ศึกยูโรกับศึกจอ(ใจ)ดำ
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของการแข่งขันฟุตบอลรายการหลักที่สำคัญและยิ่งใหญ่ของประเทศในทวีปยุโรป เพื่อพิสูจน์ฝีเท้าในการเป็นจ้าวแห่งวงการลูกหนังของชนชาติยุโรป ซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี (ห่างจากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2 ปี) นั่นก็คือ การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (European Football Championship)หรือฟุตบอลยูโร นั่นเอง ซึ่งปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 14 (ยูโร 2012) มีเจ้าภาพร่วมกันสองประเทศ คือโปแลนด์กับยูเครน เริ่มการแข่งขันมาตั้งวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ผลเป็นอย่างไรนั้น ผู้ที่เป็นสาวกทั้งหลายคงไม่พลาดในการติดตามชม(ถ้าจอไม่ดำ)และคงจะทราบผลของแต่ละคู่ไปแล้ว
แต่กว่าจะมาเป็นฟุตบอลยูโรอย่างปัจจุบันนี้นั้น ก็ขอย้อนกลับไปสู่ประวัติความเป็นมากันเสียหน่อย โดยเริ่มแรกเมื่อปี 1956 นั้นใช้ชื่อการแข่งขันว่า European Nations Cup อีกสองปีต่อมาจึงได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า UEFA European Champianship จนเป็นที่รู้จักถึงทุกวันนี้ และในปี 1960 ฝรั่งเศส เป็นชาติแรกที่รับเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน โดยผู้ที่มีส่วนสำคัญที่ผลักดันจนเป็นผลสำเร็จและสร้างคุณูปการต่อการแข่งขันและเป็นผู้ริเริ่มเป็นคนแรกก็คือ อองรี เดอโลเนย์ ชื่อของเขายังถูกจารึกไว้บนถ้วยรางวัลเพื่อเป็นอนุสรณ์และใช้เป็นชื่อเรียกถ้วยรางวัลอันทรงคุณค่านี้ตราบจนปัจจุบันนี้
ชาติแรกที่ได้แชมป์ ก็คือ สหภาพโซเวียต / ครั้งที่ 2 ปี 1964 เจ้าภาพคือ สเปน แชมป์คือ สเปน /ครั้งที่ 3 ปี 1968 เจ้าภาพคือ อิตาลี แชมป์คือ อิตาลี /ครั้งที่ 4 ปี 1972 เจ้าภาพคือ เบลเยี่ยม แชมป์คือ เยอรมันตะวันตก /ครั้งที่ 5 ปี 1976 เจ้าภาพคือ ยูโกสลาเวีย แชมป์คือ เช็กโกสโลวะเกีย /ครั้งที่ 6 ปี 1980 เจ้าภาพคือ อิตาลี แชมป์คือ เยอรมันตะวันตก /ครั้งที่ 7 ปี 1984 เจ้าภาพคือ ฝรั่งเศส แชมป์คือ ฝรั่งเศส /ครั้งที่ 8 ปี 1988 เจ้าภาพคือ เยอรมันตะวันตก แชมป์คือ ฮอลแลนด์ /ครั้งที่ 9 ปี 1992 เจ้าภาพคือ สวีเดน แชมป์คือ เดนมาร์ก /ครั้งที่ 10 ปี 1996 เจ้าภาพคือ อังกฤษ แชมป์คือ เยอรมัน /ครั้งที่ 11 ปี 2000 เจ้าภาพคือ เบลเยี่ยมและฮอลแลนด์ แชมป์คือ ฝรั่งเศส /ครั้งที่ 12 ปี 2004 เจ้าภาพคือ โปรตุเกส แชมป์คือ กรีซ /ครั้งที่ 13 ปี 2008 เจ้าภาพคือ ออสเตรียและสวิสเซอร์แลนด์ แชมป์คือ สเปน สำหรับประเทศที่เคยเป็นเจ้าภาพแล้ว 2 ครั้งคือ ฝรั่งเศส ในปี 1960,1984(และจะเป็นเจ้าภาพอีกครั้งในปี 2016) / อิตาลี ในปี 1986,1980 / เบลเยี่ยม ในปี 1972, 2000(ร่วมกับฮอลแลนด์) ส่วนประเทศที่ได้เป็นแชมป์ 2 สมัยก็คือ ฝรั่งเศสในปี 1984,2000 / สเปนในปี 1964,2008 ส่วนเยอรมันนั้นได้เป็นแชมป์ถึง 3 สมัยในปี 1972,1980 และปี1996 และในปี 2000 ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การจัดการแข่งขันที่มีเจ้าภาพสองชาติร่วมกัน และในปี 2008 กับปี 2012 นี้ด้วยที่มีเจ้าภาพร่วม ที่น่าแปลกก็คือตั้งแต่จัดการแข่งขันชิงแชมป์มาทั้งหมดนี้ อังกฤษ ที่มีทีมฟุตบอลดังๆมากมายและเป็นทีมชาติที่คนไทยส่วนมากนิยมชมชอบนั้นยังไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลยูโรเลยสักครั้งเดียว!
สำหรับตัวมาสคอต หรือตุ๊กตานำโชค ซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์ในศึกฟุตบอลยูโร แต่ละครั้งนั้น ในช่วงการแข่งขันในห้าครั้งแรกนั้นยังไม่มีแต่ประการใด เริ่มมีการใช้ตัวมาสคอตครั้งแรกเมื่อปี 1980 (ยูโร 80) ซึ่งอิตาลีเป็นเจ้าภาพ และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ประเทศที่รับเป็นเจ้าภาพนำมาใช้จนปัจจุบันนี้ และเป็นของที่ระลึกสำหรับนักสะสมด้วย (หาภาพชมได้จากเว็บไชต์ www.premierdream.com)
ในส่วนของฉายาของทีมที่เข้าร่วมแข่งขันเพื่อชิงแชมป์ของแต่ละประเทศนั้น คอบอลชาวไทยและสื่อของบ้านเราก็มีการให้ฉายาไว้อย่างน่าสนใจเช่นกันเพียงเอ่ยฉายาออกมาก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นทีมชาติใด เช่น อินทรีเหล็ก,เมืองเบียร์ – เยอรมัน สิงโตคำราม,เมืองผู้ดี – อังกฤษ : ทีมตราไก่,ทีมน้ำหอม – ฝรั่งเศส : กระทิงดุ – สเปน : อัศวินสีส้ม,กังหันลม – ฮอลแลนด์ : อัซซูรี,มักกะโรนี – อิตาลี : ทีมโคนม – เดนมาร์ก : ไวกิ้ง – สวีเดน : ทีมผีดิบ – โรมาเนีย : แดนนาฬิกา – สวิสเซอร์แลนด์ : หมีขาว – รัสเซีย : ทีมตาหมากรุก – โครเอเชีย : ฝอยทอง – โปรตุเกส : แดนเทพนิยาย – กรีซ : ยักษ์เขียว – ไอร์แลนด์ : ปีศาจแดงแห่งยุโรป – เบลเยี่ยม : แซมบ้ายุโรป – ยูโกสลาเวีย : โพลสก้า – โปแลนด์
ก็ถือเป็นความรู้เล็กๆน้อยๆสำหรับเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ หากมีข้อมูลใดขาดไปจะเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ก็เชิญได้ค่ะ ขอให้สนุกสนานกับการรับชม (ถ้าจอไม่ดำ) เพราะเดี๋ยวนี้นักธุรกิจของไทยใจดำกับคนดูทีวีมาก! หาผลประโยชน์จนไร้คุณธรรมอย่างสิ้นเชิง อ้อ!!ดูได้แต่อย่าไปเล่นพนันบอลล่ะ เดี๋ยวหายนะจะมาเยือนโดยมิได้รับเชิญ จะเดือดร้อนทั้งตัวเองและคนรอบข้างนะจ๊ะ