ความสุขคนไทย
ที่ประชุมสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2555 ได้กำหนดให้วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปีเป็นวัน “ความสุขสากล” หรือ The International Day of Happiness จากการสำรวจระดับความสุขใน 156 ประเทศทั่วโลก ระบุว่า ความร่ำรวยเป็นเพียงแค่ปัจจัยหนึ่งของความสุขเท่านั้น ส่วนความสุขในระดับบุคคล เช่น การมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีความมั่นคงในอาชีพการงาน และครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญของการมีความสุข
สำหรับประเทศไทยมีความสุขอยู่ในลำดับที่ 52 ของโลก เป็นอันดับที่ 3 ในอาเซียน รองจาก สิงคโปร์ อยู่อันดับที่ 33 และมาเลเซียอยู่ที่ 51 แต่มีระดับความมีอารมณ์ดีเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ปัจจัยความสุขที่สำคัญของทุกประเทศทั่วโลก ได้แก่ รายได้ การมีงานทำ ความสัมพันธ์ที่ดี และความไว้วางใจกันในชุมชน การมีค่านิยมที่เอื้อต่อความสุข และศาสนา สุขภาพกาย สุขภาพจิต ความสัมพันธ์ในครอบครัว การศึกษาละความเท่าเทียมทางเพศและสังคม
จังหวัดที่มีความสุขมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1. จังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดที่มีรายได้ระดับปานกลาง แต่มีความมั่นคงด้านครอบครัวสูง 2. จังหวัดพิจิตร 3. จังหวัดตรัง 4. จังหวัดชัยภูมิ และ 5. จังหวัดกระบี่ ส่วนจังหวัดที่มีความสุขน้อยที่สุด 5 อันดับ คือ 1. จังหวัดสมุทรสงคราม 2. จังหวัดสมุทรปราการ 3 .จังหวัดสระแก้ว 4. จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดหนองคาย และ 5. จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดที่มีความสุขน้อยเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีการย้ายถิ่นเพื่อการทำงานมาก (เป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคตะวันตก 2 จังหวัด คือ จ.สมุทรสงคราม และจังหวัดกาญจนบุรี ) ส่วน กทม. มีความสุขน้อยอยู่ลำดับที่ 65 เพราะความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้น และการมีเวลาอยู่กับครอบครัวไม่เพียงพอก็ส่งผลต่อสุขภาพจิตได้มาก และประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก 3 อันดับแรก เป็นกลุ่มประเทศร่ำรวยในสแกนดิเนเวีย ได้แก่ เดนมาร์ก, ฟินแลนด์ และนอร์เวย์ ส่วนประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุดเป็นประเทศยากจนในภูมิภาคซับ-ซาฮาราในทวีปแอฟริกา ได้แก่ โตโก, เบนิน, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง และเซียร์ราลีโอน
เราคนไทยควรมีเวลาหาความสุขสำหรับตัวเอง และครอบครัวโดยเลือกทำกิจกรรมความสุขด้วยวิธีง่ายๆ เช่น ออกกำลังกาย ฝึกการหายใจ ทำกิจกรรมอาสา ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข
ข้อมูล มติชน 19 มี.ค. 56 10
http://blog.eduzones.com/mayom/105417
http://hilight.kapook.com/view/83565