คนเรามีเปลือก เนื้อใน และแก่น เหมือนต้นไม้ เมื่อเราต้องปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นๆในสังคมก็จะมีระดับการเปิดเผยตัวหรือการยอมให้ผู้อื่นเข้าถึงตัวเราในระดับเปลือก เนื้อใน หรือแก่น ตามระดับความสนิทสนม เช่น เมื่อพูดคุยกับคนไม่รู้จัก ก็จะไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัว ส่วนการพูดจานั้นก็จะไม่ลงลึก และใช้ถ้อยคำที่สุภาพแต่เมื่อเริ่มที่จะสนิทสนมกันแล้ว ก็จะเริ่มเปิดเผยตัวเองมากขึ้น เมื่อคบกันจนนานๆเข้าก็จะกลายเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทที่สามารถแบ่งปันความรู้สึกได้ทุกเรื่องเปิดเผยได้ทุกเรื่อง  บุคลิกภาพของคนเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดระดับการเปิดเผยตัว  ศ. ดร. หลุย จำปาเทศ ได้เสนอทฤษฎี UNO Personality โดยแบ่งคนออกเป็น 3 ประเภท คือ
1)คนช่างพูดช่างคุย (O Personality) เป็นคนที่แสดงออกมากกว่าปกติ คือคุยเก่งมาก เป็นคนเปิดเผย กล้าแสดงออกคบคนได้ง่าย  2) คนขรึม (U Personality) ไม่ชอบแสดงออก เงียบขรึมเรียบร้อย  3)คนแสดงออกแบบทั่วไป (N Personality) เป็นคนที่แสดงออกปานกลาง ไม่พูดมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
คนที่จะดีที่สุดในการทำงานหรือในการคบเป็นเพื่อนคือ คนที่มีทั้ง UNO personality คือเป็นคนที่มีบุคลิกครบทั้งเป็นคนขรึม คนทั่วไปและเป็นคนช่างพูด ช่างคุย ขึ้นกับสถานการณ์ในช่วงนั้น   แต่เนื่องจากในชีวิตประจำของเราไม่สามารถเลือกคบเฉพาะคนประเภทใดประเภทหนึ่งได้ แต่เราต้องคบหาหรือทำงานกับคนทั้งสามประเภท ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ เทคนิคในการปฎิสัมพันธ์กับคนที่บุคลิกภาพที่แตกต่างกัน คือ
1. เทคนิคในการปฎิสัมพันธ์กับคนบุคลิกภาพแบบ O ควรเป็นนักฟังที่ดีและจับใจความเป็นช่วงๆส่วนคำถามที่ใช้ควรเป็นคำถามแบบปลายเปิดและควรให้เกียรติ Oทั้งการแสดงออกด้วยคำพูดและกริยาท่าทางให้เห็นว่าเค้ามีคุณค่า
2.เทคนิคในการปฎิสัมพันธ์กับคนบุคลิกภาพแบบ U คนแบบนี้จะเป็นคนขรึมพูดน้อบจึงต้องควรเป็นฝ่ายชักชวนทักทายก่อน ซึ่งควรใช้คำถามแบบปลายเปิด คือคำถามสั้นๆจากนั้นจะเริ่มด้วยคำถามแบบปลายเปิดก็ต่อเมื่อมีความสนิทสนมด้วยแล้ว
3.เทคนิคในการปฎิสัมพันธ์กับคนบุคลิกภาพแบบ N โดยปกติแล้วเวลาพบกันในช่วงแรกๆNจะมีลักษณะไม่ต่างจากU เท่าไร จะมีท่าทีเงียบขรึมแต่ว่าN จะปรับตัวได้เร็วกว่าแต่ก็จะไม่คล่องแคล่วเหมือนO
คนแต่ละประเภทมีเสน่ห์โดยธรรมชาติที่เราสามารถเรียนรู้เพื่อนำมาเป็นเทคนิคในการปฎิสัมพันธ์กับคนที่มีบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน เช่นเรียนรู้เทตนิคการถ่อมตัวซึ่งเป็นเสน่ห์ของคนขรึม  เรียนรู้เทคนิคการกระเช้าเย้าแหย่ซึ่งเป็นเสน่ห์ของคนช่างพูดช่างคุย