นิยม ปานปรีชา…ราชาโรงหนังชั้น ๒ เศรษฐีจากภูธร

คุณลุงนิยม ปานปรีชา หรือที่วงการภาพยนตร์ มักเรียกกันว่าป๋านิยม เป็นชาวนครปฐมแต่กำเนิด เกิดมาจนปัจจุบันถึง ๔ แผ่นดิน คุณลุงเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๐ ในช่วงต้นของรัชกาลที่ ๗ โดยคุณพ่อคือนายเยิ้ม แซ่โค้วเป็นหนุ่มเมืองเพชร ล่องเรือมาเร่ขายผ้า จนมาพบรักและแต่งงานฝากตัวเป็นเขยสามพราน กับคุณแม่ผิว ปานปรีชา นามสกุลเดิม คือ นาคนาเกร็ด แล้วมาตั้งรกรากทำมาค้าขายที่นครปฐมตั้งแต่เมื่อครั้งยังหนุ่มสาว โดยมีบ้านเป็นห้องแถวไม้ตั้งอยู่ระหว่างกลางซอย ๑ กับซอย ๒ บนถนนทิพากร

การมาทำมาค้าขายที่นครปฐมครั้งแรกนั้นคุณลุงนิยมเล่าว่า คุณยาย คือ แม่ผิวนั้น เป็นคนทำมาหากินขยันขันแข็ง
เมื่อแรกมาอยู่ทำกิจการขายที่นอน ซึ่งผลิตกันเอง เป็นอุตสาหกรรมเล็กๆ ในครอบครัว มีแรงงานญาติๆ ช่วยเพียง ๒-๓ คน รวมทั้งเด็กน้อยวัยประถม ๗-๘ ขวบ คือ คุณลุงนิยมเองก็มีหน้าที่ในการยัดนุ่นที่นอน

ในยุคนั้นที่นอนแม่ผิวเป็นที่ต้องการของผู้ใช้มากด้วยมีคุณภาพดี ไม่ปลอมผ้า ไม่ปนนุ่นเก่า โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่จะออกเรือน จะต้องมาสั่งทำที่นอนกันล่วงหน้าเป็นแรมเดือน ด้วยสนนราคาที่สร้างรายได้ถึงลูกละราว ๘-๙ บาท ขณะที่ทองคำ มีค่าบาทละ ๔ บาท กิจการที่นอนแม่ผิวเติบโตโด่งดังจนข้ามถิ่น กระทั่งเริ่มมีผู้ผลิตรายอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น ทางโพธาราม ทางบ้านโป่ง ทางราชบุรี ซึ่งมีแรงงานกำลังการผลิตสูงกว่า ระยะต่อมาคุณยายจึงเลิกอาชีพทำที่นอนและไปเริ่มต้นอาชีพใหม่อีกหลายอาชีพ

ไม่ว่าจะเป็นการผลิตจักรยานจำหน่ายเป็นรายแรกของจังหวัดนครปฐม ชนิดไทยทำไทยใช้ ตั้งแต่วัสดุที่นำมาทำโดยไม่มีการสั่งซื้อวัสดุ หรืออาหลั่ยมาจากแหล่งใด ผลิตขึ้นเองทั้งสิ้น การจำหน่ายจักรยาน ที่อาจเรียกว่าแฮนด์เมคคงอยู่ในระยะหนึ่ง กระทั่งเริ่มมีร้านจักรยานใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น ถิระพาณิชย์ ซึ่งจำหน่ายจักรยานนำเข้าหลากหลายยี่ห้อ จักรยานแม่ผิวก็เลิกกิจการไป

หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าสู่วิกฤตสงครามโลก ครั้งที่ ๒ นครปฐมเป็นจังหวัดหนึ่งที่เป็นจุดพักของทหารญี่ปุ่น มีการสร้างค่ายทหารและพักเชลยศึกที่บริเวณใกล้วัดกลาง ตำแหน่งในปัจจุบันคือบริเวณสามแยกบ้านคุณสุเทพ สืบเสาะ อดีตข้าราชการสรรพากรจังหวัดนครปฐม  ซึ่ง ณ ค่ายทหารญี่ปุ่นนี้ เด็กหนุ่มวัยคนองราวชั้นมัธยม อย่างคุณลุงนิยมและเพื่อนพ้องต่างพากันไปสร้างวีรกรรม ด้วยการลักลอบเข้าไปนำกางเกงเวสป๊อยท์อันลือเลื่องกลับมาเชยชม

ในระยะนี้คุณยายผิวได้ริเริ่มกิจการโรงแรมเล็กๆ โดยชั้นล่างบริการกาแฟ ส่วนชั้นบนเปิดเป็นห้องพักชั่วคราวและค้างคืน
มีทั้งชาวญี่ปุ่น และชาวไทยมาใช้บริการกันไม่ขาดสาย ซึ่งในระหว่างนี้คุณลุงนิยมได้เข้าไปอาศัยอยู่ที่วัดบวรนิเวศ
เพื่อเรียนในระดับปริญญาตรี ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง กระทั่งภาวะสงครามเริ่มเข้าขั้นวิกฤต คุณลุงต้องทิ้งการเรียนกลับบ้านเพียงนั้น

ขณะเดียวกันทางนครปฐมแม่ผิวก็จำต้องปิดโรงแรม และหนีภัยสงครามซึ่งเริ่มมีการทิ้งระเบิดที่ต่างๆ ในนครปฐม ครอบครัวทุกคนจึงกลับมาอยู่พร้อมหน้าที่บ้านหอมเกร็ด สามพราน กระทั่งผ่านเวลาไปร่วม ๓-๔ ปี จึงพากันอพยพกลับคืนนครปฐมอีกครั้ง

เหตุการณ์ทิ้งระเบิดญี่ปุ่นครั้งนี้ ผู้เขียนตั้งข้อสันนิษฐานว่า สถานที่สำคัญหลายๆ แห่งในจังหวัด คงได้รับความเสียหายไปด้วย รวมถึงวัดกลางที่คงเหลือไว้แต่ชื่อ สี่แยกวัดกลาง ในปัจจุบันก็น่าจะเสียหายเพราะเหตุที่อยู่ใกล้ค่ายทหารญี่ปุ่นก็เป็นได้

เรื่องราวของราชาโรงหนังชั้น ๒ เศรษฐีจากภูธร ยังมีอีกหลากเรื่องราวสนุกสนานและประทับใจ
ผู้เขียนได้แต่หวังว่าหากโอกาสอำนวย คงได้มีเรื่องของท่านมาเล่าสู่กันฟังอีกครา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *