รักวัวให้ผูก รักลูกให้…?
จากกรณีที่นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการสภาการศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการการศึกษาปฐมวัยแห่งชาติว่า ที่ประชุมได้มีการหยิบยกเรื่องการเปลี่ยนคำในสุภาษิตไทยขึ้นมา โดยมีการเสนอให้เปลี่ยนสุภาษิตที่ว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” เป็น “รักวัวให้ผูก รักลูกให้กอด” เพื่อให้เกิดค่านิยมใหม่ที่จะช่วยเติมเต็มความอบอุ่นในครอบครัวมากขึ้นนั้น และเพื่อใช้เป็นนโยบายยุทธศาสตร์การศึกษาปฐมวัยและดำเนินการตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 โดยจะมีการเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆ นี้
แต่มีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านในเรื่องนี้ ออกมาแสดงความคิด และให้มุมมองในกรณีนี้ว่า :
ศ.ดร.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิตด้านภาษาไทย สำนักศิลปกรรมราชบัณฑิตยสถาน มองว่าเป็นเรื่องประหลาด สุภาษิตคำพังเพยเป็นคำโบราณที่มีมานานแล้ว ไม่ควรเปลี่ยนแต่ควรสร้างคำใหม่ ซึ่งเห็นว่าของเก่าดีอยู่แล้ว และที่เด็กไทยปัจจุบันเสีย ส่วนตัวเห็นว่าเพราะผู้ใหญ่ไม่ตีเด็ก ส่วนการกอดก็สามารถทำได้แต่ไม่ใช่ทุกกรณี
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตรระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเป็นหนึ่งในคณะกรรมการการศึกษาปฐมวัยแห่งชาติ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสุภาษิตคงทำได้ยาก เพราะเป็นวิถีชีวิตคงคนดั้งเดิมจนมาถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรเปลี่ยนสุภาษิตแต่ควรเปลี่ยนค่านิยมมากกว่า สำหรับการเลี้ยงลูกในยุคสมัยใหม่การตีก็ยังใช้ได้ผลดีอยู่แต่ต้องมีเหตุผลว่าทำไมถึงตีลูก
รศ.ยุพร แสงทักษิณ ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย ประจำปี 2555 ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและวรรณคดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ขอเสนอแนะให้แต่งคำขวัญขึ้นมาใหม่เพื่อใช้รณรงค์ตามวัตถุประสงค์ ไม่ควรเอาสำนวนไทยโบราณมาดัดแปลง โดยเฉพาะกรณีดังกล่าว วรรคหลังที่แต่งขึ้นใหม่ ไม่สอดคล้องกับวรรคหน้าอย่างชัดเจน และยังอธิบายประโยคว่า “รักวัวให้ผูก” เป็นการทำโทษผูกวัวที่มักเดินไปที่ต่าง ๆ แล้วสร้างความเสียหาย เพื่อไม่ให้วัวเดินไปเหยียบไร่นาของชาวบ้าน แล้วถูกทำร้าย เพื่อให้มันปลอดภัย ส่วน “รักลูกให้ตี” หมายความว่าเป็นการลงโทษลูกด้วยความรัก ให้เกิดความเข็ดหลาบ ไม่กระทำความผิดอีก ในสมัยโบราณใช้วิธีการตี แต่ในปัจจุบันอาจเป็นการตัดลดเงินค่าขนมก็ได้ ทั้งสองวรรคจึงหมายถึงการลงโทษด้วยความรักเพื่ออนาคตที่ดีทั้งของวัวและของลูก ดังนั้น หากนำ “รักลูกให้กอด” มาแทน จึงขัดแย้งและทำให้เกิดความสับสนในสำนวนไทย ทั้งนี้ จะใช้ประโยคว่า “รักลูกให้กอด” เพียงวรรคเดียว หรือจะแต่งใหม่ทำนองว่า “กอดลูกวันละครั้ง สร้างพลังความรัก” ก็ย่อมได้ แต่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขสำนวนไทยที่ใช้กันมาแต่โบราณ…
สุภาษิต คือ สำนวนโวหารที่แสดงถึงความคิดสูง และสืบทอดมาแต่โบราณ แสดงถึงความเจริญของวัฒนธรรมทางด้านภาษา ซึ่งแต่ละภูมิภาค แต่ละท้องถิ่น และแต่ละชุมชน กระทั่งแต่ละอาชีพก็มีสำนวนของใครของมัน คล้านกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง ทั้งนี้เพราะที่มาไม่เหมือนกันแต่โดยความหมายมักเทียบเคียงกันได้ แม้แต่ภาษาต่างวัฒนธรรมก็ยังมีส่วนคล้ายกันในทางอุปมา
สำหรับสุภาษิตที่ว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” นั้นเป็นคำสุภาษิตไทยโบราณที่มีความหมายว่า ถ้ารักวัวก็ให้ผูกล่ามขังไว้ มิฉะนั้นวัวจะถูกลักพาหรือหนีหายไป ส่วนรักลูกให้เฆี่ยน ก็หมายถึงให้อบรมสั่งสอนลูกและทำโทษลูกเมื่อผิด
2 thoughts on “รักวัวให้ผูก รักลูกให้…?”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ความในใจของวัว :: รู้แล้วว่ารักแต่ไม่ต้องผูกได้มั้ย
(เปลี่ยนให้คนแล้วจะเปลี่ยนให้วัวด้วยได้ป่ะล่ะ)
ความคิดเห็นส่วนตัวนะ ต้องตีอย่างเดียว สำหรับสุภาษิตนี้ คำโบราณท่านว่าไว้ ก็ดีอยู่แล้ว คนรุ่นใหม่ เข้าไม่ถึง ในสำนวนโวหารที่แสดงถึงความคิดขั้นสูง และสืบทอดมาแต่โบราณกาล ซึ่งแสดงถึงความเจริญของวัฒนธรรมด้านภาษา คืออย่ากให้คงไว้ ไม่งั้นเด็กยุคไอที หลงลืม รากเหง้าของสำนวนไทย คือไม่ได้บอกว่า ใครคิดถูกคิดผิด แต่ทุกวันนี้เรารับเอาธรรมเนียมประเพณี (ฝรั่ง) เข้ามาจนไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว เราเป็นคนไทย (หรือเปล่า) เรามีอัตตลักษณ์ของไทย อะไรบ้าง? นักวิชาการเปลี่ยนแปลงกันเสียหมด เคยคิดบ้างไหม แบบเรียน ก กา หายไปไหน? วิชาศีลธรรมหายไปไหน? วิชาหน้าที่พลเมือง หายไปไหน? เราไม่รู้หน้าที่ของตนเอง เลยเกิดเหตุวุ่นวายในบ้านเมืองของเรา