พระพุทธเกษตรานุรักษ์ กับคุกกลางเมืองนครปฐมและอนุสาวรีย์คนคุก

เมื่อหลวงตรุพรรคบริบาล (พี เคหะนันทน์) บุตรและญาติพี่น้องจะปลงศพรองอำมาตย์เอก พระพุทธเกษตรา-
นุรักษ์ (โพธิ์ เคหะนันทน์) ได้ขอให้ราชบัณฑิตยสภาจัดพิมพ์หนังสืองานศพ โดยขอให้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ นายกราชบัณฑิตยสภา ทรงแต่งประวัติพระพุทธเกษตรฯ ด้วยเห็นว่าท่านทรงรู้จักเป็นอย่างดีกว่าใคร พระองค์ทรงให้ความเห็นว่าไม่เพียงแต่เรื่องประวัติ หากคุณวิเศษของพระพุทธเกษตรฯ ก็แปลกกว่าคนอื่นโดยมาก สมควรจะแสดงไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง จึงทรงรับแต่งหนังสือเพื่อการครั้งนั้น คือ เรื่องสนทนากับผู้ร้ายปล้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเรียบเรียงกับเรื่องประวัติฯ พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ รองอำมาตย์เอก พระพุทธเกษตรานุรักษ์ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๓ โดยทรงกล่าวถึงประวัติในตอนต้นเรื่อง แล้วจึงทรงเรื่องสนทนากับผู้ร้ายปล้น ในลำดับหลังเพราะเรื่องการสนทนานี้เนื่องเกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเกษตรฯ

ในที่นี้จะนำเพียงส่วนประวัติของพระพุทธเกษตรฯ ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ทรงพระนิพนธ์มาเล่าสู่ด้วยคงถ้อยคำและภาษาตามต้นฉบับเพื่อให้เห็นในพัฒนาการด้านภาษาไปในที จากหนังสือที่ระลึกดังกล่าวข้างต้นในส่วนประวัติของพระพุทธเกษตรฯ นั้น จะทำให้เราทราบถึงมูลเหตุของการสร้างคุกขนาดใหญ่ ที่ใหญ่ยิ่งกว่าเมือง หรือ มณฑลใดใดในครั้งนั้น และยังตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางเมืองนครปฐมอันมีพระมหาเจดีย์สถิตย์อยู่ กับทั้งทรงมี
พระราชดำริหากจะสร้างอนุสรณ์ใดก็เห็นควรเป็นอนุสาวรีย์คนคุกผู้หักร้างถางพง พลิกบ้านป่าเมืองร้างกลับคืนความเจริญมาจนทุกวันนี้

…ด้วยประจวบเวลาย้ายที่ว่าการมณฑลนครชัยศรีจากริมแม่น้ำขึ้นไปตั้งณะตำบลพระปฐมเจดีย์
ท้องที่ตำบลนั้นยังเป็นที่ร้างและป่าเปลี่ยวอยู่โดยมาก
…มีการที่จะต้องสร้างเมืองนครปฐมขึ้นใหม่ทั้งเมือง
คือว่าจะต้องทำที่ป่าให้เป็นถนนหนทางและเป็นที่สร้างสถานต่าง ๆ …
อันเป็นการใหญ่เกินกว่าที่จะหมายขอเงินหลวง …
เจ้าพระยาศรีวิชัยฯ จึงคิดจะสร้างเมืองนครปฐม
ด้วยใช้แรงนักโทษทำทุกอย่างเว้นแต่ที่ไม่สามารถด้วยจะทำได้
ข้อนี้เป็นเหตุให้ตั้งบริเวณเรือนจำที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ใหญ่โตกว่าเรือนจำเมืองอื่น ๆ …
… และเป็นเหตุให้พระพุทธเกษตร ฯ ได้เป็นนายงานสร้างเมืองนครปฐม …

