หน้าที่ บก.

น่าจะเป็นพี่แมวนะที่มอบหมายการทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการของวารสารลานจันทร์ ตอนนี้พี่แมวกำลังเชิญชวนขอร้อง….ให้ช่วยกันเขียนบทความลงลานจันทร์กันหน่อยเถิด…ค่ะ
ส่วนต้นฉบับจะส่งมาที่ บก. ดูขั้นสุดท้ายเพื่อบรรณาธิกรณ์ข้อมูล ในวงการหนังสือ บก.จะเป็นบุคคลสำคัญมาก แต่อันนี้เป็นเรื่องของเอกชน บก.จำเป็นอย่างเราทั้งทำและคิดแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
ดูขั้นสุดท้ายคืออะไร ก็ดูตั้งแต่แนวคิดของคนเขียน ดูเนื้อหาให้มีน้ำหนักที่สอดคล้องกัน แล้วก็บอกอย่างตรงไปตรงมาว่าให้ปรับตรงไหน พยายามอธิบายให้ผู้เขียนฟัง ที่ใช้คำว่าพยายามนี้หมายถึงตัวเราเองที่พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง พูดไปแล้วก็จะเออออคิดเอาเองว่าคนฟังเข้าใจเหมือนเรา อย่างบอกพี่อ้วนให้ไปนั่งฝั่งโน้น ที่หมายถึงฝั่งทางเข้า ส่วนพี่อ้วนไปโน่นนนน… วารสาร ต้องตามหากันซะ บอกให้น้องเอ๋ทำสถิติแบบนี้ เอ๋บอกว่าก็ทำให้แล้วไง แต่เข้าใจคนละทาง หวิดต้องวางมวยกันหลายครั้ง จนพี่จุ๋มต้องมาเตือนว่าให้พูดช้าๆ ๆ และซักซ้อมความเข้าใจก่อนตกลงโอเค
ส่วนงานเขียนเมื่ออ่านแล้ว หากเห็นว่าต้องปรับเนื้อหา ก็จะบอกว่าปรับอย่างไร ตรงไหน หลายคนต้องกลับไปเพิ่มตรงนี้ ตัดตรงโน้น มากบ้างน้อยบ้าง…. ก็ว่ากันไป แต่อยากจะบอกว่าทุกอย่างล้วนเป็นประสบการณ์ทั้งนั้น
งานเขียนครั้งแรกที่ตัวเองเขียนในวารสารฉบับหนึ่งก่อนที่จะมาทำงานให้ที่นี่ มีหัวหน้าซึ่งปัจจุบันได้รับรางวัลระดับโลกสั่งให้แก้ แต่ไม่มีรอยแก้สักนิดหนึ่งในต้นฉบับ มีเพียงคำพูดสั้นๆ ว่า ไปทำมาใหม่ ส่วนเพื่อนร่วมงานที่อายุเท่ากัน เอกชีววิทยา งานเขียนได้รับให้ไปตีพิมพ์ในปฏิทินที่แจกไปทั่วประเทศ ปัจจุบันจบปริญญาเอกและเป็นอาจารย์สอนในคณะนิเทศน์ศาสตร์ และเพื่อนอีกคนหนึ่งสามารถเขียนกลอนได้หยดย้อยประกอบหนังสือทั้งๆ ที่จบทางด้านเศรษฐศาสตร์ แต่ปัจจุบันหันไปเป็นนายแบงค์  ส่วนตัวเราอายุเท่ากับเขา จบ ป.ตรีเหมือนกัน ยังต้องมานั่งเขียนใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ขณะเขียน blog นี้ยังนึกถึงอารมณ์และความรู้สึกได้เลยแต่สุดท้ายก็ต้องก้มหน้า ก้มตา เขียน และเขียน กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าที่ขยำทิ้ง ความพยายามมีอยู่เท่าไรก็ต้องมาใช้ทั้งหมด เพราะขืนมานั่งฟูมฟายละก็โดนแน่ ในที่สุดก็ผ่านจุดนั้นมาได้ และเขียนหนังสือเรื่อยมา ถือเป็นบุญอย่างมากที่ตัวเองได้อยู่ในสังคมกับเพื่อนร่วมงานที่ช่วยกันผลักดันแบบตรงไปตรงมา แม้จะเป็นเวลาแค่หนึ่งปีก็ตามแต่ก็ให้อะไรมากมาย ที่ยังใช้ไม่หมดจนถึงปัจจุบัน
