รู้เรื่อง….โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)
ช่วงนี้มีข่าวการระบาดของเรื่องโรคชิคุนกุนยา ทางจังหวัดภาคใต้ของไทยเรา ที่จริงตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ตั้งแ่ต่ตอนที่กลับมาจากใต้ชวงสงกรานต์ เนื่องจากช่วงที่ไปนั้นทางใต้เริ่มมีข่าว และที่บ้านสามีก็คุยๆ กันให้ฟัง เพราะโรคนี้เป็นได้ทุกเพศทุกวัยเค้าจึงต้องเฝ้าระวังกัน ยิ่งคนที่อยู่ในสวนยางด้วยแล้ว แต่ทำไปทำมาก็ไม่ได้เขียน ได้แต่ค้นข้อมูลเก็บไว้ และเมื่อเช้านี้เห็นมีข่าวออกมาทางโทรทัศน์ เห็นว่าทางใต้้ มีคนเป็นโรคนี้นับหมื่นรายแล้ว ใน 15 จังหวัด เลยต้องเอาข้อมูลที่เก็บไว้มาลงใน blog ให้ได้อ่านกัน เพื่อเป็นความรู้
โรค ชิคุนกุนยา เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค มีอาการคล้ายไข้เดงกี หรือไข้เลือดออก แต่ต่างกันที่ไม่มีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด จึงไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากจนถึงมีการช็อก
สาเหตุ เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya virus) มียุงลายเป็นพาหะนำโรค
วิธีการติดต่อ ติดต่อกันได้โดยมียุงลาย เป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง และเพิ่มจำนวนมากขึ้น แล้วเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลาย เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูก กัด ทำให้คนนั้นเกิดอาการของโรคได้
ระยะฟักตัว โดยทั่วไปประมาณ 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยประมาณ 2-3 วัน
ระยะติดต่อ ระยะไข้สูงประมาณวันที่ 2-4 เป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก
อาการและอาการแสดง ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกายและอาจมีอาการคันร่วมด้วย พบตาแดง แต่ไม่ค่อยพบจุดเลือดออกในตาขาว ส่วนใหญ่แล้วในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าในผู้ใหญ่ ในผู้ใหญ่อาการที่เด่นชัดคือ อาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบข้ออักเสบได้ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้อเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ อาการจะรุนแรงมากจนบางครั้งขยับข้อไม่ได้ อาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา และบางรายอาการปวดข้อจะอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงถึงช็อก ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก
การติดเชื้อ Chikungunya virus เดิมมีรกรากอยู่ในทวีปอาฟริกา ในประเทศไทยมีการตรวจพบครั้งแรกพร้อมกับที่มีไข้เลือดออกระบาดและเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย เมื่อ พ.ศ. 2501 โดย Prof.W McD Hamnon แยกเชื้อชิคุนกุนยา ได้จากผู้ป่วยโรงพยาบาลเด็ก กรุงเทพมหานคร
ในทวีปอาฟริกามีหลายประเทศพบเชื้อชิคุนกุนยา มีการแพร่เชื้อ 2 วงจรคือ 1) คน-ยุง-ลิง อาจทำให้มีผู้ป่วยจากเชื้อนี้ประปราย หรืออาจมีการระบาดเล็กๆ เป็นครั้งคราว เมื่อมีผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเข้าไปในพื้นที่ที่มีเชื้อนี้อยู่ และคนอาจนำมาสู่ชุมชนเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มียุงลายชุกชุมมาก ทำให้เกิด วงจรที่ 2) คน-ยุง จากคนไปคน โดยยุงเป็นพาหะ
ในทวีปเอเซีย การแพร่เชื้อต่างจากในอาฟริกา การเกิดโรคจากคนไปคน โดยมียุงเป็นพาหะที่สำคัญ ซึ่งอุบัติการของโรคเป็นไปตามการแพร่กระจายและความชุกชุมของยุงลาย หลังจากที่ตรวจพบครั้งแรกในประเทศไทย ก็มีรายงานจากประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ได้แก่ เขมร เวียดนาม พม่า ศรีลังกา อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
โรค นี้จะพบมากในฤดูฝน เมื่อประชากรยุงเพิ่มขึ้นและมีการติดเชื้อในยุงลายมากขึ้น พบโรคนี้ได้ในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งต่างจากไข้เลือดออกและหัดเยอรมันที่ส่วนมากพบในผู้อายุน้อยกว่า 15 ปี ในประเทศไทยพบมีการระบาดของโรคชิคุนกุนยา 6 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2531 ที่จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. 2534 ที่จังหวัดขอนแก่นและปราจีนบุรี ในปี พ.ศ. 2536 มีการระบาด 3 ครั้งที่จังหวัดเลย นครศรีธรรมราช และหนองคาย ก่อนที่ล่าสุดจะพบการระบาดอีกครั้งในช่วงต้นปี 2552 ที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา สงขลา และปัตตานี ส่งผลให้มีผู้ป่วยด้วยโรคชิคุนกุนยากว่า 5,596 รายแล้ว (ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552)
การรักษา ไม่มีการรักษาที่จำเพาะเจาะจง (specific treatment) การรักษาเป็นการรักษาแบบประคับประคอง (supportive treatment) เช่นให้ยาลดอาการไข้ ปวดข้อ และการพักผ่อน
ที่มา : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
และข้อมูลจาก : http://www.thaihealth.or.th/node/6311
3 thoughts on “รู้เรื่อง….โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
โชคดีที่อยู่นครปฐม……ไอ้ยุงร้าย ยุงลายจากทางใต้ มันคงบินมาไม่ถึงนครปฐมหรอกนะ…….แต่ระวังเอาไว้หน่อยก็ดี
อย่างที่พี่กวีบอกไว้ก็ดีค่ะ ระมัดระวังกันหน่อย เพราะข่าวล่าสุดที่ดูตอนนี้พบผู้ป่วยที่จังหวัดระนองแล้ว รู้สึกว่ามันจะเขยิบขึ้นมาเรื่อยๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้การเดินทางมันสะดวกรวดเร็ว เราไม่รู้ว่า คนที่โดนยุงพวกนี้กัด เค้าเดินทางไปไหนมาบ้าง ยิ่งในระยะฟักตัวที่อาการยังไม่ออก ที่ทางใต้หากคนไข้มีอาการไข้ขึ้นสูง เค้าจะตรวจค่อนข้างละเอียด ยังไงอ่านกันแล้วระวังก็ไม่เสียหายอะไร
เคยดูโฆษณาผู้หญิงอ้วนไหม แบบนั้นแหละ ระวังมันจะมาโดยไม่รู้ตัว