ศาลพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร
ศาลพันท้ายนรสิงห์ ตั้งอยู่ตำบลโคกขาม ศาลนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พันท้ายนรสิงห์ ในคราวที่คัดท้ายเรือพระที่นั่งเอกชัยจนหัวเรือชนกิ่งไม้ใหญ่ริมคลองโคกขาม ทำให้โขนเรือหักตกลงในน้ำ พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมทูลพระเจ้าเสือ ให้ประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาล พระเจ้าเสือทรงจำฝืนพระทัยตามพระราชกำหนดที่วางไว้ จึงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ทำศาลขึ้นสูงเพียงตา และนำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกชัยที่หักขึ้นพลีกรรมไว้บนศาล เพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อมากรมศิลปากรได้จัดสร้างศาลขึ้นใหม่แทนหลังเก่าที่พังลงมา ภายในศาลมีรูปปั้นของพันท้ายนรสิงห์ ขนาดเท่าคนจริงอยู่ในท่าถือท้ายคัดเรือ เป็นที่นับถือของชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ศาลพันท้ายนรสิงห์ถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 72 ตอนที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2498 กรมศิลปากรได้ดำเนินการจัดสร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ขึ้น อยู่ถัดจากศาลเก่าที่พังลงมาไม่มากนัก โดยกันอาณาบริเวณรอบๆ ศาลไว้ประมาณ 100 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็น “อุทยานพันท้ายนรสิงห์”
เมื่อยึดถือท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ศาลนี้จึงเป็นที่พึ่งทางใจของคนอีกแห่งหนึ่ง ที่นิยมกันมาขอพร ให้ตนประสบผลสำเร็จ เมื่อขอไปแล้วสัมฤทธิ์ผล ช่วงแรกคนจึงนำนวมชกมวย และไม้พายเรือ มาแก้บน เนื่องจากตามประวัติท่านชอบชกมวยและตีไก่ ต่อมาช่วงหลังจึงมีคนนำรูปปั้นไก่แก้วมาแก้บน ซึ่งตั้งคู่อยู่ตรงทางขึ้นก่อนเข้าประตูศาล เมื่อคนเห็นว่าบนแล้วประสบความสำเร็จ จึงเป็นที่นิยมบนกันในเวลาต่อมา
หลังจากนั้น ปริมาณของนวมชกมวย และไม้พายเรือที่นำมาแก้บนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จึงนำออกประมูลขาย เพื่อนำรายได้เข้าทำนุบำรุงศาลพันท้ายฯ ต่อไป แหล่งข้อมูล https://sites.google.com/a/northbkk.ac.th/kusuma-boonsompong01/sthan-thi-sakhay/sal-phan-thay-nrsingh
บริเวณด้านใน ศาลพันท้ายนรสิงห์
ผู้คนส่วนใหญ่นิยมมาขอพร ให้ประสบผลสำเร็จ
ศาลพันท้ายนรสิงห์สร้างแบบศาลาทรงไทยจตุรมุข มีบันไดทางขึ้นลงทั้ง 4 ทิศ
ภายในศาลมีรูปปั้นขนาดเท่าคนจริง ของพันท้ายนรสิงห์ถือคัดท้าย ยืนอยู่บนฐานยกสูง
ทั่วทั้งรูปปั้นของพันท้ายนรสิงห์มีผู้คนมาปิดทองกันเป็นจำนวนมาก
แม่ย่านางเรือ และเรือโบราณ ด้านหัวเรือมีการนำหุ่นแม่ย่านางเรือมาตั้งให้กราบไหว้บูชาเพราะเชื่อกันว่าเรือทุกลำจะมีแม่ย่านางประจำเพื่อปกปักรักษาผู้ที่อยู่ในเรือ
เรือโบราณทำจากไม้ตะเคียนขนาดใหญ่
คาดว่ามีอายุกว่า 300 ปี ชาวบ้านแถวนั้นเป็นผู้ขุดพบ และเชื่อว่าอาจเป็นเรือในขบวนเสด็จ หรือเรือที่ใช้ลำเลียงทหารในอดีต
เป็นเรือขุดจากไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ มีความยาว 19.47 เมตร กว้าง 2.09 เมตร สูง 1 เมตร และกาบเรือหนา 7.5 ซ.ม.
ขุดพบที่หมู่ 6 ต.พันท้ายนรสิงห์ ในที่ดินของนายไล้-นางสมจิตร แตงถมยา ซึ่งเจ้าของเรือได้นำมาบริจาคไว้ที่ศาลพันท้ายนรสิงห์
ปัจจุบันมีการสร้างอาคารคลุมเรือลำนี้ไว้เพื่อเก็บรักษาให้คงอยู่ในสภาพนี้ต่อไป
ดูมาหลายภาพแล้ว…..ผมคงไม่ต้องบอกนะครับว่าเขาทำอะไรกัน
ชาวบ้าน และประชาชนที่เดินทางมา จะวางเหรียญลงไปในลำเรือ ตามความเชื่อของแต่ละคน
หลักประหารพันท้ายนรสิงห์ เป็นหลักที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระเจ้าเสือสั่งประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์
เสาไม้ที่ครอบแก้วไว้นั่นคือ หลักประหารของจริง ที่เหลือเพียงแค่เสาไม้ชิ้นเดียว
นิยมนำรูปปั้นไก่,นวมชกมวย หรือไม้พายเรือ มาถวายเพื่อเป็นการแก้บน เนื่องจากประวัติที่กล่าวไว้ แสดงให้เห็นว่า พันท้ายนรสิงห์ชอบชกมวย และตีไก่
ศาลาหุ่นจำลองเหตุการณ์ ภายในมีหุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองเหตุการณ์
ศาลเพียงตาพันท้ายนรสิงห์
ทิศตะวันตกของศาลจะเห็นมีศาลา 2 หลัง สร้างในรูปแบบเดียวกัน หลังหนึ่งประดิษฐานพระพุทธรูป
ศาลาอีกหลังจัดแสดงวิดีทัศน์ประวัติพันท้ายนรสิงห์เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งในอดีต นำแสดงโดยคุณสรพงษ์ ชาตรี
แหล่งศึกษาการอนุรักษ์ป่าชายเลน
ในบริเวณศาลพันท้ายนรสิงห์ ยังมีเขตอนุรักษ์ป่าชายเลน เพียงขึ้นสะพานข้ามคลองไปก็จะเป็นเขตอนุรักษ์ป่าชายเลน
แหล่งศึกษาเรียนรู้ทรัพยากรธรรมชาติชายฝั่งทะเล มีต้นโกงกางขี้นอยู่มากมาย