ถามว่าเริ่มมาเขียนหนังสือที่นี่เมื่อไร จำได้ว่าจดหมายฉบับแรกที่เขียน แต่มีคนให้แก้ แล้วนำร่างของเราไปให้หัวหน้าคนก่อนๆๆๆๆ แล้วบอกว่าให้ใช้บางส่วนของเรา ตัดของคนที่แก้ แล้วให้ปรับตรงนี้ๆ คนที่ให้แก้บอกว่างั้นเธอก็ทำไปแล้วกัน  ก็ทำดีแล้วนี่ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีท่าทีหรืออารมณ์แบบนั้น เพราะสำหรับเราแล้วการแก้ไขและการยอมรับไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เป็นเรื่องธรรมด้าธรรมดา ภายหลังจึงเข็ด พยายามจะไม่เข้าไปยุ่งกับใคร แต่นิสัยเราคือถ้าให้ไปมีีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมใดๆ แล้ว เราต้องช่วยหรือต้องทำให้ได้ดีที่สุดเพราะเสียดายเวลาในการไปประชุม หรือนั่งอ่าน
แต่วิสัยของมนุษย์ก็อาจจะหงุดหงิดบ้างถ้าให้แก้แบบจุกจิกเกินไป ยิ่งเราเห็นว่าดีแล้วละก็มีแอบบ่นยาว… แต่หากยังยืนยันในความคิดเราก็จะไปบอกคนที่ให้แก้ว่าเราขอใช้คำนี้ คำนั้น ด้วยเหตุผลอะไร บางคนบอกว่าไม่กล้า เราบอกว่าต้องกล้าถ้ามีเหตุผลเพียงพอ เพราะต่างคนต่างต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
มีไหมที่ให้แก้แล้วไม่แก้ตอบว่ามี ถามว่ารู้สึกยังไง ตอบว่าเฉยๆ เพราะเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา ต่างคนต่างทำหน้าที่ หากมั่นขนาดนั้นเราก็จะไม่พูดอะไรไม่ได้  เพราะนอกจากมีบรรณาธิการแล้ว ยังมีบรรณาธิเิกิน 😈 มาช่วยดูในขั้นตอนสุดท้ายก่อนพิมพ์
ด้วยความที่หลายๆ คน ไม่ชอบเขียนหนังสือ ทำให้งานเขียนต่างๆ จึงตกลงมาที่ตัวเองจึงต้องเขียนบ่อยโดยปริยาย เมื่อบ่อยเข้าจึงเป็นความชำนาญ และกลายเป็นความเร็ว เหตุที่เร็วและเขียนได้พี่แมวบอกว่าเป็นเพราะเราอ่านหนังสือมาก ทำให้มีคลังคำในตัวเยอะ ก็คงจะจริง และก็คงมีหลายส่วนประกอบกัน เช่น หลายคนชอบอ่านแต่ไม่ชอบเขียน คลังคำในตัวน่ะมี แต่เวลาเขียนสักทีทำให้ต้องจดๆ จ้องๆ เพราะมีคำมาก จนไม่รู้ว่าจะเลือกใช้คำไหน บางทีก็มักใช้คำที่ซ้ำๆ กัน บางครั้งก็ตีโจทย์ไม่ออก ไม่ทะลุ วางโครงเรื่องไม่ได้ จึงหยุดได้แค่คิดอยากเขียน พอหยุดแล้ว เวลาก็จะพาไป จึงเอวัง….
