ปัจจุบันชีวิตคนเรามีแต่ความเร่งรีบในหลายๆ ด้าน ยิ่งชีวิตคนเมืองด้วยแล้ว เวลาเป็นเงินเป็นทองไปหมด ในความเร่งรีบ บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มีบางเรื่องถ้าเร่งรีบเกินไปก็ส่งผลเสียต่อร่างกาย และจิตใจของเรา อย่างเรื่อง “การรับประทานอาหาร” คนส่วนใหญ่มักทานแบบเร่งรีบ เคี้ยวไม่ละเอียด บางคนไม่ทันรู้รสชาติอาหารก็หมดเสียแล้ว จึงอยากแนะนำเพื่อนๆ พี่ๆ ให้เห็นถึงความสำคัญของการ “เคี้ยวอาหาร” แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพและอวัยวะภายในของร่างกาย เช่น ระบบการย่อยอาหาร กระเพาะอาหารมีการทำงานที่ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นสมองเพิ่มความสามารถในการขบคิด และช่วยให้เกิดสมาธิ เป็นต้น เพื่อเราทุกคนจะได้มีสุขภาพดีกันถ้วนหน้า เรามาลองดูกันว่า “จำนวนครั้งในการเคี้ยวอาหาร” ช่วยส่งผลดีต่อสุขภาพของเราอย่างไรบ้าง
เคี้ยว 30 ครั้ง ในแต่ละมื้อเป็นอย่างน้อย ช่วยให้เหงือกแข็งแรงและช่วยรักษาอาการอารมณ์หงุดหงิด เครียด และโมโหง่าย
เคี้ยว 50 ครั้ง ช่วยลดความวิตกกังวลของอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากินอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยลดความอ้วนได้ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำมากเกินความจำเป็นที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
เคี้ยว 60 ครั้ง เหมาะสำหรับการเคี้ยวอาหารที่มีกากใยมากเกินไป ช่วยลดอาการท้องผูก การทำงานของสมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคี้ยว 80 ครั้ง ช่วยให้ประสาทสัมผัสไวขึ้น สามารถจดจำและจำแนกรสชาติของอาหารทั้งจากธรรมชาติและสารปรุงแต่งอาหารที่มีพิษต่อร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
เคี้ยว 100 ครั้ง ทำให้คุณจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สงบ เยือกเย็น กินน้อยลงแต่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้มาก อีกทั้งช่วยลดอาการอยากอาหารประเภทเนื้อ
เคี้ยว 150 ครั้ง ระบบการทำงานกระเพาะและลำไส้ดีขึ้น และช่วยควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ
เคี้ยว 200 ครั้ง ต่ออาหาร 1 คำได้ทุกมื้อ จะหายจากโรคกระเพาะเรื้อรัง และโรคกระเพาะอาหารเป็นแผลอย่างรวดเร็ว
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่สนใจ ลองปรับพฤติกรรม “การเคี้ยวอาหาร” ดูนะคะ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็สำคัญอันจะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเรา ทดลองทำได้โดยที่เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เสียเพียง “เวลา” ในการเคี้ยวเท่านั้นเอง…
ขอบคุณที่มา : ศูนย์บริการสาธารณสุข 41. การเคี้ยวอาหารสำคัญไฉน!!. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก office.bangkok.go.th/healthcenter41/index.php/km/165-2012-06-20-14-48-22. (วันที่ค้นข้อมูล 28 มกราคม พ.ศ.2556).