พระคุณที่สาม…
ช่วง 2 อาทิตย์นี้ พบว่าเด็กนักเรียนมาขอดอกเข็ม ดอกมะเขือ หญ้าแพรก ที่บ้านอยู่เนืองๆ รวมถึงเจ้าหลานชายตัวน้อย ที่กลับมาบ้านพร้อมจดหมายน้อยของคุณครู บอกว่าจะมีพิธีไหว้ครู วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน 2552 ให้เตรียม ดอกเข็ม ดอกมะเขือ หญ้าแพรก ข้าวตอก และธูปเทียน ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า เราห่างเหินกับพิธีนี้มาเนิ่นนานหลายปีแล้ว เพราะห่างจากความเป็นนักเรียนมานาน (แก่แล้วนั่นแหละ)
พิธีไหว้ครู (พูดกันในแง่ของโรงเรียนดีกว่าเนอะ) เป็นประเพณีที่แสดงความเคารพ และระลึกถึงพระคุณของครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ ส่วนใหญ่มักจะทำในช่วงเปิดภาคเรียน ดอกไม้ที่ใช้ในการไหว้ครู มักจะใช้ดอกมะเขือ ดอกเข็ม หญ้าแพรก และข้าวตอกเป็นเครื่องบูชาครู เพราะเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายและมีความหมายที่ดี กล่าวคือ ดอกมะเขือ เสมือนเป็นสิ่งให้เกิดปัญญาความคิดที่พร้อมจะรับความรู้ได้อย่างรวดเร็ว รู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นคนสุภาพเรียบร้อย เหมือนมะเขือที่โน้มลง หญ้าแพรก เปรียบเสมือนเด็กที่มาเล่าเรียน เมื่อได้รับการสั่งสอนก็พร้อมจะเรียนรู้ เหมือนดังหญ้าแพรกที่แม้บางครั้งจะเหี่ยวเฉาไป แต่เมื่อได้รับน้ำก็พร้อมจะเติบโตทันที ทนต่อการเหยียบย่ำ ซึ่งเปรียบเสมือน คำดุด่าของครูอาจารย์ ดอกเข็ม คือ การขอให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม เฉลียวฉลาด และข้าวตอก เสมือนหนึ่งให้มีปัญญาความคิดแตกฉาน เพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว มีระเบียบวินัย เหมือนข้าวตอกสีขาวที่ถูกคั่วออกจากข้าวเปลือกเมื่อได้รับความร้อน นอกจากดอกไม้ดังกล่าวแล้ว ก็จะมีธูปเทียน ที่ใช้ในพิธีไหว้ครู
และสิ่งที่ได้เคยได้ยินในพิธีไหว้ครูเมื่อครั้งที่เป็นนักเรียน ก็คือ คำไหว้ครู ที่เราจะเห็นนักเรียนหญิงหรือชาย 1 คน ทำหน้าที่หัวหน้ากล่าวคาถาไหว้ครู ปาเจราจะริยาโหนติ คุณุตตะรา นุสาสกา จากนั้นนักเรียนทั้งหมดจะกล่าวพร้อมกัน
ข้าขอประณตน้อมสักการ บูรพคณาจารย์ ผู้กอปรเกิดประโยชน์ศึกษา ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา อบรมจริยา แก่ข้าฯ ในกาลปัจจุบัน
ข้าฯ ขอเคารพอภิวันท์ (อบภิวันท์) ระลึกคุณอนันต์ ด้วยใจนิยมบูชา ขอเดช กตเวทิตา อีกวิริยะพา
ปัญญาให้เกิดแตกฉาน ศึกษาสำเร็จทุกประการ อายุยืนนาน อยู่ในศีลธรรมอันดี
ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี ประโยชน์ทวี แก่ข้าและประเทศไทยเทอญ
และนักเรียนที่ทำหน้าที่หัวหน้า กล่าวคาถาจบ ปัญญาวุฑฒิ กะเรเต เต ทินโนวาเท นะมามิหังฯ
และนักเรียนทุกคนจะกล่าวคำปฏิญาณตน “เราคนไทย ใจกตัญญู รู้คุณชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ เรานักเรียนจักต้องประพฤติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียนมี ความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น เรานักเรียนจะต้องไม่ทำตนให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น”
แต่ไม่รู้เพราะเราห่างเหินความเป็นนักเรียนมานาน หรือไม่สนใจ หรือไม่เคยรับรู้ ก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อเจ้าหลานชายมาถามว่า
หลานชาย : แม่โกเอ๋ ร้องเพลงพระคุณที่สามเป็นมั้ย
แม่ : เพลงอะไรอ่ะ บอกเนื้อให้ฟังซักกะติ๊ดได้มั้ย
หลานชาย : นึกไม่ออก เกี่ยวกับครูมั้ง …. อยากฟัง อยากฟัง แม่โกเอ๋ร้องให้ฟังหน่อย
