ไปทะเลกันดีกว่า
หลังจากที่พลาดหวังจากการนัดแนะกับหมู่คณะที่มุ่งมั่นขอใฃ้สวัสดิการถไฟฟรีให้ได้ แถมตอนนี้ยังส่งเสริมให้ไทยเที่ยวไทย น้องอ้อก็หนีไปจับปูดำแล้ว ส่วนน้องเอ๋หนีไปห่มแดดบ้ายบายมาม้าไปแข่งกีฬาซะหลายวัน ส่วนพี่ติ๋วรอลุ้นเหรียญทองของใครไม่รู้ทีู่่บ้าน ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปตามที่รักที่ชอบของแต่ละคน เราก็เลยขอลั้ลลาบ้าง
ปีนี้ที่บ้านเลือกไประยอง…ฮิ ไปกันแค่ยี่สิบเอ็ดคน อายุไล่เลียงกันตั้งแต่แปดขวบจนถึงแปดสิบ ผ่านพัทยาก็เลยแวะไปพิพิธภัณฑ์ริบลี่ส์์ ไปมาก็หลายครั้งไม่มีโอกาสสักที วันนี้พอมีเวลาเลยตัดสินใจตีตั๋ว ราคาพอประมาณผู้ใหญ่ 380 บาท เด็ก 280 บาท ต้องทำความเข้าใจกับลูกเรื่องราคาว่า การทำพิพิธภัณฑ์ให้ดีและคงอยู่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นการลงทุนสูง มีค่าใช้จ่ายตลอดเวลา การเสียเงินในสิ่งที่มีเหตุผลก็สมควรเสียไป การไปเที่ยวตามพิพิธภัณฑ์เป็นการใช้เวลาและโอกาสในการสอนลูกได้เป็นอย่างดีทั้งเรื่องกติกา มารยาท ความรู้ ฯลฯ
ข้างในมีความรู้มากมายดูไปแล้วก็จะพูดกันว่าเขาคิดกันได้อย่างไร หนักไปทางวิทยาศาสตร์แบบประยุกต์ และมีของแปลกๆ ในความรู้สึกคือหลอนๆ เช่น วัฒนธรรมบางอย่างของโลกอีกซีกหนึ่งที่เราไม่คุ้นเคย คนสูงสุด คนเตี้ยสุด สัตว์แปลกๆ ฯลฯ แถมข้างๆ ยังมีการแสดงแบบบ้านผีสิงห์เสียงกรี๊ดกร๊าดท่าทางข้างในชวนเขย่าขวัญน่าดู ส่วนนั้นไม่ได้เข้าไปเนื่องจากน้องเต็มอายุไม่ถึงจึงเป็นข้ออ้างที่ไม่เข้า เพราะกลัวหัวใจจะทำงานหนักเกินไป…
วันหยุดลองพาครอบครัวเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ที่องค์พระ หรือพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านในจังหวัดนครปฐมซึ่งมีอยู่มากมายได้ค่ะ และนี่เป็นอีกงานหนึ่งที่ตั้งใจจะรวบรวมและสร้างเนื้อหาขึ้นมาให้เกิดในศูนย์ข้อมูลภาคตะวันตก
วันอาทิตย์พวกเราก็จะไปสัมมนาที่พัทยากัน ลมแรง อากาศร้อน น่าจะเตรียมพวกครีมกันแดดไปล่วงหน้า เดี๋ยวนี้แดดแรงมากน่าจะซื้อครีมกันแดดแบบ SPF สูงๆ ไม่น่าจะต่ำกว่า 50 แต่ราคาก็จะสูงตามไปด้วย ซื้อไว้ก็จะใช้ไม่หมดทางที่ดีน่าจะหาเพื่อนมาช่วยแชร์กัน ส่วนยี่ห้ออะไรต้องถามน้องเอ๋หลังไมค์จากน้องเอ๋ เพราะทดลองมาแล้วทุกยี่ห้อ นอกจากเหตุผลเรื่องความสวยความงามแล้ว ยังเป็นการรักษาสุขภาพด้วย ตามด้วยหมวกปีกกว้างๆ แล้วก็ร่ม (เพราะสำนักฯ จัดสัมมนาทีไร ฝนตกทุกปี) น้ำดื่มเพราะที่แจกอาจไม่พอ ชุดว่ายน้ำทั้งที่ลงสระน้ำและลงทะเล (ซึ่งพวกเราไม่เคยมีใครใส่ชุดที่ว่าลงทะเลสักคน คงเนื่องจากสรีระไม่อำนวย ข้อแนะนำคือใส่ไว้ข้างในแทนชุดชั้นใน เพราะใส่ไปครบเครื่องอย่างนั้น ทรายเต็มไปหมดซักยากแถมพัง ไม่คุ้มจ๊ะ) รองเท้าแตะ กางเกงขาสั้น แว่นตากันแดดอันใหญ่ๆ ซื้อได้ที่ตลาดนัดวันพุธ จะได้ปกป้องดวงตาให้อยู่กับเรานานๆ กล้องที่สภาพสมบูรณ์และไปตักตวงความรู้กัน เพราะเรื่องที่ผู้อำนวยการฯ จะพูดเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเราจะต้องทำงาน ทำงานกันต่อไป
ส่วนรูปที่เห็นเป็นรูปที่พักให้ดูก่อนเพื่อสร้างบรรยากาศก่อนไปพัทยา …วันนี้ชาวคณะแจ้งว่าอย่างไรก็ไม่ย้อมไม่ยอมต้องขึ้นรถไฟไปเที่ยวให้ได้ ใครสนใจลงชื่อสมัครได้ไม่จำกัดจำนวน 😆
5 thoughts on “ไปทะเลกันดีกว่า”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
น่าอิจฉาจังเลยมีเวลาพาครอบครัวไปเที่ยว แถมแบ่งปันความรู้ให้เพื่อนร่วมงานด้วย เทศกาลวันหยุดหลายวันป้าดวงเฝ้าบ้านตามเคยเมื่อวานวันพืชมงคลปลูกต้นไม้ไป 20 ต้น(ริมถนน) ให้สมกับเป็นวันพืชมงคล(มีต้นเหลืองปิยธรบริจาคด้วยนะ(ต้นเล็ก) ใครสนใจเชิญติดต่อได้ ที่เคยแบ่งปันให้เพื่อนๆ+น้องๆไปตอนนี้ยังชูกิ่งก้านสาขาอยู่หรือเปล่าหรือว่าเหี่ยวแห้งไปตามอากาศที่แสนจะอบอ้าว
แชมป์ OF THE BLOG ต้องยกให้ น้องปอง(อันดับหนึ่ง) น้องอ้อ (อันดับสอง) และขอบคุณหลายๆท่านนะได้ทั้งความรู้และสนุกสนานเพลินเพลินใจ
ก็เมื่อคนนำ พาไปหาความรู้ ความเพลิดเพลิน คนตามก็ได้ด้วย เห็นด้วยนะว่า นอกจากสมอง ความคิดที่บรรเจิดของคนแล้ว ถ้าจะให้ดีระดับชาติ ระดับอินเตอร์ มันก็ต้องมีวิตามิน M (money) ด้วย ดูอย่าง TK Park กับ ห้องสมุดประชาชนบางแห่ง หรือหลายๆแห่ง วันก่อนดู TV ประมาณว่าว่า พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ที่ จ. พิษณุโลก น่าจะปิดตัว ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า ก็เรื่อง M นี่แหละ
อิจฉาด้วยคนที่ไม่ได้ไป มิน่าละถึงไม่เห็นแม่น้องเต็ม มาทำงานในวันหยุดยาวนี้ พวกเราสังสัยกันว่าจะต้องไปไหนแน่เลย จริงอย่างว่า และถามมาลง Blog ให้พวกเราอิจฉาๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าลืมรูปที่ไปเวียดนามด้วยนะจ๊ะ
อิอิ…คิดถึงเราละซิ ไปนั่งรถไฟเที่ยวกันไหมคะ ส่วนเรื่องเขียน blog เป็นความตั้งใจว่าพบเห็นอะไรๆ ก็จะเล่าให้พวกเราฟัง สมัยก่อนเล่าให้แต่คนอยู่ใกล้ๆ ฟัง สมัยนี้ไอทีมาช่วยลดช่วงว่างเหล่านี้ได้มาก ทุกคนจึงได้ฟังเรื่องราวทั้งที่รู้และไม่รู้แบ่งปันกันไปถือเป็นความน่ารักในหน่วยงานของเรา ตั้งใจจะเขียนทุกวันเพราะแต่ละวันก็จะพบเรื่องราวที่แตกต่างกันไป รอฟังเรื่องราวของพวกพี่ๆ ค่ะ
ดีใจที่วันหยุด4วัน ไม่ต้องนั่ง นอนจม อยู่ที่ห้อง เพราะทริปท่องเที่ยวมีรอคิวอยู่เพียบ 1 ในนั้น ยิ่งดีใจใหญ่เมื่อสถานที่ที่เราไปได้ถูกนำมาเขียนบล็อก นั่นคือพิพิธภัณฑ์ริบลี่ส์์ ที่ได้เดินผ่านและสดุดตาว่ามันสวยดี แต่ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชม อันด้วยเหตุผลที่เอามาหักล้างเอง อิอิ แต่ก็ได้ยืมฉากสวยๆมาถ่ายรูปเก็บไว้ค่ะ ที่ชอบใจสุดสุดเห็นจะเป็นโคลงกระดูกไดโนเสาร์ และก็อกน้ำอันใหญ่ยักษ์ที่น้ำไม่รู้ว่าไหลออกมาได้อย่างไรนั่นเอง ได้แต่เดาว่าช่องที่น้ำไหลมันเป็นปล่องใสใสรึเปล่าเท่านั้นเอง เมื่อเหลือบมองไปข้างๆที่ติดใจยิ่งกว่าคือบ้านผีสิง(ฝรั่ง)สนใจเข้าไป แต่เพื่อนที่หนูหนีบไปเที่ยวด้วยสิดันกลัวซะงั้น เลยได้แต่ยืนชะเง้อและฟังเสียงกรี๊ดจากผู้คนที่เข้าไปดูกัน เมื่อเดินมาอีกหน่อยก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ที่มีทั้งของแปลก และของฝากให้เลือกมากมาย พอตกบ่ายก็ไปนอนตากแดดที่ทะเลพัทยาซะเลย………นับเป็นทริปช่วงวันหยุดที่ประทับใจอีกที่หนึ่งทีเดียวเชียว สำหรับการไปเที่ยวกับขบวนรถไฟฟรีนั้นขอบอกว่าหากใครได้ลองแล้วจะติดใจเพราะได้ทั้งความมัน ความเหนื่อย และน้ำใจจากผู้ร่วมเดินทางด้วยกัน หนูเคยลองมาแล้วค่ะทั้งนั่งกลับบ้านที่สงขลา และไปหัวหิน อยากบอกว่าสนุกๆๆๆๆๆจ้า เหลือแต่การไปเที่ยวกับขบวนของการท่องเที่ยวกับรถไฟที่จะต้องจองคิวกันร่วมเดือนที่ยังไม่ได้ลอง เพราะเคยไปถามและจะจอง แต่นายสถานี หรือคนขายตั๋วบอกว่าหากจะไปต้องจองล่วงหน้า………….เอามั๊ยเลยขอคิดอีกทีละกัน ว่าแต่ที่พี่ปองว่าจะไปท่องเที่ยวกับรถไฟจะไปไหนหรอค๊ะ เค้าขอไปด้วยน๊า……….