เก็บเงินออมล่วงหน้า 20 ปีเพื่อชีวีมีสุข
ฉันเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง และจะเกษียณอายุในอีกไม่กี่ปีที่จะถึงนี้ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนหยิบวารสารกุลสตรีฉบับล่วงเวลาที่นำมาวางไว้ให้อ่านที่อาคารหอสมุดชั้น 1 บริเวณหน้าจอทีวี เอาไปอ่านช่วงนอกเวลาราชการ พบบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการวางแผนการเก็บออมเงินเอาไว้ใช้ในอนาคต จึงขอนำมาถ่ายทอดต่อเผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ และน้องๆบ้าง เป็นเรื่องของการเก็บออมเงินเพื่อเอาไว้ใช้ดำรงชีวิตหลังการเกษียณอายุจากการทำงานของเหล่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ เพราะนับวันคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ระบุว่าประเทศไทยมีผู้สูงอายุประมาณ 16.5 ล้านคน และเราจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2568 ที่จะถึงนี้ แต่การจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในบั้นปลายชีวิตนั้นมิได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน เราต้องเตรียมตัวและวางแผนบริหารเงินไว้ล่วงหน้า จะไปหวังพึ่งพาลูกหลานมาเลี้ยงดูเพียงอย่างเดียวเหมือนดั่งสมัยก่อนนั้นคงไม่ได้ เนื่องจากบริบทในสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ดังนั้นการวางแผนการเงินก่อนการเกษียณอายุจึงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงอย่างมาก เพื่อเตรียมการเรื่องค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและการลงทุนล่วงหน้าอย่างน้อย 20 ปี ปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ เงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปีเช่นกัน ระยะเวลาของชีวิตคนเรานั้นสั้นยาวไม่เท่ากัน แต่ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้า ทำให้คนเรามีอายุขัยที่ยืนยาวมากกว่าเดิม โดยเฉลี่ยอายุของผู้ชายอยู่ที่ 72 ปี และอายุของผู้หญิงอยู่ที่ 75 ปี คิดเล่นๆว่าถ้าเราเกษียณอายุตอน 60 ปี และคาดว่าจะมีอายุอยู่ถึง 80 ปี หากในช่วง 20 ปีหลังเกษียณเราไม่มีรายได้อื่นอีก แต่มีค่าใช้จ่ายต่างๆในชิวิตประจำวัน เช่น ถ้าค่าอาหาร 100 บาทต่อวัน=37,000 บาทต่อปีถ้า 20 ปีก็ราว 7 แสนกว่าบาท แล้วยังมีค่าเครื่องใช้อุปโภคในชีวิตประจำวันอื่นๆอีก รวมทั้งค่าเดินทางท่องเที่ยว ค่าภาษีสังคม ค่าหมอ ค่ายา และอื่นๆอีกจิปาถะ หากเราไม่วางแผนเตรียมการไว้เราจะลำบากสักขนาดไหน (แต่ถ้าใครมีฐานะทางครอบครัวร่ำรวยอยู่แล้วก็คงไม่เดือดร้อนในเรื่องนี้)
ส่วนวิธีการเก็บออมที่ถือว่าไม่มีความเสี่ยงก็คือ การฝากเงินกับธนาคาร แต่ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็แสนจะต่ำเสียนี่กระไร (แล้วยังถูกหักภาษีอีกร้อยละ 15 เชียวหนอ) ถ้ามัวแต่หวังกินดอกเบี้ยอย่างเดียวคงไม่คุ้มแน่ถ้าไม่เสมอตัวก็อาจจะขาดทุนเสียด้วยซ้ำ เราอาจจะต้องหันไปลงทุนในรูปแบบอื่นแทนบ้าง เช่น การลงทุนในหุ้น, กองทุน, ทองคำ, พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น ซึ่งการลงทุนบางประเภทก็มีความเสี่ยงสูง แต่ผลตอบแทนอยู่ในระดับดีทีเดียว แต่การลงทุนบางอย่างมีเงื่อนไขคุ้มครองเงินต้นไม่สูญหายให้ด้วย สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยเริ่มต้นการทำงานควรเริ่มออมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย สร้างวินัยทางการเงินให้ตนเอง ต้องฉลาดซื้อคือเลือกซื้อแต่สิ่งที่จำเป็นและคุ้มค่าคุ้มประโยชน์มากที่สุด ฉลาดใช้คือใช้จ่ายอย่างประหยัดให้เหมาะกับฐานะของตนเอง รู้จักเลือกลงทุนเพื่อผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ เช่นพวกกองทุนรวม หุ้นสามัญหรือซื้อพันธบัตร ในปัจจุบันมีกองทุนใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายให้พิจารณาเลือกลงทุนเพื่อเป็นรายได้เพิ่มเติม สำหรับมนุษย์เงินเดือนทั้งพวกข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจหรือลูกจ้าง จะมีรายได้หลังเกษียณจาก 3 แหล่งคือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.), กองทุนประกันสังคม, และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
การสะสมสินทรัพย์ การใช้ชีวิตอย่างสมถะเรียบง่าย การมีวินัยทางการเงินและการวางแผนการการออมตั้งแต่เราอายุยังน้อย ในช่วงที่ยังมีพละกำลังในการทำงานสร้างรายได้นั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกระทำ เพราะสุดท้ายแล้วหลักที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั่นแหละดีที่สุด และคงจะเป็นการดีไม่น้อยที่ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเราจะไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน แล้วเราก็คงปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าในยุคปัจจุบันเงินเป็นปัจจัยที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัจจัยหลักทั้งสี่ในการดำรงชีวิตที่มีมาแต่เดิมเลย
ขอบคุณข้อมมูลบางส่วนจากนิตยสารกุลสตรี ฉบับที่ 1032 ปักษ์แรก เดือนมกราคม 2557
One thought on “เก็บเงินออมล่วงหน้า 20 ปีเพื่อชีวีมีสุข”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ออมไว้ กลายเป็นบ้าน ถ้าไม่มีใครช่วยใช้ มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา กินประหยัด
ไม่ใช่ขี่้เหนียวนะ พอเพียงค่ะ ให้มีกินไปทุกวัน มีใช้บ้างตามอัถภาพ อยากให้ทุกคนพึงระมัดระวังการใช้จ่ายเงินตั้งแต่บัดนี้ มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ได้ยินมา คือ
หาเพิ่มไม่ได้ ก็พยายามอย่าจ่ายออกไป ทุกวันนี้หาได้ไม่พอใช้ ต้องขอยืม แถมใช้จ่ายแบบลืมไปว่าตนเองมีหนี้บานเบอะ