พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์…ที่เกิดเหตุแห่งคำ “ไชโย”
พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ หรือ อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ตั้งอยู่ที่ ต.ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี
ภายในบริเวณมีโบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ คือ เจดีย์ยุทธหัตถี
เจดีย์องค์นี้ ในสมัยรัชกาลที่ 6 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ
รับสั่งให้เจ้าเมืองกาญจนบุรี และเจ้าเมืองสุพรรณบุรีออกค้นหา
ตามข้อมูลที่ได้พบจากสมุดข่อยพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
ที่บันทึกเรื่องศึกพม่าคราวที่พระมหาอุปราชยกทัพมาชุมนุมพลที่ตำบลตะพังกรุ
พระยากาญจนบุรี (นุช) ออกสืบหาครั้งแรกที่ ต.หนองสาหร่าย จ.กาญจนบุรีไม่พบ
จึงให้พระทวีประชาชน (อี้ กรรณสูตร) เจ้าเมืองสุพรรณบุรี
ซึ่งต่อมาได้เลื่อนเป็นพระยาสุนทรสงคราม ไปค้นหา
พบซากเจดีย์องค์หนึ่งทางทิศตะวันตกของ ต.หนองสาหร่าย อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
พระเจดีย์ร้างที่พบตั้งโดดเดี่ยวไม่มีเจดีย์ หรือ สถูปบริวารอื่นในบริเวณ
เจดีย์นี้ตั้งอยู่กลางป่าไม้เบญจพรรณที่ปกคลุมหนาแน่น
เป็นเจดีย์เก่าแก่มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว้างด้านละ 10 วา
ไม่ทราบส่วนสูงเพราะยอดเจดีย์หักพังแล้ว คงเหลือแต่ส่วนฐานล่างที่ชำรุด
มีลักษณะเป็นฐานทักษิณสี่เหลี่ยมสามชั้นซ้อน สูงจากพื้นดิน 6 วา 3 ศอก
ไม่มีใครทราบว่าสร้างขึ้นสมัยใด สอบถามจากกำนันผู้ใหญ่บ้านทราบว่า
พระเจดีย์นี้ทำครอบพระศพกษัตริย์ ชาวบ้านเรียกว่า “ดอนทำพระ” หมายถึงทำพระเจดีย์ครอบศพ
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ได้นำความกราบทูลรัชกาลที่ 6
พร้อมรายงานของเมืองสุพรรณบุรี ทรงพอพระทัยจึงดำรัสจะเสด็จนมัสการในฤดูแล้ง
จากนั้นได้มีการถางป่าเตรียมสร้างพลับพลา จึงได้พบยอดธงหักและเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์
ที่หักจมดินอยู่ในบริเวณนั้นหลายชิ้นจึงทรงพระราชวินิจฉัยว่าเป็นพระเจดีย์ที่พระนเรศวรสร้างไว้
การเสด็จไปสักการะบวงสรวงครั้งนั้นทรงเสด็จออกจากพระราชวังสนามจันทร์
วันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2456 พร้อมด้วยเสือป่ารักษาพระองค์ กองหลวง กองราบ และกองผสม
และลูกเสือโรงเรียนมหาดเล็กเสือป่า มณฑลนครชัยศรี และขบวนติดตามอื่นๆ รวม 400 คนเศษ
เพื่อเป็นการถวายสดุดีรำลึกแด่ดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรอย่างสมพระเกียรติ
ขบวนถึงจุดหมายเช้าวันที่ 27 มกราคม และได้ตั้งค่ายพักแรม 1 คืน
รุ่งขึ้นวันที่ 28 มกราคม มีพระราชพิธีบวงสรวงในปริมณฑลรอบองค์เจดีย์
หลังจากอ่านประกาศดุษฏีสังเวยแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้เสือป่าและลูกเสือ
เดินประทักษิณเวียน 3 รอบ โดยขณะเวียนให้เสือป่าโห่ถวายราชสดุดีแด่ดวงพระวิญญาณ
แต่การโห่ไม่มีความพร้อมเพรียง จึงทรงสั่งให้หยุดพลทั้งหมดมาตั้งแถวชุมนุมพลตรงหน้าเกยที่ประทับ
ทรงมีพระดำรัสถึงวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวร และกล่าวแก่ผู้ชุมนุมในการนำคำว่ามีชัยมาใช้เป็นปฐมฤกษ์
ให้ทุกคนเปล่งเสียงสดุดีโดยพร้อมเพรียง โดยทรงเปล่งนำว่า “ไชย” พลทั้งหลายรับว่า “โย” 3 ครั้ง
เป็นที่มาของคำว่า “ไชโย” ที่ใช้แสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ มาจนปัจจุบัน
การพระราชพิธีบวงสรวงในวันนั้น ตอนค่ำได้จัดไห้เสือป่าเหล่าต่างๆ มีการเล่นกีฬาแข่งขันสมโภช
เช่น การวิ่งวัว วิ่งเปี้ยว ตี่จับ ขี่ม้าชิงเมือง และอื่นๆ ซึ่งนอกจากผู้ตามเสด็จแล้ว
ยังมีชาวบ้านในตำบลใกล้เคียงพากันมาเฝ้ารับเสด็จและดูการแสดงกีฬาด้วย
ภายหลังจากการเสด็จได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรออกแบบบูรณะองค์พระเจดีย์
แต่ติดขัดในเรื่องงบประมาณการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 6 จึงหยุดชะงักไป
ต่อมา พ.ศ.2493 จอมพลผิณ ชุณหวัญ ได้มีการเสนอให้บูรณะองค์เจดีย์
แต่การดำริคงค้างมาจน พ.ศ.2496 กระทรวงวัฒนธรรมเสนองบประมาณเพื่อบูรณะและถูกตัดอีกครั้ง
คณะกรรมการบูรณะอนุสรณ์ดอนเจดีย์จึงเสนอของบประมาณในการบูรณะไปยังสภากลาโหม
เนื่องจากเป็นอนุสรณ์ของกิจการทหาร จึงเห็นชอบให้จัดสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นด้วย
เป็นมูลค่า 2.4 ล้านบาท แต่ถูกตัดงบประมาณจึงใช้วิธีเรี่ยไรเพื่อนำมาสร้าง
ในการก่อสร้างกรมศิลปากรได้มอบหมายให้ อ.ศิลป์ เป็นผู้ออกแบบ
ใช้เวลาในการสร้างรวม 5 ปี จึงแล้วเสร็จ และได้ประกอบพิธีบวงสรวงสังเวย
อัญเชิญสมเด็จพระนเรศวรขึ้นสู่ที่ประทับคอช้าง เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2501
วันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ บรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเปิดพระบรมรูปอนุสาวรีย์
จากนั้นมาทาง อ.ศรีประจันต์ ก็ได้จัดงานฉลองขึ้นทุกปี กระทั่งตั้งเป็นกิ่งอำเภอดอนเจดีย์
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2505 และยกฐานะเป็น อ.ดอนเจดีย์ เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2508
ก็ยังมีการจัดงานมาอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลก็ได้กำหนดให้วันที่ 25 มกราคม ของทุกปี
เป็นวันถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์
ต่อมา พ.ศ.2513 นายสวัสดิ์ มีเพียร ผู้ว่าราชการขณะนั้น
มีดำริปรับปรุงบริเวณโดยรอบองค์พระเจดีย์ จังหวัดจึงเริ่มเข้าเป็นเจ้าภาพจัดงานฉลอง
พ.ศ.2514 เริ่มมีการจำหน่ายสลากสมณาคุณแก่ผู้เข้าชมงาน
เพื่อนำรายได้มาดำเนินการก่อสร้างกำแพง ขุดคูโดยรอบพระเจดีย์รวมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์อื่นๆ เพิ่มเติม
หลังจากนั้นทางจังหวัดก็ยังคงจัดงานมาโดยต่อเนื่อง
โดยถือเป็นงานรัฐพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์
และในปัจจุบันงานดังกล่าวได้ขยายขอบเขตออกเป็น
งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์และงานกาชาดจังหวัดสุพรรณบุรี
โดยยังคงมีงานรัฐพิธีบวงสรวงและถวายถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในช่วงเช้า
ส่วนในช่วงเย็นได้จัดให้มีการแสดงมหรสพต่างๆ การแสดงวัฒนธรรมไทย
และที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี คือ
การแสดงแสงสีเสียงสงครามยุทธหัตถี ถ่ายทอดเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ซึ่งมีจุดสนใจในส่วนของการกระทำยุทธหัตถีของพระองค์
ข้อมูลอ้างอิง
เที่ยวไหนดี. (31 ธันวาคม 2560). ไปเที่ยวกัน! “งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์และงานกาชาดจังหวัดสุพรรณบุรี ประจำปี 2561”. เรียกใช้เมื่อ 16 มกราคม 2561 จาก www.tiewnaidee.com/news/donchedi-fair2561
ประพิณ ออกเวหา. (2535). สุพรรณบุรี. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ.
สำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี. (2528). ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาคจังหวัดสุพรรณบุรี. กรุงเทพฯ: สำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี.