จากการไปฟังสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่องธรรมาภิบาลกับการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา ณ ห้องประชุมศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ วันที่ 14 กรกฎาคม 2554
สรุปสาระสำคัญดังนี้
อาจารย์ ดร.อุทัย ดุลยเกษม อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้กล่าวพิธีเปิดและได้พูดถึงทัศนคติของผู้บริหารที่มีต่อการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาโดยใช้หลักธรรมาภิบาล ว่า
1. ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนมุ่งให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด 2. มีการดำเนินงานในบทบาทและหน้าที่อย่างดีที่สุด 3. ส่งเสริมอย่างมีคุณค่า และมีการปฏิบัติจริง 4. มีการตัดสินใจได้ และสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส 5. มีการพัฒนาความสามารถของผู้บริหารอย่างต่อเนื่อง 6. เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วม
ในช่วงบ่ายฟังการสัมมนาในหัวข้อ คุณธรรมและจริยธรรม กับการบริหารงานในสถาบันอุดมศึกษา วิทยากรโดย นายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ ประธานกรรมการจริยธรรม สำนักสภาความมั่นคงแห่งชาติ
คุณธรรมนำทางสู่ความสำเร็จ เพราะคุณธรรมเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ปัจจุบันมีวิกฤติคุณธรรมในสังคมไทยหลายอย่างเช่น
– การทุจริตคอรัปชั่นซึ่งแก้ไม่ตกควรมีข้อลงโทษตามข้อกล่าวหา ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 78 จากทั้งหมด 150 ประเทศ
– การวิ่งเต้นใช้เส้นสายมีตั้งแต่เกิดจนตายระบบคุณธรรมจะหมดไป ระบบอุปถัมภ์จะเข้ามา
– หูเบา ใจเบา ปากเบา คนประเภทนี้จะไม่มีสติปัญญาไตร่ตรอง
-มีความขัดแย้งในสังคม มาจากคุณธรรมในใจของแต่ละบุคคลใช้ความชอบ ความชัง เป็นหลักในการพิจารณา
2.คุณธรรมนำทางตามรอยพระยุคลบาท ต้องมีความสุจริต ความถูกต้องมีความเพียรพยายามความมีระเบียบ ความรับผิดชอบ ความสามัคคีเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงาน ความซื่อตรง และความถูกต้องเป็นธรรม
3. คุณธรรมนำมาซึ่งความสุข ชีวิตคนเราจะก้าวหน้าด้วย 5 สุข
ทำดีมีสุข มั่งมีศรีสุข สมบูรณ์พุลสุข อยู่ดีมีสุข และอยู่เย็นเป็นสุข
คุณธรรมพื้นฐานที่จะละเลยไม่ได้
1.มีความซื่อสัตย์สุจริต ซื่อตรงต่อเวลา
2. มีความรับผิดชอบต้องรับทั้งผิดและชอบ ไม่ใช่ความดีขอรับไว้ ความจัญไรยกให้ผู้อื่น
3. มีความเมตตา เื้อื้ออาทร   4. มีความอดทนอดกลั้น  5. มีความขยันหมั่นเพียร 6. มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
จริยธรรมของข้าราชการ
1. ยึดมั่นในคุณธรรมและจริยธรรม 2. มีจิตสำนึกที่ดี  3. ยึดถือผลประโยชน์ส่วนรวม 4. ทำในสิ่งที่ถูกต้อง 5.ให้บริการด้วยความรวดเร็ว 6.ให้ข้อมูลถูกต้อง 7. มุ่งสัมฤทธ์ของงาน
8. ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย 9. ยึดมั่นในหลักจรรยาวิชาชีพขององค์กร
การรู้ตน รู้คน รู้งาน การรู้ตน ตัวเองเป็นคนอย่างไร อย่าเข้าข้างตนเอง ทำใจให้เป็นกลาง เอาชนะใจตัวเอง รู้คน รู้เขา รู้เรา  รู้งาน รู้งานเป็นอย่างดี มีความรอบรู้
รู้จักบริหารจัดการอารมณ์ ต้องหนักแน่นมั่นคง ต้องมีสติคอยกำกับ มองโลกในแง่ดี มีวิธีควบคุมอารมณ์ต้องมีสติ ไม่พูดเวลาโกธร สร้างอารมณ์ขันวันละนิด
การบริหารผู้บังคับบัญชา
รู้จักนิสัยใจคอ เป็นคนอย่างไรชอบอะไร ให้กำลังใจ  เอาใจในสิ่งที่ถูกต้อง  ยกย่องชมเชย เกิดความรู้สึกที่ดี สร้างผลงานคือ มีความคิดสร้างสรรค์ มีผลงาน รักษาระยะห่างความสัมพันธ์ ต้องมีความพอดี ไม่ใกล้เกินไป และไม่ห่างจนเกินไป
มีเพื่อนรอบทิศมีมิตรรอบข้าง ภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า ” มีมิตรห้าร้อยก็ยังน้อยเกินไป มีศัตรูคนเดียวก็นับว่ามากไป” เป็นคนที่มีจิตใจแจ่มใส พูดเพราะพูดดี การชมเชยเป็นสิ่งที่ดี จงประหยัดคำตำนิ มีนำ้ใจไมตรี และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี การยิ้มเป็นการสร้างมิตรไมตรีที่วิเศษสุด
ดังคำกล่าวที่ว่า
อันรอยยิ้มใช่ว่าราคามาก
เพียงแย้มปากฝากรอยยิ้มพิมพ์ใจหลาย
ประทับจิตผู้รับจนดับวาย
ค่ามากมายเกินกว่าราคาเงิน
ประการสุดท้ายต้องมีสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดี  ควรออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพ การดูแลสุขภาพกายเพียงอย่างเดียวยังไม่พอต้องดูแลสุขภาพจิตด้วย โดยการฝึกจิตใจให้สงบหรือการทำสมาธินั่นเอง   🙄
ผู้เข้าร่วมสัมมนา
1. นางสาวยุพดี จารุทรัพย์
2. นางอารีย์ ปิยะรัตนวัฒน์
3. นางสาวธิดารัตน์ แซ่หยี
5. นางสาวนภัสรพี ธรรมศิริพงษ์