ฟังธรรม เรื่องแม่
ได้ฟังธรรมเกี่ยวกับเรื่อง แม่ และเห็นน้องๆ ที่ทำงานเป็นคุณแม่คนใหม่ มีลูกน้อยที่น่ารัก และอยากรู้ว่าการเกิดของมนุษย์มีที่มา อย่างไร การที่บุตร ธิดาเรา และท่านทั้งหลายเกิดมาในโลกนี้ ต้องมาอาศัยคุณบิดามารดา เกิดในครรภ์ของมารดา เริ่มตั้งแต่บิดา มารดาสมสู่กัน แล้วประจำเดือนขาดเลือดรวมตัวกัน สัตว์ผู้มาปฏิสนธิในครรภ์ของผู้เป็นมารดาทำให้มารดา เกิดอาการแพ้ท้องต่างๆ นานา เรอโอกอ้ากทุกรายไป ในทางธรรมมะการเกิดของมนุษย์ เกิดจาก
การรวมตัวเริ่มตั้งแต่เป็นน้าใส น้ำขุ่น รวมตัวกันเป็นก้อนเนื้อ ชิ้นเนื้อ แตกปุ่มเป็นปัญจสาขา ปุ่มทั้ง ๕ คือ ขา ๒ มือ ๒ ศีรษะ ๑
แสดงไว้ว่า มีน้ำกลละที่ก่อตัวเป็นรูปในปฏิสนธิ ย่อมมีเพียงส่วนน้อยประมาณได้เท่ากับน้ำที่แมลงวันตัวเล็กๆ ได้พยายามดื่มในครั้งหนึ่งๆ จะเป็นน้ำกลละ คือน้ำใสอยู่ได้ถึง ๑ สัปดาห์ เรียกว่า กลละสัตตาหะ
ต่อจากนั้นจะกลายเป็นฟองน้ำอยู่ได้อีก ๑ สัปดาห์เรียกว่า อัมพุทสัตตาหะ
แล้วกลายเป็นเมือกอีก ๑ สัปดาห์ เรียกว่า เปสิสัตตาหะ
ต่อจากนั้นก็แปรสภาพเป็นก้อนเนื้ออยู่ ๑ สัปดาห์ เรียกว่า ฆนสัตตาหะ
ต่อจากนั้นมีปุ่มทั้ง ๕ คือ ศีรษะ ๑ มือ ๒ ขา ๒ อยู่ประมาณ ๑ สัปดาห์ เรียกปัญจสาขา
ต่อจากนั้นก็จะเกิดอายตนะภายใน มีตา หู จมูก ลิ้น กาย อยู่ประมาณ ๑ สัปดาห์ เรียกจักขาทิสัตตาหะ
ต่อจากนั้นก็เจริญเติบโตแก่กล้าขึ้นโดยลำดับเป็นเวลาประมาณ ๓๐ สัปดาห์ เรียกว่า ปริปากสัตตาหะ
ต่อจากนั้นเกิดผม ขน เล็บ เป็นต้น เป็นเวลาประมาณ ๑ สัปดาห์ เรียกว่า เกสาทิสัตตาหะ
รวมเวลาประมาณ ๔๒ สัปดาห์ คิดเป็นเวลา ๙ เดือน ๒๔ วัน
บางคนก็สิบเดือนแล้วจึงคลอดออกมาจากครรภ์มารดา แสดงว่า บุตร ธิดา อยู่ในครรภ์ของมารดานานมาก ต้องอาศัยอาหาร อันได้จากทางสายรกเลี้ยงปัญจสาขารูปร่างหน้าตาของลูกให้เจริญเติบโตโดยลำดับ ท่านก็ไม่คิดค่าเช่าครรภ์ว่าเรามาอยู่ในครรภ์ของท่าน ๙ เดือน เป็นเงินเท่านั้นเท่านี้ ท่านต้องลำบากต่างๆ นานา ต้องอุ้มท้องไปทุกหน ทุกแห่ง ทั้งกลางวัน กลางคืน จะไปนอกบ้านไปตลาดไปวัดก็ต้องอุ้มท้องไปด้วย ไม่มีวันหยุดพัก วันเสาร์ อาทิตย์ วันโกน วันพระ ก็ไม่มีวันหยุดพักครรภ์ แสดงว่าท่านต้องมีความลำบากในการตั้งท้อง ถ้าลูกผู้ใดไม่นึกถึงความกตัญญูอย่างนี้ก็จะไม่รู้คุณ การแบก การหามอะไรก็ยังมีวันหยุดพัก แต่การอุ้มท้องนี้แปลกวันหยุดพักฝากท้องให้ใครก็ไม่ได้ พระท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งตอนบวชเป็นสามเณรน้อยอุ้มบาตรออกจากวัด มีโยมเขาใส่บาตรกันคละทัพพี ๒ ทัพพีชักเต็มบาตรขึ้นโดยลำดับ ทั้งร้อนทั้งหนัก เมื่อถูกใส่เข้าเป็น ๓๐ ทัพพี ๔๐ ทัพพี สามเณร ก็ต้องหนักความคิดในตอนนั้นอยากจะโยนบาตรทิ้งเสียให้รู้แล้ว รู้รอดไป เพียงแค่เราเดินออกจากวัดไปบิณฑบาตรเท่านั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาว่า
“แม่ของเราตั้งท้องเรามาก็คงจะเหมือนเราอุ้มบาตรพระนี้แหละ เป็นแน่ต้องลำบาก ถ้าลูกสมัยนี้ยังไม่เห็นคุณแม่ในแง่นี้จะเปรียบให้ฟังอีกว่า เหมือนเราเอาแตงโมลูกให้ใหญ่พอสมควรมาผูกไว้ที่ท้องน้อย ผูกอยู่อย่างนั้นทั้งกลางวัน กลางคืน จะไปไหน เข้าห้องน้ำ ห้องส้วม ไปตลาด ไปสังคม ไปวัด หรือเวลานอนก็เอาแตงโมนอนด้วย มันคงแย่ทีเดียว แต่แม่ของเรา ท่านทำไ้ด้ด้วยความรัก คอยประคบประหงมครรภ์ของท่านอย่างดี ท่านมีความดีใจว่าบุตรน้อยของแม่่ได้เกิดมาแล้ว ท่านก็บริหารครรภ์อย่างดี เมื่อครรภ์แก่ ๙ เดือน หรือ ๑๐ เดือน เลื่อนกำหนดทสมาส ลูกก็เคลื่อนคลาดลมกัมมชวาตพัดให้กลับทวีลงมาออกด้วยลมเบ่งในขณะที่คลอดลูกนั้นก็เลือดตกยางออกเป็นการเสี่ยงภัยต่อชีวิต ”
เหตุแห่งการเกิด
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ความเกิดเป็นทุกข์ ไม่่ว่าจะเกิดในภพภูมใดๆ ก็ตาม ทุกคนที่ใช้ปัญญาพิจารณาโทษของการเกิด ย่อมทราบได้เป็นอย่างดี ที่ว่าเป็นทุกข์นั้น เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ทั้งความเกิดนั้นยังเป็นปัจจัยให้เกิดความแก่ ความตาย ความเศร้าโศก ความบ่นเพ้อรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความเหือด แห้งใจ และยังทุกข์อื่นๆ อีกมากมายหลายอย่างถึงกระนั้นก็ตาม ทุกคนก็ยังปราถนาในการที่จะเกิดอีก และย่อมปราถนาที่จะเกิดในภพภูมิที่มีความสุข ความสำราญเป็นส่วนมากโดยมิได้หวั่นเกรงต่อความทุกข์ อันจะพึงได้รับเลยแม้แต่น้อย ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหตุใด คำตอบ…… เมื่อจุติแล้วจะต้องปฏิสนธิทันที
ในระหว่างความตายกับความเกิดนี้ จึงรวดเร็วมาก การไปปฏิสนธิต่อในภพใหม่ก็ย่อมเป็น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นสันตติ ในระหว่างจุติและปฏิสนธินี้ รวดเร็วมากเพียงขณะจิตเดียว คือ เมื่อจุติจิตดับลงปฏิสนธิก็เกิดขึ้นในภพใหม่ทันที…… ตามคติของกรรม
การเกิด……..
น้องที่ทำงานฝ่ายวิเคราะห์ฯ
หลานของฝ่ายวิเคราะห์ฯ