ขอพาดพิงผู้เขียนในลานจันทร์ฉบับหน้าว่ามีหลายคน แต่จะไม่นันหัวหน้าหอสมุดฯ เพราะเป็นเซียนไปแล้ว คนแรกคือน้องอ้อ เพิ่งเขียนไปในฉบับที่แล้ว แตกว่าจะได้่ช้ามากกกกกก และเขียนออกมาแล้วถูกวิจารณ์จนสงสาร จึงมักเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง บวกกับตอนนี้เธอมีความสุขในการเขียน blog มาก ที่เคยประมาทว่าช้าก็ไม่ช้า เจ้าตัวยอมรับว่าการที่เขียนบ่อยๆ ทำให้ี่ฝึกฝน ส่วนกวี เจ้าของเรื่องหมาๆ ที่ทุกคนยกนิ้วให้ ก็เป็นหนึ่งคนที่เสียดายว่ามีห้องสมุดจัดเวทีแบบนี้ให้ช้าไป ตามด้วยพี่มนตรี ความรู้สึกเช่นกวี พี่มนตรีจะเป็นคนที่เขียนหนังสือเป็นขั้นเป็นตอนและมองในแทบทุกมุมที่เกี่ยวข้อง ตามด้วยพี่เก เป็นคนเล่าเรื่องดี หากได้เขียนเรื่องที่รักอย่างหมาหรือเด็กรับรองว่าพรั่งพรู แต่เรื่องอื่นต้องหาบททดลอง
พออ่านมากเข้าๆ สรุปกับตัวเองว่าแนวถนัดของพวกเราคือบอกเล่าเรื่องราว แฝงไปด้วยวิชาการและอัดแน่นไปด้วยความรู้ที่อยู่ในตัวเอง มีคนบอกว่าชอบอ่านลานจันทร์ เพราะจับต้องและนำไปใช้งานจริงได้ ก็ขอยินดีกับหน้าใหม่เข้าวงการ
แล้วของตัวเราล่ะ เขียนแล้วให้ใครอ่าน บอกว่าบทความที่เขียนแต่ละครั้งของเรามีคนอ่านไม่ต่ำกว่า 5 คน ทั้งในและนอกห้องสมุด ถามว่ามีแก้ไขไหม บอกว่าก็เหมือนกับพวกเรานั่นแหละ แต่ทุกเรื่องที่แก้ก็จะพยายามจำ จ้ำ จำ
อยากเชิญชวนให้ทุกคนอ่านและเขียนหนังสือ ลองเขียนใน blog หรือบนกระดาษแบบสั้นๆ วันละประโยค วันละบรรทัด หนึ่งเดือนก็น่าจะได้หลายบรรทัดอยู่ ไม่เขียน ไม่อ่าน ไม่เรียนรู้ วันนี้อาจจะเห็นว่าไม่จำเป็น หรือทำไมต้องเขียน สักวันหนึ่งเมื่อต้องทำบันทึกข้อความ ต้องร่างจดหมาย ต้องเขียนรายงาน ทำคู่มือการทำงาน กระทั่งทำผลงานเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง เรียนต่อ หรือเวลาลูกมาถามเรื่องเรียงความ ก็จะเริ่มต้นหรือช่วยเหลือลูกน้อยหอยสังข์ไม่ได้ … ไม่รู้ด้วยนะ
น่านะเขียนกันคนละประโยค บอกเล่าเรื่องราวคนละบรรทัด เตรียมซะตั้งแต่ตอนนี้ สิ้นเดือนหน้าน่าจะมีต้นฉบับส่งมาบ้างเน้อ
ปล. ส่วนตำแหน่ง บก. จำเป็น ไม่ต้องรอค่ะ มารับช่วงได้เลย
สวัสดี

One thought on “หน้าที่ บก.

  • ถูกต้อง ดังหนูปองเล่าแจ้ง ไม่ลองเขียน ก็ไม่รู้ว่าเราทำได้ไหม ชิมิ

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร