อยากให้ทุกๆคน มีสุขภาพดี…กันถ้วนหน้า มีเคล็ดลับมาเล่าสู่กันฟัง

…อาหารชะลอความจำเสื่อม..

เมื่อพูดถึงความจำบกพร่อง เราจะนึกถึงผู้สูงอายุ เป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่ความจริงแล้วอาการลืมเก่ง หรือการหลงลืมเล็กๆน้อยๆนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน การที่ผู้สูงอายุมีความจำบกพร่องหรือเสื่อมมากกว่าคนในวัยอื่น เพราะเซลล์สมองบางส่วนจะตายไปตามวัย ทำให้มีปัญหาในเรื่องความจำ หรือ ความสามารถในการจำลดลง จึงทำให้หลงลืมบ่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น
ในอดีตนักวิจัย เชื่อว่าเซลล์สมองจะไม่มีการสร้างขึ้นใหม่ เมื่อโตเต็มวัยแล้ว แต่ปัจจุบันมีงานวิจัยที่เสริมว่า เซลล์สมองของผู้ใหญ่ สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ตลอดชีวิตของคนเรา เมื่อมีสิ่งกระตุ้นทางด้านความคิด และวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้สมองทำงานได้ดี แม้อายุจะมากขึ้น คือการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธีอย่างสม่ำเสมอ ในแต่ละวันร่างกายต้องการสารอาหารต่างๆ อย่างครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพที่ดี  การทำงานของสมองและระบบประสาทก็เช่นกันจะทำงานไปด้วยดีขึ้นกับอาหารและสารอาหารที่ไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ
สมองต้องการอาหารและสารอาหารอะไรบ้าง
คาร์โบไฮเดรต ในรูปน้ำตาลกลูโกส เพื่อสร้างพลังงาน
โปรตีน ในรูปกรดอะมิโน เพื่อสร้างสารส่งกระแสประสาท
ไขมัน ในรูปกรดไขมันโอเมก้า 3 เพื่อสร้างเยื่อหุ้มเซลประสาทและเยื่อบุผิวของเนื้อเยื่อสมอง
วิตามิน และเกลือแร่  เป็นสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง เช่น
– วิตามินบี 1,บี 2 , บี 3 (ไนอะซิน), บี 6,บี 12 ซึ่งช่วยป้องกันสมองเสื่อม วิตามินบีช่วยเร่งการส่งต่อข้อมูลของเซลล์สมอง โดยช่วยให้เยื่อหุ้มรอบๆเซลล์ทำงานเป็นปกติ ซึ่งเยื่อหุ้มสมองจะเป็นตัวแปลงพลังงานให้อยู่ในรูปที่สมองใช้ควบคุมการทำงานของการสื่อสารในการติดต่อข้อมูล  การได้รับวิตามินบี ไม่เพียงพอ จะทำให้สมองได้รับพลังงานไม่เพียงพอได้ ทำให้มีอาการสับสน ขาดสมาธิ และความจำลดลง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ มักจะได้รับวิตามินบี 12 ไม่เพียงพอ เนื่องจากปัญหาการดูดซึมบี 12 ลดลง
ตัวอย่างอาหารที่ควรรับประทานเช่น ข้าวซ้อมมือ ถั่ว ผักใบเขียว ตับ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง  เนยแข็ง ตับ เนื้อสัตว์ นม  ถั่วเหลือง
– ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการนำ ออกซิเจน ไปเลี้ยงเซลล์สมอง การขาดธาตุเหล็กทำให้ สมาธิสั้น  ตัวอย่างอาหารที่ควรรับประทาน เช่น เนื้อสัตว์ ตับ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง พืชกระกูลถั่ว และผักสีเขียว
–  เลซิติน ในเลซิตินมีสารประกอบโคลีนและฟอสฟาทิติลซีรีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมอง  ช่วยการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง  ตัวอย่างอาหารในกลุ่มนี้ เช่น ไข่แดง ตับ ถั่วลิสง เนยถั่ว บรูเออส์ยีสต์ (Brewer’s yeast)
–  สารแอนติออกซิเดนท์ เช่น วิตามิน ซี อี และ เบต้าแคโรทีน เป็นตัวช่วยปกป้องเนื่อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระซึ่งจะทำให้สมองเสื่อม แหล่งวิตามินซี เช่น ผัก ผลไม้ เช่น ฝรั่ง ส้ม สับปะรด และผลไม้รสเปรี้ยว แหล่งวิตามินอี เช่น น้ำมันพืช ธัญพืช (ข้าว ข้าวโพด ลูกเดือย ข้าวฟ่าง ฯลฯ) ไข่แดง และตับ แหล่งเบต้าแคโรทีน เช่น พืชสีเหลืองและสีส้ม และ ผักที่มีสีเขียว
นอกจากนี้มีพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันสมองเสื่อม เช่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากใบแปะก๊วย ซึ่งสารเหล่าจะช่วยในการหมุนเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
– น้ำมันปลา หรือ โอเมก้า 3 ช่วยป้องกันความจำเสื่อม ทำให้ความสามารถในการคิดดีขึ้น ในปลาทะเลจะมีโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก จึงแนะนำให้บริโภคปลาทะเลมากขึ้น อย่างน้อย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ในการปรุงอาหารจำพวกปลาที่ให้โอเมก้า 3 นั้นไม่ควรใช้วิธีทอด เพราะการทอดจะทำให้สูญเสียโอเมก้า 3 มากกว่าวิธีการปรุงแบบอื่น อาจใช้วิธีการนึ่ง หรือต้มแทนการทอด
การดูแลสมองนอกจากการบริโภคอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่และครบส่วน  เพื่อให้สมองได้รับอาหารและสารที่เสริมการทำงานของสมองได้เต็มที่แล้ว  พฤติกรรมการบริโภคที่ดีจะเป็นการส่งเสริมการทำงานสมองอีกด้วย เช่น
รับประทานอาหารให้เป็นเวลา ทำให้สมองได้รับพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ
* ไม่งดอาหารเช้า
* เลือกอาหารที่ไขมันต่ำและน้ำตาลน้อย
*  เลี่ยงอาหารลดน้ำหนักตามกระแสนิยม
*  รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
*  หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
*  หมั่นออกกำลังกายและทำกิจกรรมลับสมองเสมอๆ
ดังนั้นการปกป้องหรือชะลอการเสื่อมของสมองก่อนวัยอันควร  ควรดูแลสุขภาพ การบริโภคอาหาร หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำร้ายสมอง  และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ถูกต้อง  ก่อนที่จะโทษว่าสมองเสื่อม เพราะ อายุมาก หรือ เพราะกรรมพันธุ์