วัดโกรกกราก จังหวัดสมุทรสาคร

          วัดโกรกกราก  ตั้งอยู่เลขที่  188  ถนนธรรมคุณากร  ตำบลโกรกกราก  อำเภอเมือง ฯ  จังหวัดสมุทรสาคร  สังกัด มหานิกาย สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2375  และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา  เมื่อ พ.ศ.2423 ตรงกับกาลสมัยของรัชกาลที่ 2  ในปัจจุบันมีเนื้อที่ประมาณ  189 ไร่ 25 ตารางวา  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน โดยมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ใส่แว่นตา เนื้อศิลาแลง สมัยสุโขทัย  ซึ่งประชาชนทั่วไปเรียกท่านว่า  หลวงพ่อปู่

          ในสมัยพระอธิการโตอดีตเจ้าอาวาส ได้เกิดเพลิงไหม้เสนาสนะต่าง ๆ จนหมดสิ้น  เหลือแต่อุโบสถเท่านั้นหลักฐานต่าง ๆ ของวัดจึงถูกเพลิงเผามอดไหม้ไปด้วย

          ตามประวัติเดิมบริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวจีน สิ่งปลูกสร้างวัดที่น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ก็คือ อุโบสถเป็นอุโบสถไม้สักหลังคาแอ่นคล้ายเก๋งจีน  เสาระเบียงเฉียงออกทั้งสี่ด้าน   บริเวณด้านหน้ามีเจดีย์สององค์  มีเรือสำเภาจีนสร้างด้วยคอนกรีต องค์ละ 1 ลำ ลักษณะคล้ายกับ เรือสำเภาจีนของวัดยานนาวา กรุงเทพ ฯ แต่เล็กกว่า กาลต่อมาได้สูญหายไปหมดแล้วเหลือแต่องค์เจดีย์

          ในจดหมายเหตุ การเสด็จประพาสต้น  ของสมเด็จกรมพระยาดำรงค์ราชานุภาพ ก็ปรากฏชื่อวัดโกรกกรากอยู่ด้วย  คือเมื่อวันที่ ๓๐ เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2448  เรือพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5  จอดเทียบท่าวัดโกรกกราก  เมื่อครั้งเสด็จประพาสต้นที่ล่องเรือมาจากบ้านแหลม   จ.เพชรบุรี  แวะซื้ออาหารที่บ้านท่าฉลอม  และมาแวะทำอาหารที่ศาลาท่าน้ำ โดยท่านสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ขึ้นมาบนวัดเพื่อให้พระรดน้ำมนต์  เนื่องจากเมาเรือ

           สำหรับองค์หลวงพ่อปู่ในอุโบสถนั้น  เคยประดิษฐานอยู่ที่วัดช่องสะเดา เป็นวัดร้างเก่าแก่  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ซึ่งสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ปรักหักพังหมดแล้ว  ดังนั้นชาวรามัญบ้านกำพร้า  จึงได้อัญเชิญมาทางเรือสององค์  องค์หนึ่งเนื้อสำริด  อีกองค์หนึ่งเนื้อศิลาแลง  ล่องเรือมาตามแม่น้ำท่าจีน  พอเรือใกล้ถึงหน้าวัดโกรกกราก ได้เกิดลมพายุฝนตกหนัก  ล่องเรือต่อไปไม่ได้  จึงนำเรือมาจอดหลบลมฝนริมคลองข้างวัด  พอจอดเรือเรียบร้อย  ก็ช่วยกันยกพระศิลาแลงขึ้นมาบนฝั่งเพื่อไม่ให้ถูกน้ำฝนเซาะ  เมื่อลมฝนสงบแล้ว  จึงยกพระศิลาแลงลงเรือ  เพื่อจะล่องต่อไป  แต่    ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น  ทำอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น  และหนึ่งในจำนวนชาวรามัญบ้านกำพร้าที่อยู่ในเหตุการณ์  ได้อธิฐานว่าถ้าพระศิลาแลงจะอยู่วัดโกรกกราก  ก็ขออัญเชิญพระศิลาแลงไปประดิษฐานยังอุโบสถ  ปรากฏว่ายกขึ้น  นับแต่นั้นมาทางวัดจึงมีพระศิลาแลงเป็นพระประธานในอุโบสถตั้งแต่บัดนั้นจวบจนถึงปัจจุบัน

          สาเหตุที่ต้องใส่แว่นดำนั้น  เนื่องจากครั้งหนึ่งได้เกิดโรคตาแดงระบาดไปทั่วบ้านโกรกกราก  การแพทย์ยังไม่เจริญ  รักษากันตามมีตามเกิดแต่ก็ไม่หาย  ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาองค์พระศิลาแลงกันมานาน  จึงได้พากันมาบนบานศาลกล่าว  ถ้าตาหายเจ็บหายแดง  จะนำแผ่นทองมาปิดที่ดวงตาขององค์พระศิลาแลง  ผล ปรากฏว่าตาหายแดงกันทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงได้นำแผ่นทองมาปิดที่ตาขององค์พระศิลาแลงเต็มไปหมด http://watkrokkrak.com/index.html

โบสถ์หลังนี้ออกแบบสูงจากพื้นถนนถึงจั่วหลังคาประมาณ ๖๐ กว่าเมตร แต่ถ้าวัดจากพื้นถนนถึงพื้นโบสถ์สูงประมาณ ๒๑ เมตร พื้นที่ด้านข้างโบสถ์ทั้งสองข้างกว้างข้างละ ๑๐๐ เมตร รถสิบล้อ หรือรถพ่วง สามารถวิ่งลอดโบสถ์ได้สบาย

ด้านหลังติดถนน ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อปู่

ด้านหน้า ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อปู่

ภายในโบสถ์ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อปู่

เป็นพระประธานศิลาแลง

พระพุทธรูปหลวงพ่อปู่ใส่แว่นดำ

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร