การจดบันทึก
คิดถึงเรื่องนี้เนื่องจากระหว่าง “ฟัง” เห็นคนรอบๆ ตัว “จด” เลยเหลือบตาซ้ายขวา น้องเอ๋ จดด้วยลายมือสวยงาม คุณใหญ่จดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย คุณอ้อเขียนหัวข้อไว้จากนั้นเป็นหน้าว่างๆ ฟังสักพักจึงค่อนจด ส่วนของดิฉันนั้นโยงไปโยงมา และกลมๆ
ผู้สังเกตุว่าดิฉันชอบอะไรที่ “กลม” คือลูกสาว ลูกเคยถามว่าแม้รู้ตัวไหมว่าชอบอะไรกลมๆ แล้วยกตัวอย่าง ….จริงแฮะ เปิดตู้เสื้อผ้ามา จุดๆ เพียบ เลยพยายามหลีกเลี่ยง เพราะเค้าบอกว่าทำอะไรซ้ำๆ กันไม่ดี ต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ทางจิตวิทยาบอกว่า
Squiggle = A Squiggle is off-the-wall and creative. S/he feels best doing new and different things most of the time and gets bored with regularity. When given a task s/he will come up with bright ideas about it.
Circle = A Circle is social and communicative. No hard edges. S/he handles things by talking about them and smoothing things out with everybody. Communication is the first priority, and making sure there is harmony. When given a task s/he will talk about it.
ข้อมูลจากที่นี่ค่ะ http://www.gagirl.com/quiz/symbol-personality-quiz.html
ทางจิตวิทยามีเรื่องราวแบบนี้มากมายค่ะ จริงไม่จริงก้อรู้ไว้ใช่ว่า เผื่อมีใครถามจะได้ตอบได้
เรื่องราวของการจดบันทึกเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ทีเดียวเชียว ดิฉันได้ไปค้นคว้ามาแล้วบอกว่ามีถึง 5 แบบคือ 1) The Cornell Method 2) The Outlining Method 3) The Mapping Method 4) The Charting Method และ 5) The Sentence Method ทั้งหมดสรุปความมาจาก http://sas.calpoly.edu/asc/ssl/notetakingsystems.html หลังจากอ่านแล้วทบทวนตัวเองแล้วมีความเห็นว่าของเราใช้ทุกอย่างเลยแฮะ
เนื่องจากการจดบันทึกแบบคอร์แนล ดังระเบิดเถิดเทิงมากมีหลายบล๊อกที่เขียนถึง หากไม่เชื่อลองใส่คำค้นว่า “การจดบันทึกแบบคอร์แนล ลงในกูเกิ้ล” ก้อจะเห็นด้วยตาถึงความฮอตฮิต
The Cornell note-taking system สร้างสรรค์โดย ดร.Waiter Pauk ศาสตราจารย์ด้สนการศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์แนล เมื่อปี คศ.1950 ตามไปรายละเอียดได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Cornell_Notes
ไปค้นด้วยชื่อผู้แต่งพบว่าในรายการบรรณานุกรมหนังสือของเรามีสองเล่ม พอไปค้นใน one search มีถึง 142 รายการ พอไปค้น keyword พบงานวิจัยเรื่องนี้ The Impact of the Cornell Note-Taking Method on Students’ Performance in a High School Family and Consumer Sciences Class งานวิจัยของไทยก็มีนะคะเรื่อง การพัฒนาทักษะการเรียนโดยใช้รูปแบบการจดบันทึกคอร์เนลล์
ในวิชาการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น 2 ของนักเรียนพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ หรือว่าน่าจทำวิจัยกับพวกเราดีหว่า… หน้าตาของบันทึกเป็นแบบนี้คือ
ทั้งนี้แบ่งกระดาษออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกขวามือที่เป็นพื้นที่ใหญ่ๆ เรียกว่า Notetaking Column เอาไว้จดและจดเรื่องราวที่กำลังฟังพอ พอเริ่มใหม่ก็ให้เว้นบรรทัดซะหน่อยพองามให้ทราบว่าเรื่องใหม่แล้วนะจ๊ะ แล้วจะได้อ่านง่ายๆ ด้วย มีวิธีการที่ที่เรียกว่า the 5 R’s of note-taking คือ Record, Reduce, Review, Reflect และ Recite
ส่วนที่สองคือซ้ายมือ เรียกว่า Cue Column หมายถึงคำแนะนำ ใช้วิธีใส่ keyword หรือคำถามที่เราสงสัยในเรื่องที่เรากำลังฟัง เพียงแค่อ่านก็รู้เลยว่าคืออะไรโดยไม่ต้องไปอ่านส่วนที่ 1 ทั้งหมด และส่วนที่สามคือ Summary ส่วนนี้ไว้เขียนในอนาคต เมื่อเรานึกถึงเกิดรู้อะไรใหม่ๆ ก็ให้นำมาเขียนเพิ่มเติม และให้เขียนได้ต่อเมื่อเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง เมื่อเราไปพบเจออะไร/กลับมาทบทวนแล้วได้/มีความคิดเห็นอะไรก็ให้ใส่ไปในส่วนที่สาม
ส่วนท่านใดอยากนำไปใช้ เชิญที่นี่ค่ะ http://static.timeatlas.com/tutorials/CornellNotesTemplate.pdf
เมื่อนำไปใช้จริงตามประสบการณ์ที่ฝึกฝนจากการอ่านคือ การมีสติที่จะจดจ่อกับเรื่องที่เราฟัง เช่น เมื่อฟังสัมมนาวิทยากรจะพูดไปเรื่อยๆ บางทีไม่ไปตามหัวข้อ หรือฟังจนหัวเราะท้องแข็ง หรือฟังแล้วง่วง แต่หน้าที่ของเราคือฟังและติดตามเนื้อหาพอได้ก็จดบันทึก ไม่ทันก็ถามเพื่อน ส่วนเพื่อนที่หาสาระไม่ได้ก็เอาไว้ด้านใดด้านหนึ่ง อย่าให้มาขนาบทั้งซ้ายขวา และการมีสติก็ไม่ได้หมายถึงต้องนิ่ง เงียบ คิดและคุยเรื่องอื่นไม่ได้ รวมทั้งใช้ social media ไม่ได้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นไม่กี่นาทีคงหลับ Zzzzzzz
เมื่อจดบันทึกเรียบร้อยแล้ว จากนั้นใส่ keyword ที่เราเข้าใจลงไป อันนี้ไม่ต้องถามเพื่อน เพราะเพื่อนไม่เข้าใจอะไรกับเราด้วย แล้วให้พูดเสียงดังๆ แบบอื้ออึงกับตัวเอง คำว่าอื้ออึงหมายถึงพูดในใจแบบดังในอก เพราะหากมีเสียงจะดูไม่งาม ซึ่งความจริงนักวิชาการแนะนำให้พูดเสียงดัง แต่สถานการณ์ไม่อำนวย ดิฉันมักใช้วิธีนี้พูดระหว่างขับรถ ขณะพูดกับตัวเองก็คิดตาม ไม่ใช้พูดแบบนกแก้วนกขุนทอง การพูดกับตัวเองจะเป็นการฝังเข้าไปในสมองให้เราจำ ….โปรดย้อนไปถึงคลาสที่พวกเราเคยอบรมเรื่องเทคนิคการจำเมื่อปีก่อน … ก็ไม่ยากอะไรแค่ทำตามคำไทยที่บอกว่า จดจำ
ที่เขียนเรื่องนี้เนื่องจากคุณพี่แมว หัวหน้าหอสมุดฯ ท่านได้ให้โจทย์แล้วให้ตอบคำถาม ง้ายยยง่ายยย แบบขำๆ เป็นเรื่องของความใจใส่ในเรื่องราวของบ้านหลังที่สอง แต่ท่านวิพากษ์ให้ฟังว่า เหตุไฉนไยเขียนตอบมาแล้วท่านอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงทำให้นึกถึงเรื่องนี้อีกครั้ง และคิดว่าน่าจะขยายมุมมองตามประสบการณ์ของตัวเรา
ส่วนคะแนนที่ได้เป็นเช่นนี้แล….
ปล. เมื่อดิฉันเขียนไปเขียนมาดิฉันอยากไปคอร์แนล 😛
One thought on “การจดบันทึก”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ปอง เรื่องที่นำเสนอข้างต้น ป้าแมวเสนอให้นำมาถ่ายทอดแก่น้องๆ เอาแบบของคอร์แนล ดูแบบแล้ว ตอนเป็นนักเรียนตั้งแต่ชั้นม.ศ.1 จนมหาวิทยาลัย(โท) ป้าแมว แบ่งหน้าสมุดเป็น 2 ซีก ซ้าย 1ส่วน ขวา 2 ส่วน ซ้ายเอาไว้เม้นท์เอง หรือที่สำคัญ ขวาจดดะตามที่ครูพูด ส่วนล่างไม่เคยทำ
Mapping ก็เคยทำ แต่ใส่ใน สี่เหลี่ยม แต่ที่เรียนรู้ผ่านไปบอกว่าไม่ให้ใส่กรอบ มันตันง่ะ
การจดบันทึก ป้าว่าหลายคนมีปัญหา