ได้ฟังข่าวทางโทรทัศน์ทราบว่า  เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 85 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2555 นี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชรพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งในรัชกาลของพระองค์ได้มีการเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4  จึงได้หาข้อมูลเกี่ยวกับพระที่นั่งอนันตสมาคมและวโรกาสที่เสด็จออกมหาสมาคมเพิ่มเติม
พระที่นั่งอนันตสมาคม เดิมเป็นท้องพระโรงของพระราชวังดุสิต เป็นพระที่นั่งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450  และเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบทอดจากพระราชชนก ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ดำเนินการก่อสร้างต่อจนเสร็จบริบูรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2458 รวมเวลาในการก่อสร้าง 8 ปี ค่าก่อสร้างประมาณ 15 ล้านบาท ลักษณะและรูปแบบศิลปกรรมพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียน  ตัวอาคารทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นอาคารสองชั้นมีโดมสูงใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีโดมเล็กๆ อีก 6 ยอด รวมทั้งสิ้นมี 7 โดม
พระที่นั่งองค์นี้ จัดได้ว่า เป็นรัฐสภาแห่งแรกของประเทศไทย ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ ณ รัฐสภาปัจจุบัน ซึ่งอยู่ข้างๆพระที่นั่งองค์นี้ รวมทั้งยังเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี รัฐพิธีสำคัญๆ มากมาย อาทิ รัฐพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณสยามมกุฎราชกุมาร พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
การเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตามวโรกาสต่างๆ 4 ครั้งดังนี้คือ
1.วันที่ 19 มกราคม 2504 เนื่องในการเสด็จนิวัติพระนคร หลังจากทรงเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรป
2. วันที่ 5 ธันวาคม 2542 เนื่องในพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ
3. วันที่ 9 มิถุนายน 2549 เนื่องในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี
4. วันที่ 5 ธันวาคม 2555 เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 85 พรรษา 5 ธันวาคม 2555
ส่วนตัวข้าพเจ้าและครอบครัวได้มีโอกาสร่วมรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาอีกครั้งหนึ่ง (รอรับเสด็จกลับโรงพยาบาลศิริราช) ไม่ได้ไปที่พระที่นั่งอนันตสมาคมเพราะหวังได้เห็นพระองค์อย่างใกล้ชิด บรรยากาศปีนี้ต่างจากปีที่แล้วคือเรื่องสีเสื้อ ซึ่งรัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนสวมเสื้อสีเหลืองอันเป็นสีตรงกับวันพระราชสมภพ (ปีที่แล้วสีชมพู) และที่ต่างอีกอย่างหนึ่งคือประชาชนที่มารอรับเสด็จฯช่างมากมายจริงๆ ปีที่แล้วว่ามากแล้วปีนี้มากกว่าหลายเท่า และที่น่าอัศจรรย์คือเวลาที่พระองค์จะเสด็จกลับเกือบ 12.00 น. (11.54 น.) แต่ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ แสงแดดไม่ทำความเดือดร้อนให้พสกนิกรของพระองค์ท่านเลย บรรยากาศร่มรื่นแม้ผู้คนจะมากแต่ไม่อบอ้าว ประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จฯ นำโทรโข่งมานำร้องเพลงสดุดีมหาราชาเป็นระยะๆ จนกระทั่งพระองค์ท่านเสด็จมาถึงเสียงเปล่งร้อง “ทรงพระเจริญๆๆๆ” ก็ดังขึ้นอย่างกึกก้อง แอบเห็นหลายคนน้ำตาแห่งความปลื้มปิติไหลรินไม่รู้ตัว หลายเสียงที่ได้ยินต่างพูดว่าน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่ผู้คนต่างพากันมาทุกสารทิศมากมายทั้งตรงพระที่นั่งอนันตสมาคมและที่โรงพยาบาลศิริราช  ด้วยมุ่งหมายขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

 พระที่นั่งอนันตสมาคม ดูเพิ่มเติมที่ http://th.wikipedia.org