บัตรประชาชน กับใบขับขี่
สัปดาห์ที่แล้วพาสาวตองไปทำบัตรประชาชน ข้อมูลที่ได้คือทำบัตรครั้งแรกต้องไปที่อำเภอเมือง ตรงซอยสอง รถแน่นมากกะว่าจะจอดแบบปลดเกียร์ว่างแล้วให้เข็นกันไปกันมา แต่เจ้าหน้าที่โบกมือว่าทำแบบนี้ไม่ได้คร๊าบ จึงเป็นเหตุให้จรลีขับรถวนไปมาเสียสองรอบ กะว่าจะไม่เข้าไปแล้วเชียวนาแต่ไหนๆ ไปแล้ว จึงต้องอดทนซะหน่อย สงสัยจังว่าอำเภอก็แค่นั้น น่าจะทราบว่ามีที่จอดรถให้ประชาชนได้กี่คัน มีรถเจ้าหน้าที่กี่คัน แล้วก็บอกชาวบ้านเสียก่อน แต่ไม่เป็นไรในฐานะที่ทำงานบริการเหมือนกันจึงทนได้ จึงวนรถกลับไปเลยไปจอดที่ซอยข้างๆ มีที่ว่างพอจอดได้ ดังนั้นท่านที่จะไปติดต่อราชการที่อำเภอไปจอดที่ข้างๆ หรือในซอยสามตั้งแต่แรกเลยดีกว่าค่ะ
ไปถึงพบด่านแรก ตองก็ยื่นเอกสารทั้งหมดให้ เจ้าหน้าที่บอกว่าขอใบจบการศึกษาด้วย บอกว่ายังเรียนต่ออยู่ค่ะ งั้นก็ขอบัตรนักเรียน ก็อยู่ในชุดเอกสารที่ยื่นไปให้ไงคะ งั้นขอเอกสารจริง นี่ค่ะ แต่ใบเกิดตัวจริงไม่ได้นำมา ไม่ได้ค่ะทุกใช้เอกสารฉบับจริง แม่ลูกรับทราบ ตองบอกว่าเพื่อนหนูไม่เห็นต้องใช้ก็เลยไม่ได้เอา แม่บอกว่าแต่ตอนนี้ใช้ก็ต้องมี จึงร่ำราแล้วถามว่าขอไปทำอำเภอสัญจรในห้างได้ไหม แล้วบอกว่าได้ เปิด 10 โมงเช้าถึงหกโมงเย็น
ไปที่นั่นประมาณสิบโมงครึ่ง มีเจ้าหน้าที่สองคนประจำการ คนที่หนึ่งทำงานเอกสารอยู่ด้านหลัง คนที่สองอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทำทุกอย่างตั้งแต่ตรวจสอบเอกสาร ถ่ายรูป จัดคิว ฯลฯ ใช้เวลาดำเนินการ 5 นาที ขอบคุณและขอยกนิ้วให้
สรุปว่าการทำบัตรประชาชนสิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือ เอกสารฉบับจริงพร้อมทั้งสำเนาได้แก่ทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนผู้ปกครอง ส่วนของลูกได้แก่ ทะเบียนบ้าน ใบเกิดและบัตรประจำตัวนักเรียน พร้อมทั้งบอกให้ลูกใส่เสื้อและทำหน้าสวยๆ หรือหล่อๆ เพราะบัตรจะอยู่กับตัวเองไปอีกหลายปี
กลับมาพี่ติ๋วบอกว่าให้มาเขียนใน blog ด้วย เพราะปีที่แล้วพี่อารียาต้องไปสองครั้งเหมือนกัน ส่วนปีหน้าลูกๆ หลานๆ ก็จะมีทยอยกันไปเรื่อยๆ
รุ่งขึ้นอีกวันเป็นวันแรงงาน ซึ่งหากวันทำงานจะต้องลาพักผ่อนเพราะถือเป็นหยุดประจำตระกูล และเป็นวันที่มักใช้ช่วงเช้าไปสะสางภารกิจส่วนตัวบางประการ ในการติดต่อราชการ อย่างปีนี้ไปต่ออายุใบขับขี่รถยนต์
หลักฐานที่ต้องใช้คือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และเงิน ไปหยิบบัตรคิวแล้วก็รอ รอ ร้อ รอ จนกว่าเจ้าหน้าที่จะเรียก ข้อแนะนำคือกรุณานำหนังสือไปอ่านอย่างน้อยหนึ่งเล่มไว้แก้เหงาและแก้รำคาญ เพราะท่านจะไม่สามารถคุยกับใครได้เพราะส่วนใหญ่ตกอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดจึงมิค่ิอยจะนำพากัน
พอเจ้าหน้าที่เรียก ก็บอกไปว่าจะทำแบบสมาร์ทการ์ด แปลว่าท่านจะได้รับใบขับขี่ใหม่เป็นบัตรอย่างดี ใช้ได้แบบออนไลน์ทั่วไทยและทั่วอาเชียน ทั้งต้องจ่ายค่าถ่ายรูปเป็นพิเศษอีก 100 บาท ตอนนี้ยังไม่ต้องจ่ายให้จ่ายเฉพาะค่าต่ออายุบัตร แล้วให้ตรวจสอบความถูกต้องของชื่อ ที่อยู่ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นก็ไปเข้าแถวรอการทดสอบตาบอดสี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะใช้ไม้จิ้มแล้วให้บอกว่าเป็นสีแดง สีเขียว หรือสีเหลือง แล้วเราก็ปิดตาสลับตาซ้าย-ขวา จนมั่นใจว่าเรามองเห็นสีไม่เพี้ยนแล้ว ฟังไปเรื่อยๆ บางครั้งจะมีคนที่สายตาดีมากตอบเป็นสี่เขียวแก่ สีเขียวอ่อน สีส้ม ให้ได้อมยิ้มกัน เมื่อทดสอบผ่านก็ให้ไปรออีกหนึ่งด่าน
ด่านต่อไปคือการทดสอบทักษะการขับขี่ โดยให้เหยียบคันเร่งซึ่งจะขึ้นไฟเขียว พอไฟแดงมาให้เหยีบเบรค คนที่ขับรถเกียร์ออโต้น่าจะทำได้ดี ส่วนเราไม่ถนัดเพราะไม่มีที่ให้เท่าวางครัช ให้วางไว้เฉยๆ ได้เรื่องค่ะ พอเหยีบเบครค โน่นที่ทดสอบเลื่อนปรู๊ด ไฟแดงส่งเสียงสนั่นให้เป็นที่หวาดเสียวของตัวเองและคนต่อไปว่าจะไม่ผ่าน เจ้าหน้าทีบอกให้โอกาสอีกครั้ง เฮ้อ… ผ่านไปได้ด้วยดีหลังจากนั้นก็ต้องไปปรับรีโมทมองให้เสาสองเสาขนานกัน คล้ายกับเล่นเกมส์ ไม่ยกแต่สายตาต้องดี
จากนั้นก็ไปรอถ่ายรูป ทำหน้าสวยๆ หล่อๆ กันไว้ แอบดีใจที่ตัดสินใจเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวโปรดสีสดสวยแทนเสื้อยืดไร้สีสัน จ่านเงินไปอีกหนึ่งร้อยบาทถ้วน เจ้าหน้าที่จะถ่ายโชะๆๆๆ หลายท่า คงเลือกท่าที่สวยที่สุดให้เรา
พอจบขั้นตอนนี้ก็ต้องรอ ร้อ รอ เมื่อถึงรอบที่จะต้องไปเข้าห้องอบรมอีกหนึ่งชั่วโมง เป็นวิดิิโอผูกเรื่องเป็นละคร ไม่เบื่อ ดูได้ปฏิบัติได้แต่สังสัยว่าเจ้าพวกที่ขับรถกันปรู๊ดปร๊าดบบท้องถนน คงจะไม่ได้โปรแกรมพวกนี้กระมัง
นึกถึงสมัยก่อนที่ให้ทำใบขับขี่ตลอดชีวิตได้ เพราะความขี้เกียจแท้ๆ ทีเดียวที่ไม่ยอมไป จึงต้องมาต่อครั้งละ 5 ปี แต่ก็ดีนะที่เราจะได้ทำเรื่องอะไรๆ ให้เลือกได้สูบฉีดบ้าง อีกห้าปีจะเป็นไงบ้างเนี่ย!
เบ็ดเสร็จใช้เวลาตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ถึงเที่ยวตรงเป๊ะไม่ขาดไม่เกิน
สรุปว่าในกระเป๋าเงินของเราก็จะอัดแน่นไปด้วยสารพัดหลักฐานได้แก่ บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ บัตรเอทีเอ็ม บัตรประกันภัย ฯลฯ น่าจะได้สักสิบบัตรกระมัง สงสัยครามครันกับระบบอีเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายทำไมถึงต้องแยกเป็นบัตรๆ เป็นเรื่องๆ …แต่เอ๊ะเรื่องใหญ่เกินไปอย่าไปคิดดีกว่า ปวดขมอง
ทั้งสองหน่วยงานมีหนังสือกับวารสารให้อ่านบ้าง แต่คงไม่มีงบประมาณในส่วนนี้กระมัง จึงมีแต่ของเก่าในสภาพที่ผ่านการอ่านมาแล้วอย่างโชกโชน จึงได้แต่เสียดายเวลาของคนรอบข้าง ดีใจที่ยังมีคนนึกถึงเรื่องนี้เพราะมีเสียงพูดว่า รู้งี้ซื้อหนังสือมาอ่านบ้างดีกว่า ใครหนาว่าคนไทยไม่รักการอ่าน…
หากนำมาเปรียบเทียบกับงานของเราแล้ว พวกเราน่าจะดีใจเพราะอย่างน้อยก็เรื่องสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างดูพร้อมและอยู่ในสภาพที่ดีกว่าทั้งที่อำเภอและสถานีขนส่ง ที่สำคัญคือผู้ใช้บริการของทั้งสองที่มีความหลากหลาย มีทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานภาพ ซึ่งพวกเขาน่าจะใช้ความอดทนอย่างมากมายทีเดียว
2 thoughts on “บัตรประชาชน กับใบขับขี่”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
เมื่อเดือนก่อนจำได้ว่า คุณสามีก็มาเล่าให้ฟังเรื่องไปต่อใบขับขี่นี่แหละ ว่าต้องผ่านประสบการณ์อันโชคโชนแบบเดียวกับพี่ปองนี่แหละ ยังมาเล่าให้น้องเอ๋ฟังเลย เพราะรู้สึกสงสัยว่าเอ๊ะ เดี๋ยวนี้ต่อใบขับขี่เค้าต้องผ่านอะไรแบบนี้ด้วยหรือ เพราะ จำได้ว่า ครั้งล่าสุดที่ตัวเองไปต่ออายุมาไมเป็นแบบนี้ จึงเกิดความสงสัยว่า น่าจะเป็นใน 2 กรณีคือ 1. เป็นการทำใบขับขี่แบบสมาร์ดการ์ดหรือเปล่า (เพราะคุณสามีก็ทำแบบสมาร์ทการ์ดเหมือนกัน) 2. เค้าเปลี่ยนกฎระเบียบใหม่หรือเปล่า (คุณสามีบอกว่าไม่แน่ใจเนื่องจากไม่ได้สนใจว่า คนที่ไม่ได้ทำแบบสมาร์ทการ์ดเค้าต้องทดสอบอะไรมากมายแบบนี้หรือเปล่า) ส่วนเรื่องบัตรประชาชนต้องขอขอบคุณค่ะที่มาบอกเล่าเพราะว่า ลูกๆ หลานๆ ชาวหอสมุดเริ่มทยอยกันทำบัตรประชาชนกันแล้ว (ของอ้อเจ้าน้ำหอมอีก 2 ปีค่ะ) ฉะนั้นทุกท่านควรรู้ตัวเองว่า เข้าสู่วัย…..กันแล้ว
ขั้นตอนในการทดสอบสมรรถภาพเพื่อการต่ออายุใบขับขี่ทุกประเภทเป็นเหมือนกันหมดค่ะไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงอยากได้คนขับรถที่มีคุณสมบัติพร้อม คาดว่าจะเป็นปีหน้าที่ต้องทำเป้นสมาร์ทการ์ดทั้งหมด วันนี้พี่สาวเห็นบัตรใหม่แล้วอยากได้กำลังจะไปเปลี่ยนเหมือนกัน แต่ไม่ทราบว่าจะต้องทดสอบฯ อะไรๆ อีกหรือไม่เพราะถือใบขับขี่ตลอดชีวิต