ … คงเป็นเพียงคำพูดที่จะทำได้ไม่ง่ายนัก หากเราไม่ได้ลงมือปฏิบัติ ก็คงเหมือนการหลอกตัวเองไปวันวัน … ว่าเรามีความสุขดี … 😎