แม่ : (นึกในใจ) มันเป็นเพลงอะไรหว่า…เคยเห็นเนื้อเพลงพระคุณที่สามอยู่เหมือนกัน ที่หอสมุดวัดพระปฐมเจดีย์ เคยเปิดเจอ แต่ไม่ได้สนใจ มันเป็นเพลงเดียวกันอ๊ะเปล่านะ
หลานชาย : ร้องให้ฟังเร็วๆ (เจ้าหลานชายตัวดี ก็ยังเซ้าซี้ไม่เลิก)
แม่ : (และแล้ว ให้คุณ Goo…ช่วยดีกว่า) ได้ผล ค้นเจอ ได้ฟัง ….เพราะดีแฮะ ความหมายก็ดี (มีอยู่บนหลายๆ เว็บไซต์) ทำไมเราไม่เคยรู้เลยล่ะเนี่ย เลยได้โอกาสเปิดให้เจ้าตัวดีฟัง …. เท่านั้นแหละ… เลิกเซ้าซี้ซักกะที
เพลงพระคุณที่สาม คำร้อง/ทำนอง โดย ครูอร่าม ขาวสะอาด
ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานความรู้มาให้ อบรมจิตใจให้รู้ผิดชอบชั่วดี
ก่อนจะนอนสวดมนต์อ้อนวอนทุกที ขอกุศลบุญบารมีส่งเสริมครูนี้ให้ร่มเย็น
ครูมีบุญคุณจะต้องเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า ท่านสั่งสอนเราอบรมให้เราไม่เว้น
ท่านอุทิศไม่คิดถึงความยากเย็น สอนให้รู้จัดเจนเฝ้าแนะเฝ้าเน้นมิได้อำพราง
พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง
ถ้าหากจะคิดยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู
บุญเคยทำมาตั้งแต่ปางใดเรายกให้ท่าน ตั้งใจกราบกรานเคารพคุณท่านกตัญญู
โรคและภัยอย่ามาแผ้วพานคุณครู ขอกุศลผลบุญค้ำชูให้ครูเป็นสุขชั่วนิรันดร
หลายท่านอาจเคยได้ยินได้ฟังแล้ว แต่เอ๋ยังไม่เคย…พอได้ฟังแล้ว รู้สึกดีจัง สำหรับช่วงสัปดาห์ หรือเดือนแห่งการไหว้ครูในปีนี้…
ท้ายที่สุด…ขอขอบคุณครูอาจารย์ทุกท่านที่ประสิทธิประสาทวิชา อบรมสั่งสอน จนกระทั่งได้ประสบความสำเร็จในชีวิต
ลองฟังเพลงนี้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=ouw36HbfrnY&hl=th หรือในอีกหลายๆ ที่…..
4 thoughts on “พระคุณที่สาม…”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
มีอีกบทประพันธ์หนึ่งที่แพร่หลายไม่แพ้กัน ในพิธีวันครูของเกือบทุกโรงเรียน ก็คือ “คำนมัสการอาจริยคุณ”
อนึ่งข้าคำนับน้อม ต่อพระครูผู้การุญ
โอบเอื้อและเจือจุน อนุสาสน์ทุกสิ่งสรรพ์
ยัง บ ทราบก็ได้ทราบ ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน
ชี้แจงและแบ่งปัน ขยายอัตถ์ให้ชัดเจน
จิตมากด้วยเมตตา และกรุณา บ เอียงเอน
เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์ ให้ฉลาดและแหลมคม
ขจัดเขลาบรรเทาโม- หะจิตมืดที่งุนงม
กังขา ณ อารมณ์ ก็สว่างกระจ่างใจ
คุณส่วนนี้ควรนับ ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร
ควรนึกและตรึกใน จิตน้อมนิยมชน
บทประพันธ์ของ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นองคมนตรี และ เจ้ากรมพระอาลักษณ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
นึกถึงสมัยประถมทุกวันศุกร์ตอนเย็นจะมาประชุมนักเรียน แล้วให้สวดอะไรพวกนี้ สมัยนั้นเบื่อมาก พออายุมาเข้า เออ…ดีจัง ทุกคำที่สวดกันไปสวดกันมา ยังจำได้ถึงปัจจบัน ส่วนบทไหว้ครูพี่ว่าท่องทีไรขนลุกทุกที…
ไม่เชื่อลองออกเสียงดังๆ แบบสมัยเด็กนะว่า ปาเจรา จริยา โหนติ แล้วเน้นคำสุดท้ายเนี่ย…
ดอกมะเขือ หญ้าแพรก ประมาณ ปี พ.ศ.2528 มีผู้ใช้บริการมาถามความเป็นมา ป้าแมวในฐานะ referener ค้นหาแทบตาย จาก ดรรชนีวารสารก็ไม่มี (ไม่ทันสมัย) ต้องเปิดทีละชื่อทีละเล่ม ตามที่คาดเดา ประมาณเดือนสิงหาคม หรือเดือนก่อน กว่าจะได้ใช้เวลาอยู่นานโข พบหน้าเดียว จึงต้องทำบัตรไว้สืบค้นต่อ
โหนติ ต้อง โหน………….ติ ชิมิ มิแซ่บเว่ ป้าแมวเม้นท์ของหนูปองถูกไหม
เห็นด้วยกับปอง วันไหว้ครู พอขึ้น “ปาเจรา… ทีไรขนลุกทุกที รู้สึกสำนึกในบุญคุณครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทวิชาให้