บริจาคต่อไป
คนไทยใจดี ทำให้ห้องสมุดของเรามีหนังสือบริจาคเข้าไปทุกวัน หลายเล่มมีซ้ำกับของเรา หลายเล่มห้องสมุดของเรามีเนื้อหาที่ทันสมัยกว่า หลายเล่มทรงคุณค่าจนต้องเก็บเป็นหนังสือหายาก
นั่งอยู่ตรงนี้มา 4 เดือนเด็ม ทำให้มีความเห็นว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องจัดการกับหนังสือบริจาคที่ได้รับมาอย่างป็นหลักการ เพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติ ถือปฏิบัติเหมือนๆ กันต่อไป ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลและูดูความเป็นไปได้
ที่ผ่านมามีห้องสำหรับเด็บหนังสือที่จะนำไปบริจาคต่อ หนังสือจะเรียงๆ บนชั้น แต่เนื่องจากห้องสมุดเรามีนโยบายทำห้องเฉพาะกลุ่มให้กับผู้ใช้บริการ ทำให้หนังสือต้องระเห็จมารวมกลุ่มอยู่ในห้อง ให้เราได้สูดกลิ่นกันไป
เขียนถึงตรงนี้ นึกได้ว่าเราลืมเรื่องการจัดการกับเรื่องกลิ่นและฝุ่น ทั้งนี้เพื่อสุขภาพอันดีแก่มวลหมู่
นั่งพิศดูหนังสือบริจาค ที่ต้องบริจาคต่อด้วยความปวดใจ เพราะยิ่งช้าไปเท่าไร ก็จะทำให้หนังสือล้าสมัยมากขึ้นๆ
ที่ผ่านๆ มาจะมีนักศึกษ่าที่ไปออกค่ายในช่วงปิดเทอม มาเลือกหนังสือออกไปให้กับโรงเรียนต่างๆ แต่แทบไม่ยุบ เพราะหนังสือของเรามีเนื้อหาไม่เหมาะกับเด็กตัวน้อย
รวมทั้งมีการประสานงานแบบร่วมด้วยช่วยกัน ด้วยการนำหนังสือไปแจกเวลาที่จัดกิจกรรม Space@SU
นับว่าประสบผลสำเร็จไม่น้อย …
แต่ก็ยังมีสะสมๆ ไปเรื่อยๆ จนอยากจะไปสร้างตึกให้อยู่ประจำ เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาอ่าน เข้ามาใช้ เพราะไม่สามารถส่งต่อไปที่ไหนได้
มองและหาวิธีจนเจ็บหัว แถมยังเขียนเรื่องนี้ให้เป็น KPI ของน้องเอ๊ะ
พอน้องเอ๊ะ มาเริ่มงานใหม่ๆ ซึ่งตรงกับช่วงของการปรับพื้นที่พอดี มีนักศึกษาเข้ามาช่วยแยกหนังสือกับวารสารออกจากกัน หลังจากนั้นแยกเป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ แล้วให้น้องทำรายชื่อ กับจัดระบบหนังสือบริจาคแบบง่ายๆ ให้ทราบทั้งจำนวน และรายชื่อยังต่อไปให้ที่อื่นๆ พิจารณาได้
ช่วงที่น้ำท่วมใหญ่ จึงลองโพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คส์ในกลุ่มบรรณารักษ์ว่ามีใครต้องการหนังสือบ้าง ปรากฏว่ามีผู้ตอบรับเข้ามา ทั้งจากช่องทางนั้น และส่งคำขอมาทางอีเมล์ที่แจ้งไว้มีสองแห่งคือ แห่งแรกรับเฉพาะหนังสือภาษาอังกฤษ ส่วนแห่งที่สองอยู่เหนือสุดของประเทศ
นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี … แต่ยังน้อยแห่ง คราวนี้เอาใหม่ลองถามเพื่อนๆ แบบเปิดเผยพบว่ามีคนสนใจและถือเป็นแหล่งใหญ่อีกสองแห่ง แห่งแรกที่ทำงานตั้งเป็นศูนย์บริจาคหนังสือต่อ แห่งที่สองเป็นเป็นสถาบันอุดมศึกษาทางเหนือตอนล่าง …สองแห่งนี้รับแบบไม่อั้น โดยแห่งที่สองรับเฉพาะหนังสือธรรมะ
ยังไม่พอ … เริ่มใหม่ คราวนี้ไปถามในกลุ่มเพื่อนที่เป็นห้องสมุดประชาชนว่าที่ไหนสนใจ …. คราวนี้ได้เสียงตอบรับจากภาคอีสาน
ตอนนี้จึงเป็นช่วงของการคัดเลือกหนังสือลงกล่องส่งต่อให้กลุ่มเป้าหมาย
นอกจากหาโอกาสให้กับตัวเองแล้ว งานนี้เราสุขใจเพราะหนังสือที่อยู่ในครอบครองของเรา จะได้มีโอกาสไปถึงมือผู้ต้องการในเร็ววันนี้
โลกของ social networking มาแรง อยู่ที่ว่าเราจะใช้สิ่งเหล่านี้มาปรับใช้กับงานได้อย่างไร ขอบคุณ facebook ที่ทำให้เรามีช่องทางการสื่อสารที่ง่ายและฉับไว ….
และเราทำงานกันได้โดยไม่รู้จักหน้าตาหรือพูดคุย ต่างส่งสาระและเก็บสาระผ่านตัวอักษรใน comment … ก็แค่นั้นเอง