ประวัติ
พระพุทธเกษตรานุรักษ์ (โพธิ์ เคหะนันทน์) เป็นชาวบ้านท่าใหม่ แขวงจังหวัดชัยนาท เกิดในรัชชกาลที่ ๓ เมื่อ
วันที่ ๕ พฤษภาคม ปีระกา พ.ศ. ๒๓๙๒ สกุลเป็นราษฎรมีถิ่นฐานทำไร่นาเป็นอาชีพ เมื่อยังเยาว์ได้รับความอบรมและบวชเรียนตามประเพณีในภูมิลำเนา แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นเข้ามาเป็นทนายอยู่กับหลวงอังคนิสรพลารักษ์ (จันทร์ แสงชูโต) นายทหารมหาดเล็ก ผู้เป็นพี่เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนายร้อยทหารมหาดเล็ก มีสังกัดอยู่ในกองร้อยที่ ๖ ซึ่งเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เมื่อยังเป็นนายร้อยเอก จมื่นสราภัยสฤดิการ เป็นผู้บังคับการ เห็นเจ้าพระยาสุรศักดิ์ฯ เรียกนายโพธิ์ (คือพระพุทธเกษตรฯ) ซึ่งเป็นผู้ทำงานคล่องแคล่วมาใช้สอยเนือง ๆ ก็ได้เริ่มรู้จักกับข้าพเจ้า เมื่อราว พ.ศ. ๒๔๑๙ แต่ต่อมาเมื่อหลวงอังคนิสรฯ ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระยาสุนทรสงคราม ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นายโพธิ์ตามออกไปอยู่เมืองสุพรรณ ข้าพเจ้ามิได้พบปะเกือบ ยี่สิบปี จะได้ไปเป็นตำแหน่งหน้าที่อันใดบ้างหาทราบไม่ มาทราบภายหลังแต่ว่าเคยอาสาจับผู้ร้ายได้รางวัล ๔๐๐ บาทครั้ง ๑ แต่เมื่อพระยาสุพรรณ (จันทร์ แสงชูโต) สิ้นชีพแล้ว นายโพธิ์ต้องตกยากตะกรากตะกรำอยู่หลายปี มามีโอกาสเกิดขึ้นเมื่อเจ้าพระยาศรีวิชัยชนินท์ร (ชม สุนทรารชุน) ได้เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครชัยศรี เมื่อยังเป็นที่พระยาสุนทรบุรี ชวนนายโพธิ์เข้ารับราชการเป็นภารโรงเรือนจำมณฑลนครไชยศรี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ จึงเริ่มปรากฏคุณวิเศษ
ด้วยประจวบเวลาย้ายที่ว่าการมณฑลนครชัยศรีจากริมแม่น้ำขึ้นไปตั้งณะตำบลพระปฐมเจดีย์ ท้องที่ตำบลนั้นยังเป็นที่ร้างและป่าเปลี่ยวอยู่โดยมาก แม้ที่ทำการรัฐบาลในชั้นแรกก็ต้องไปอาศัยอยู่ในพระระเบียงและวิหารทิศศาลาพระปฐมเจดีย์ มีการที่จะต้องสร้างเมืองนครปฐมขึ้นใหม่ทั้งเมือง คือว่าจะต้องทำที่ป่าให้เป็นถนนหนทางและเป็นที่สร้างสถานต่าง ๆ สำหรับรัฐบาล ทั้งสร้างที่พักข้าราชการตลอด(จน)สร้างตลาดยี่สานสำหรับเมือง
อันเป็นการใหญ่เกินกว่าที่จะหมายขอเงินหลวงมาจ่ายให้พอแก่การได้ เจ้าพระยาศรีวิชัยฯ จึงคิดจะสร้างเมืองนครปฐมด้วยใช้แรงนักโทษทำทุกอย่างเว้นแต่ที่ไม่สามารถด้วยจะทำได้ ข้อนี้เป็นเหตุให้ตั้งบริเวณเรือนจำที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ใหญ่โตกว่าเรือนจำเมืองอื่น ๆ ด้วยจำนงจะรวมนักโทษจังหวัดอื่นในมณฑลเดียวกันมาไว้ใช้ให้มาก และเป็นเหตุให้พระพุทธเกษตร ฯ ได้เป็นนายงานสร้างเมืองนครปฐมโดยฐานที่เป็นพะทำมะรง ครั้งนั้นข้าพเจ้าเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย พอมีรถไฟไปพระปฐมเจดีย์ได้ง่าย ข้าพเจ้าก็มักออกไปพระปฐมเจดีย์เนือง ๆ เพื่อผ่อนพักสำราญอิริยาบถบ้าง ไปตรวจจัดราชการบ้าง ได้กลับพบปะพระพุทธเกษตร ฯ เมื่อยังเป็น
นายโพธิ์ พะทำมะรง และได้ใช้สอยใกล้ชิดจนชอบพอสนิทสนมแต่นั้นมา จึงแจ้งใจว่าเป็นผู้ทรงคุณวิเศษหลายอย่าง ดังจะพรรณนาไว้ ในหนังสือนี้

…นักโทษเรือนจำมณฑลนครชัยศรีไม่รู้จักหนี…
…นักโทษรักใคร่นับถือ ถึงพากันเรียกว่า “คุณพ่อ” ทั้งเรือนจำ
และคำว่าคุณพ่อนั้นเลยเป็นชื่อสำหรับผู้อื่นเรียก อย่างนามฉายา
ของพระพุทธเกษตร ฯ (โพธิ์) แพร่หลายในบริเวณเมืองนครปฐม…

คุณวิเศษของพระพุทธเกษตร ฯ
๑. คุณวิเศษของพระพุทธเกษตร ฯ (โพธิ์) อย่างหนึ่งนั้นคือฉลาดในการควบคุมนักโทษ ถึงขึ้นชื่อลือนามในสมัยนั้นว่า นักโทษเรือนจำมณฑลนครชัยศรีไม่รู้จักหนี และอาจจ่ายไปทำการงานณที่ต่าง ๆ เช่น ทำการซ่อมแซมรักษาพระปฐมเจดีย์และตามบ้านข้าราชการได้โดยมิต้องมีผู้คุม ในข้อนี้ข้าพเจ้าเคยถามพระพุทธเกษตร ฯ ว่าแกใช้วิธีอย่างไรจึงเลี้ยงนักโทษให้เชื่องได้ถึงไม่รู้จักหนี แกตอบว่าที่พูดกันนั้นเกินไปนวิสัยคนที่มันชั่วติดสันดานแล้วถึงจะทำอย่างไรก็แก้ไม่ไหว วิธีของแกนั้นคือเมื่อมีนักโทษส่งไปเรือนจำ ขั้นแรกแกเอาไว้ใช้แต่ในเรือนจำก่อน จนสังเกตเห็นคนไหนนิสสัยใจคอเป็นคนอย่างไร ถ้าเห็นว่าใจคอเหี้ยมโหดบึกบึน แกก็ไม่จ่ายออกทำการงานนอกเรือนจำ จ่ายแต่จำพวกที่เห็นว่ารู้สึกรักดีอยู่บ้าง ถึงจำพวกนั้นถ้ายังจะต้องติดอยู่นานก็ต้องให้มีผู้ควบคุมไปทำการ พวกที่แกปล่อยให้ไปทำการโดยลำพังนั้นฉะเพาะแต่พวกนักโทษที่จวนจะพ้นโทษอันย่อมรู้สึกว่าถ้าหนีอาจจะกลับติดอีกหลายปีจึงไม่หนี แต่ที่ว่าไม่มีนักโทษหนีเลยนั้นหาจริงไม่ นาน ๆ ก็มีบ้าง ถ้าเป็นแต่ฟังอธิบายของพระพุทธเกษตรฯ ดูก็ไม่เห็นแปลกกับวิธีที่ทำกันในเรือนจำแห่งอื่น ๆ ต่อพิเคราะห์ดูโดยสังเกตการนานมาจึงเห็นหตุ ว่าที่จริงนั้นเป็นด้วยพระพุทธเกษตร ฯ แกมีอุปนิสสัยฉลาดในการสังเกตกิริยาอัชฌาสัยคนดีกว่า
พะทำมะรงอื่น ๆ อย่าง ๑ รู้จักเลี้ยงน้ำใจนักโทษอย่าง ๑ การปกครองนักโทษเหมือนอย่างพ่อเลี้ยงลูก ถึงจะใช้สอยงานหนักหรือจะลงอาชญารักษาวินัยของเรือนจำ ก็ทำโดยไม่ขาดเมตตาจิตต์ และคอยเอาเป็นธุระรักษาพยาบาลนักโทษที่เจ็บป่วย ทั้งช่วยเหลือเกื้อกูลด้วยความกรุณามิให้ได้ความเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น ว่าโดยย่อเพราะแกประพฤติพรหมวิหารธรรมเป็นนิจนั้นเอง เป็นเหตุให้ นักโทษรักใคร่นับถือ ถึงพากันเรียกว่า “คุณพ่อ” ทั้งเรือนจำ และคำว่าคุณพ่อนั้นเลยเป็นชื่อสำหรับผู้อื่นเรียก อย่างนามฉายาของพระพุทธเกษตร ฯ (โพธิ์) แพร่หลายในบริเวณเมืองนครปฐม

ในสมัยนั้นข้าพเจ้ากำลังปรารภจะจัดระเบียบการเรือนจำตามหัวเมืองอยู่ด้วย เมื่อสังเกตเห็นพระพุทธเกษตร ฯ ปกครองนักโทษเมืองนครปฐมเรียบร้อยดีกว่าแห่งอื่น ๆ จึงลองวางระเบียบการเรือนจำที่เมืองนครปฐมเป็นตัวอย่างโดยอาศัยพระพุทธเกษตร ฯ เป็นที่ปรึกษาและ ให้เป็นผู้ทดลองระเบียบต่าง ๆ ที่คิดขึ้นใหม่ ให้รู้แน่ว่าจะใช้ได้หรือจะขัดข้องต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง จะกล่าวพอเป็นตัวอย่างดังเช่นวิธีทำครัวสำหรับเลี้ยงนักโทษ เดิมจ้างบุคคลภายนอกเข้าไปเป็นนายครัว มีผลไม่พอใจด้วยสิ้นเปลืองเกินขนาด และอาหารที่ประกอบก็มิใคร่พอใจนักโทษ จึงเปลี่ยนวิธีให้นักโทษทำครัวเอง ให้พะทำมะรงเป็นผู้จ่ายตลาด ตัดการสิ้นเปลืองลงได้ แต่อาหารที่นักโทษทำนั้น นักโทษอื่นก็ยังไม่พอใจกินอยู่นั่นเอง จึงลองคิดวิธีใหม่อีกอย่างหนึ่ง คือให้นักโทษในเรือนจำเลือกกันเป็นนายครัวคนหนึ่ง อย่างให้ราษฎรเลือกผู้ใหญ่บ้าน นักโทษที่ได้รับเลือกนั้นยกขึ้นเสมอนายตรวจ คือไม่ต้องทำการงานอย่างอื่นนอกจากดูแลการครัว แต่ถ้านักโทษโดยมากไม่พอใจขอให้เปลี่ยนเมื่อใด นายครัวที่ถูกเอาออกก็ต้องกลับไปทำการหนักอย่างเดิม พระพุทธเกษตร ฯ จัดทดลองวิธีนี้ได้ผลดี จนได้ใช้เป็นแบบในเรือนจำทุกมณฑลในสมัยนั้น ระเบียบการอย่างอื่น ๆ ก็จัดขึ้นที่เรือนจำที่มณฑลนครชัยศรีก่อนโดยทำนองเดียวกัน จนเห็นว่าเรือนจำมณฑลนครชัยศรีเรียบร้อยสมควรเป็นตัวอย่างได้ ข้าพเจ้าสั่งให้พะทำมะรงมณฑลอื่น ๆ มาศึกษา
แบบอย่างที่เรือนจำมณฑลนครชัยศรี พวกพะทำมะรงมณฑลต่าง ๆ ได้มาเป็นศิษย์ศึกษาระเบียบการเรือนจำไปจากพระพุทธเกษตร ฯ เลยนับถือกันในส่วนตัวว่าเป็นครูมาช้านาน จนหมดตัวคนชุดนั้น ส่วนเรือนจำมณฑลนครชัยศรีก็ขึ้นชื่อลือเลื่องว่าเป็นเรือนจําจัดดีที่สุดในสมัยนั้น จน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าไปทอดพระเนตร เมื่อเสด็จประพาสเมืองนครปฐมครั้งหนึ่ง ได้ทรงรู้จักและทรงตรัสชมพระพุทธเกษตร ฯ ในครั้งนั้น ถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระเมตตากรุณาพระพุทธเกษตร ฯ มาตั้งแต่ก่อนเสวยราชย์ ด้วยโปรดเสด็จไปประพาสเมืองนครปฐม และเริ่มทรงสร้างพระราชวังสนามจันท์ พระพุทธเกษตรฯ มีหน้าที่ทำการต่าง ๆ สนองพระเดชพระคุณตั้งแต่ครั้งนั้นสืบต่อมาจนตลอดรัชชกาลที่ ๖

