คำว่า “เกษียณ” แปลว่าสิ้นไป ซึ่งในทางราชการจะใช้คำว่า “เกษียณอายุ” หมายถึงครบกำหนดอายุรับราชการเมื่ออายุตัวครบ 60 ปี แต่ปัจจุบันมีการเกษียณอายุก่อนกำหนดตามนโยบายเออร์ลี่รีไทร์ (Early retirement) คือสามารถเกษียณตัวเองได้ตามเงื่อนไขว่าอายุตัว 50 ปีขึ้นไป หรืออายุราชการมากกว่า 25 ปีขึ้นไป และต้องมีเวลาราชการเหลือไม่น้อยกว่า 2 ปี
ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของโครงการเออร์ลี่รีไทร์ (2552-2556) ซึ่งบุคลากรหอสมุดฯ เราจะเข้าสู่โครงการนี้กันหลายคน เป็นที่น่าเสียดายคนเก่ง คนเก่าแก่ ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นขั้นเทพในแต่ละงานที่ทำกันอยู่ทีเดียว
ถึงแม้ว่าการสิ้นสุดอาชีพเดิม มิได้หมายความว่าชีวิตการทำงานจะสิ้นสุดลง แต่เป็นการปรับเปลี่ยนชีวิตไปสู่สิ่งใหม่หลังจากได้ใช้ความรู้ความสามารถมาตลอดหลังจากจบการศึกษาและเข้าสู่ชีวิตทำงานนี้ ฉะนั้นการเกษียณตัวเองก็จะเป็นเวลาที่ได้พักผ่อนได้ทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง เพราะในระหว่างที่รับราชการก็จะมีเรื่องของตำแหน่งเรื่องของหน้าที่ เรื่องของบทบาทเข้ามาคอยกำกับดูแลว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ดังนั้นเมื่อเกษียณแล้วอยากไปทำงานส่วนตัวอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่อยากจะทำอะไรก็ไม่ต้องทำ อยากไปเที่ยวก็ไปถ้ามีแรง สบาย สบาย
เมื่อครั้งที่พี่กันยาเกษียณอายุราชการเมื่ออายุตัวครบ 60 ปี ในปีนั้นมีผู้เข้าสู่โครงการเออร์ลี่รีไทร์ด้วย 2 คน คือป้าเนา (ณิชมน) และป้าต้อย (วรรณวิภา) และอดีตผู้อำนวยการ  ได้กล่าวคำอวยพรให้ผู้เกษียณอายุราชการทั้ง 3 ท่าน และในคำที่ท่านพูดนั้นมีสิ่งที่จดจำได้ โดยท่านชื่นชมผู้ที่เกษียณอายุราชการเมื่ออายุตัว 60 ปี ว่าต้องประกอบด้วยเหตุ 3 ประการ คือ 1. สุขภาพต้องดี 2. ทนแรงเสียดทานในหน่วยงานหรือองค์การได้ 3. ครอบครัวดี ไม่ทำให้ผู้ทำงานอยู่เดือดร้อน (ประมาณนี้)
แม้จะอาลัย…เสียดาย…คิดถึง แต่คงห้ามความตั้งใจไม่ได้ ก็ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข มีอายุมั่นขวัญยืน ร่ำรวย นะคะ