ทำไมจึงปวดหลัง
สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้อาการปวดหลังจึงเป็นส่วนสำคัญที่ควรคำนึงถึง เพราะจะเป็นผลดีต่อการป้องกัน การตรวจร่างกาย การวินิจฉัยโรค และการักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
สาเหตุและปัจจัยเสริมที่ทำให้มีอาการปวดหลัง คือ ท่าทางในกิจวัตรประจำวัน ตั้งแต่เราตื่นนอนจนเข้านอน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การยืน การนั่ง หรือแม้แต่การสอน ซึ่งท่าเหล่านี้มีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือมีแรงที่เกิดขึ้นกับกระดูกสันหลังระดับเอวและแรงดันภายในหมอนรองกระดูกสันหลังแตกต่างกันไป
ดังนั้น หากเราทำงานในท่านั่งหลังค่อมจะมีปัจจัยเสี่ยงในการปวดหลังมากว่าท่านั้งหลังตรง เนื่องจากท่านั่งหลังค่อมมีผลต่อแรงดันภายในหมอนรองกระดูกและการทำงานของกล้ามเนื้อหลังระดับเอวมากกว่าท่านั่งหลังตรง หากเรามีปัญหาเรื่องหมอนรองกระดูกสันหลัง ท่านั่งไม่ใช่ท่าพักหรือท่าเริ่มต้นในการออกกำลังกายที่ดีที่สุดของเรา หรือแม้แต่ท่านอนที่เราเห็นว่ามีผลต่อแรงดันภายในหมอนรองกระดูกระดับเอวน้อย หากเราจัดท่าทางการนอนไม่เหมาะสมก็จะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นเดียวกัน เลยขอสรุปท่านอนที่เหมาะสมมาให้พวกเราให้ทราบดังนี้
1. ท่านอนหงาย ควรใช้หมอนรองใต้เข่าเพื่อให้เกิดการงอของตะโพกและงอเข่าเล็กน้อย เพื่อลดการแอ่นของหลัง ลดการหมุนของกระดูกเชิงกรานและการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อ
2. ท่านอนตะแคง จะมีพื้นที่รองรับร่างกายของที่นอนน้อย ทำให้เป็นท่าที่ไม่มั่นคง ขาดความสมดุล จะมีความโน้มเอียงการเคลื่อนลำตัวมาทางด้านหน้า ทั้งยังเกิดรอยคอดบริเวณเอว ดังนั้นท่านอนตะแคงที่เหมาะสม ควรให้หมอนรองรับบริเวณด้านหน้าของลำตัว ใช้ผ้าขนหนูม้วนรองรับบริเวณรอยคอดของเอว ขาข้างล่างตรงหรืองอเล็กน้อย วางหมอนให้รองรับขาข้างบน และงอข้อตะโพกประมาณ 45 องศา งอข้อเข่าประมาณ 90 องศา แขนที่อยู่ด้านล่างให้งอข้อไหล่และงอข้อศอกเล็กน้อย แขนข้างบนวางระดับอกบนหมอน
3. ท่านอนคว่ำ ท่านี้คงไม่ใช่ท่าโปรดของผู้หญิง เพราะทำให้หายใจไม่สะดวก และทำให้กระดูกสันหลังระดับเอวแอ่นมากขึ้น ดังนั้นหากใช้หมอนบาง ๆ หรือผ้าขนหนูรองใต้ท้องขณะนอนคว่ำ จะสามารถลดการแอ่นของหลังและลดอาการปวดหลังได้
นำมาจากนิตยสาร HEALTH & CUISINE ฉบับเดือนกันยายน 2549 อาจจะเก่าไปหน่อย แต่เห็นว่าพอจะมีประโยชน์สำหรบผู้ที่มีอาการปวดหลัง อาจจะนำท่าเหล่านี้ไปใช้ในในชีวิตประจำวัน เพื่อที่จะได้ลดอาการการปวดหลังได้บ้างนะค่ะ