การพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิผลฯ
เมื่อวันที่ 9–10 มีนาคม 2552 มีโอกาสเข้าร่วมอบรมการพัฒนาบุคลากรฯได้ฟังท่านวิทยากรพูดแล้ว คิดว่าตนเองได้รับความรู้และคติการทำงานดีๆมามากมาย จึงขอแบ่งปันความรู้บางส่วนให้ท่านๆได้อ่านและรับรู้กันบ้างนะ
บุคลิกภาพที่สร้างความสำเร็จในการทำงาน มี 3 อย่าง
1 นัยทางศาสนา คือ ส่งสมบุญไปเรื่อยๆ โดย กตัญญูบุพพการี,ความเป็นคนรอบคอบ,วางตัวให้เป็นที่น่านิยม,มีความสันโดษ สมฐานะ/พอเพียง และเป็นคนดีแบบสากลนิยม/ให้ทานเว้นการเบียดเบียนทั้งการพูดและการทำ
2 นัยทางสรีรศาสตร์ คือ ให้ร่างกายเกิดความสมบูรณ์และสมดุลย์ทั้งอวัยวะภายนอกและภายใน โดย
– ถนอมร่างกายไม่ให้เสื่อมเร็วกว่าเวลาอันสมควร
– ถนอมร่างกายปรับส่วนต่างๆของร่างกายให้มีการทำงานอย่างสมดุลย์
– ความผิดปกติของร่างกาย ดำเนินชีวิตที่ผิดปกติ ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง คือ กิน ดื่ม เดิน นั่ง นอน หายใจ และออกกำลังกาย
กิน ให้ร่างกายเกิดความสมบูรณ์ ดื่ม ให้ร่างกายมีความสมดุลย์
เดิน ให้ถูกต้องตามสรีระ นั่ง ให้ถูกหลักสรีระ
นอน ให้ถูกต้องตามหลักการ ปรับการ หายใจ ให้เกิดการสมดุลย์
ออกกำลังกายให้เหมาะสม
*พึงระลึกเสมอว่า ใจคนไม่มีวันแก่ตามกาย*
3 นัยทางจิตวิทยา คือ พฤติกรรมทางสังคมและพฤติกรรมทางเพศ
พฤติกรรมทางสังคม
–เข้าเมืองตาหลิ่วให้หลิ่วตาตาม
–ทำให้สังคมยอมรับ
–แสดงความมีน้ำใจ
–หลักการแสดงอารมณ์ร่วม(หน่วยงานต้องการพัฒนาอะไรที่ดีขึ้น ต้องเข้าร่ามด้วย)
–มั่นเปิดตัวกับสังคมที่อยู่
พฤติกรรมทางเพศ(ชาย–หญิง)
–การมอบหมายงานให้เหมาะสมกับเพศ
–การผสมผสานเพศกับการทำงาน จะมีประสิทธิภาพการทำงานขึ้น
**ใครมีบุคลิกภาพดีถือว่าเป็นขุมทรัพย์ของตนเอง**
6 thoughts on “การพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิผลฯ”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ได้ไปอบรมมาพร้อมกับคุณบรรจงด้วย และขอสรุปประเด็นอื่นเพิ่มเติม ดังนี้
กระบวนการความคิดเพื่อสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงาน
ความคิดของคนเรามาจาก จิต การทำงานของจิต คือ รับ จำ คิด รู้ คนเราต้องคิดอย่างฉลาด คิดอย่างถูกวิธี คิดอย่างถูกระบบ ความคิดสร้างสรรค์ คือความคิดที่มีการต่อยอดของเดิม ยิ่งคิดยิ่งต่อยอด ความคิดต้องคิดแบบเป็นแถวเป็นแนว เป็นเหตุเป็นผล อย่างสโลแกนที่เรียกว่า คิดแบบมูลไ้ส้เดือน
ศิลปะการทำงานให้มีความสุข
ความสุขคือ ความไม่ทุกข์ หรือความทุกข์ที่น้อยลง หรือสภาวะที่เราลืมความความทุกข์ในขณะใดขณะหนึ่ง ความสุขมีทั้งสุขทางกาย และสุขทางใจ
ลักษณะของคนที่มีศิลปะ
ไม่ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งใดสิ่งหนึ่งสามารถจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
รู้จักวิธีการแก้ไขสถานการณ์ต่างได้และต้องมีปัญญา
การทำงานให้มีความสุข
1. ปรับใจให้เข้ากับงาน ต้องศรัทธาทุกอย่างที่เกี่ยวกับงาน
2. มีฐานการสร้างเครือข่าย ต้องผูกมิตรภาพในการทำงาน
3. เตรียมร่างกายให้แข็งแรง ต้องปรับบุคลิกภาพเบื้องต้นให้เนี้ยบและสมบูรณ์
4. แฝงกระบวนทางการทูต (กรุยทาง) ต้องมีวิธีการพูดให้งานของเราสำเร็จ
5. ปลูกจิตด้วยพื้นฐานของบุญ บุญนำหน้าความสำเร็จก็จะตามมาอย่างยั่งยืน
ศิลปะการทำงานอย่างมีความสุข
สามารถปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ ในการทำงานได้ทุกรูปแบบและจงเปิดโอกาสใหม่ๆ ดีๆ ให้กับตนเองเสมอ
ท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ http://www.dsifoundation.com
ชอบจัง “ใจคนไม่มีแก่ตามกาย” เพราะจะทำให้เราสดชื่นนนน… กับ “คิดแบบมูลไส้เดือน” เห็นภาพค่ะว่าคิดยาวต่อๆๆ กันไปขนาดไหน เป็นอันว่าใจเราไม่แก่ พอไม่แก่ ก็มีแรงคิดต่อ….
ดีใจและชื่นใจจังที่น้องๆแต่ละคน ตกผลึกกับการพัฒนาตนเองขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง หนึ่งสมองสองมือ 10 นิ้ว (นิ้วมือจ้า) ทำให้พวกเราก้าวไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ไชโย
อย่างนี้ต้องไปอ่านหนังสือที่อ้อเขียนไว้ในเรื่อง “ข้อคิดจากการอ่าน” เพราะเอามาใช้คู่กันได้
ป้าจุ๋มๆ
“ป้ายหัวฉ้านนนนนน” น่ะ อยากอ่าน แต่ไม่มีที่ให้ view ง่ะ ทำไงดีล่ะป้า
แอบแชว๊บเข้ามาโฉบดูชาวบ้านจ้าาาาาาาาา
ญิ๋งเล็กเองจ้ะ
เอ้าตายละ…
โทษทีป้าเก..Logged in ส่งเลช..ไม่ทันมองว่าเป็นชื่อป้าอยู่
แบบว่าเซ่อๆ น่ะ โทษ 2 ที เลยจ้ะ
ญิ๋งเล็กเองจ้ะ