เที่ยวงานปิดทองฝังลูกนิมิต วัดท่าไม้ 2562
วัดท่าไม้ตั้งอยู่เลขที่ ๕๑ หมู่ ๑๑ ถ.เศรษฐกิจ ๑ ซอย ๘ ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัด จำนวน ๖ ไร่ วัดนี้ตั้งขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๐ ได้รับพระราชทาน วิสุงคามมะสีมา เมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๓๗ ทิศเหนือติดแม่น้ำท่าจีน
รายนามเจ้าอาวาสวัดท่าไม้
๑. พระอาจารย์ยอด อุปติสฺโส
๒. พระครูศีลสาครวิมล (สุรสิงห์ สุรสีโล)
๓. พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร
นับย้อนไปเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๒๐ มีพระภิกษุหนุ่มอายุราว ๒๔ ปี แบกกลดสะพายบาตร ยืนสงบอยู่ ทราบว่า ท่านเป็นพระธุดงค์ชื่อ ยอดชาย ฉายา อุปติสฺโส พรรษา ๑ วัดหนองโตนด (พันท้าว) ต.พงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ต้องการหาสถานที่เพื่อปฏิบัติสมณธรรม คุณทุยดีใจและได้ชี้นำบริเวณปากคลองคอกหมู ริมแม่น้ำท่าจีน อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนั้นนัก ให้เป็นที่พักซึ่งวิเวกร่มรื่นสงบ อากาศดีไม่มีคนพลุกพล่าน คุณทุยได้ขอปวารณาตัวเพื่ออุปถัมภ์ท่านตลอดไป แล้วชักชวนญาติสนิทมิตรสหาย ช่วยกันสร้างที่พักสงฆ์
ด้วยจริยาวัตร และสามัคคีธรรมร่วมกันของพระภิกขุกับชาวบ้าน ประสงค์จะสร้างเป็นวัด ให้ถาวรวัฒนาสืบไป จึงขออนุญาตสร้างวัด ซึ่งต้องรวบรวมเงินยืมจากคหบดีใกล้เคียง มาเป็นทุนจดทะเบียนในวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๐ และเมื่อวันที่ ๑พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๐ จนได้รับใบอนุญาตสร้างวัดจากกรมการศาสนา ให้นามว่า “สำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษี(ท่าไม้)”
ตั้งแต่นั้นมา ท่านพระอาจารย์ยอด ประกอบด้วยบารมี สามารถสร้างศรัทธาและพัฒนาสำนักสงฆ์ ให้เจริญทั้งวัตถุธรรมและศีลธรรม ตลอดจนสาธารณประโยชน์ อาทิ ศาลาท่า,บ่อสูบน้ำบาดาลจ่ายไปยังหมู่บ้านหมู่ ๑๑, ติดตั้งไฟฟ้า และสร้างศาลาการเปรียญ เนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้น ใช้ทางเข้าออกสำนัก เพียงทางเรือทางเดียว ท่านจึงดำเนินการขอถนน เส้นทางจากวัดท่ากระบือมายังสำนักสงฆ์ ระยะทางยาวประมาณ ๕ กิโลเมตรเศษ
ต้นฤดูหนาว คืนวันพุธก่อนวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๔ เป็นวันลอยกระทง ท่านพระอาจารย์ยอด แจ้งแก่คุณทวี สมท่า ชาวบ้านอ้อมใหญ่ศิษย์ผู้ดูแลใกล้ชิดว่า “ขอฝากวัดด้วย” รุ่งขึ้นท่านได้จาริกหายไป ไม่กลับคืนอีกเลย รวมเวลา ๔ ปี ของท่านพระอาจารย์ยอดชาย อุปติสฺโส วัดทิ้งร้างห่างหลายปี มีบางท่าน ได้เสนอให้ยุบเลิกวัดเสีย แต่ท่านเจ้าคณะตำบลท่าไม้ขณะนั้นคือ ท่านพระครูธรรมรัตน์ วัดนางสาว ได้เล็งเห็นประโยชน์แก่มหาชนรุ่นหลัง ให้คงสภาพสำนักสงฆ์ต่อไป และมอบให้ ท่านพระอาจารย์ประสิทธิ์ กิตฺติภทฺโท อายุ ๒๓ ปี พรรษา ๒ นักธรรมโท มาเป็นผู้ปกครองดูแล ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๗ ร่วมกับ พระ วิรัตน์ ตนฺติปาโล อายุ ๒๗ ปี พรรษา ๕ นักธรรมเอก จากวัดนางสาวเช่นกัน
คุณแม่จินตนา แสงวิรุณ ได้นิมนต์ให้พระอาจารย์สุรสิงห์ สุรสีโล มาพักรักษาตัวที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ระหว่างวันที่ ๒๐มกราคม พ.ศ.๒๕๓๐ จนหายอาพาธกลับไปเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ศกเดียวกัน เมื่อถึงกลางปี พ.ศ.๒๕๓๑ ได้ริเริ่มโครงการสร้างอุโบสถ รวมกับทั้งอาราธนา ท่านพระอาจารย์สุรสิงห์ สุรสีโล พร้อมคณะ จากวัดสุมนาวาส เขากะโหลก ต.ปากน้ำ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นลูกหลานของญาติโยมในพื้นที่ มาสังกัดสำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษีอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยเหลือในกิจการต่างๆ และเชิญ คุณนิวัติ โศภารักษ์ เป็นประธานสร้างอุโบสถ
ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ ได้ยกฐานะของสำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษี ขึ้นเป็น “วัดท่าไม้” ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ
ปัจจุบันวัดท่าไม้แห่งนี้ได้ขยายพื้นที่วัดเพิ่มขึ้นอีก ๙ ไร่รวมทั้งหมดเป็น ๒๖ ไร่ โดยมีบริษัทเหรียญไทยมอเตอร์ ศรัทธาซื้อที่ดินถวาย ๖ ไร่ และคุณจุตินันท์-คุณหญิงหม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ศรัทธาซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีก ๓ ไร่ เพื่อที่ทางวัดท่าไม้จะได้ใช้ที่ดินผืนนี้สร้าง “พระอุโบสถมหาปรินิพพาน” เป็นพระอุโบสถหลังใหม่ เนื่องจากพระอุโบสถหลังเดิมมีขนาดคับแคบไม่เพียงพอต่อการทำสังฆกรรม ข้อมูลจาก http://wattamai.org/