อินเดีย (นะนายจ๋า)
ทำไมต้องอินเดีย??? นั่นซิค่ะทำไม
มีคนเคยบอกไว้ว่าถ้าได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับอินเดียแล้วหละก็ สิ่งที่ได้กลับมาจะมีเพียงสองอย่างคือ
“ถ้าไม่ชอบจนอยากไป ก็คงจะเกลียดไปเลย”
สืบเนื่องจากการที่ได้มีโอกาสไปซื้อหนังสือกับฝ่ายวิเคราะห์ ที่งานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 41 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ขณะที่ยังไม่มีจุดมุ่งหมายใดๆในชีวิต ขณะนั้นเองสายตาก็ดันไปสะดุดกับหนังสือเล่มหนึ่งที่พี่ๆวางเอาไว้ เลยหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาดูในใจคิดว่าจะอ่านแบบผ่านๆฆ่าเวลาไปงั้น แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็ดันวางไม่ลงซะนี่แต่ก็เป็นเวลากลับแล้ว เป็นเหตุให้ต้องเดือดร้อนฝากพี่ที่รู้จักซื้อมาให้ในวันถัดมา
ในหนังสือก็จะเป็นเรื่องราวความเป็นอินเดียที่เคยผ่านตา หรือเฉียดเข้าใกล้อยู่บ้างของคนไทยที่ยังไม่เคยไปเหยียบอินเดียมาจริงๆ พวกเขาขายถั่วและทอดโรตีไปพร้อมกับรอยยิ้ม โดยที่เราก็เก็บความสงสัยอยู่ในใจว่า ประเทศอินเดียมีหน้าตาเป็นยังไง แล้วที่โน่นเขากินโรตีกับถั่วเป็นอาหารหลักหรือยังไง แถมเรื่องราวของอินเดียที่ได้ยินมา มีทั้งสกปรก ฝุ่นเยอะ และระวังโดนแขกหลอก สรุปสั้นๆ คือไม่น่าไป และ ‘ไม่คูล’ แต่ แต่ แต่ ก่อนจะไปอินเดีย ใบพัด(ผู้แต่ง)ก็คิดว่าตัวเอง ‘ไม่คูล”
และเช่นเดียวกับอินเดีย ถ้าไม่ไปเพราะมัวแต่กลัวโดนแขกหลอก ก็คงไม่มีทางได้ทำความรู้จักกับ ‘อาบัง’ และเริ่มเรียนรู้ว่า ภาษาอังกฤษของคนอินเดียต้องตั้งใจฟังแค่ไหน ภูเขาหิมะที่นั่นหนาวยะเยือกเพียงใด ธรรมะขององค์ดาไลลามะจับใจขนาดไหน และอินเดียสะท้อนภาพตัวตนของเราออกมายังไงบ้างในสถานการณ์ห่วยแตกที่สุด ใบพัดเล่าเรื่องอินเดียของเขาได้อย่างสนุก แม้ไม่เท่แต่แอบมีข้อคิด ไม่หล่อมากแต่ก็คลี่คลายในตัวเอง ถ้าคุณได้อ่านก็คงจะได้รู้ว่า อินเดียนั้น ‘คูล’ กว่าที่คิดจริงๆ…
ส่วนตัวดิฉันไม่ใช่คนชอบอ่านแนวบันทึกเดินทาง แต่เล่มนี้กลับอ่าน (ซะงั้น) พอเปิดอ่านก็ไม่ค่อยมีสาระ ฮ่าๆๆๆ แต่มีเสน่ห์น่ะ…เป็นเสน่ห์ที่หลอกให้เปิดหน้าต่อไป ในเล่ม คนเขียนก็บอกแล้วว่าเขาเป็น ‘เด็กติ๋ม’ จำพวกนั่งตั้งใจเรียนเพื่อรอคำชมจากผู้ใหญ่ เลยไม่รู้วิธี ‘คูล’ อย่างพวกโดดเรียน หรือนักแบ็คแพ็กเกอร์ นอกจากนี้ คนเขียนยังเป็นพวกอนามัย ก่อนทานอาหารต้องล้างมือ ก่อนนั่งก็หาผ้ามาเช็ดเบาะ เป็นภูมิแพ้ และถนอมปากถนอมคำ ไม่กล้าโวยกับคนอื่น เราจึงได้อ่านชีวิตการเดินทางของเขาในดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องเล่ห์กลและโกลาหลอย่างอินเดีย ด้วยความลุ้นว่า “จะรอดกลับมาไหมเนี่ย?”
เนื้อเรื่องไม่มีเกร็ดประวัติศาสตร์ ตำนานพื้นเมืองหรือขนบธรรมเนียมประเพณีไว้ให้เก็บเป็นสาระ ส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวและแง่คิดในการเดินทางล้วน ๆ เรียกว่า..ถ้าคนอ่านไม่ลุ้นไปกับคนเขียน ไม่ชอบสำนวน ก็คงอ่านได้ยากหน่อย แต่ที่แน่ๆถ้าลองได้อ่านแล้วละก็คุณจะหลงรักเค้า และอยากจะไปอินเดียสักครั้งเหมือนดิฉัน
One thought on “อินเดีย (นะนายจ๋า)”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ตกลงเป็นหนังสือส่วนตัวหรือของหอสมุด คูล แปลว่าอะไร