…ถ้าเป็นเมืองฝรั่งกลางวงเวียนเช่นนี้เขามักทำอนุสสาวรีย์รูปเป็นที่ระลึก
ถ้าจะทำอนุสสาวรีย์ในการสร้างเมืองนครปฐม ข้าพเจ้าเห็นว่าควรจะทำเป็นรูปนักโทษ
เพราะสร้างเมืองนครปฐมสำเร็จได้ด้วยแรงนักโทษ…

๒. คุณวิเศษของพระพุทธเกษตร ฯ อีกอย่างหนึ่งนั้น คือ ทำการโยธา เพราะได้เป็นพะทำมะรงประจวบสมัยสร้างเมืองนครปฐม ซึ่งต้องอาศัยใช้แรงนักโทษเป็นสำคัญดังกล่าวมาแล้ว ในบรรดาการที่สร้างด้วยแรงนักโทษ เช่น ทำถนนหนทางก็ดี ปราบแต่งพื้นที่พระราชวัง พระราชอุทยาน และสถานที่ทำราชการต่าง ๆ ตลอดจนที่จวนที่พักข้าราชการ และตลาดยี่สาน บ่อน้ำบาดาลที่เมืองนครปฐมนั้นก็ดี พระพุทธเกษตรฯ ได้เป็นผู้อำนวยการหรือได้มีส่วนช่วยทำสิ่งนั้น ๆ ทั่วไป ถึงการที่ปฏิสังขรณ์และรักษาพระปฐมเจดีย์ตลอดไปทั่วทั้งบริเวณพระพุทธเกษตรฯ ก็ได้อำนวยการโดยมาก เพราะพระพุทธเกษตรฯ ชำนาญการโยธาและได้ทำการเป็นอันมากดังปริยายที่กล่าวมา เมื่อจัดตั้งสุขาภิบาลเมืองนครปฐม พระพุทธเกษตรฯ จึงได้เป็นตำแหน่งและมีหน้าที่สำคัญในกรรมการสุขาภิบาลจนออกจากตำแหน่งพะทำมะรงด้วยความแก่ชรา

เนื่องในเรื่องสร้างเมืองนครปฐมครั้งหนึ่งข้าพเจ้าออกไปพักอยู่ที่เมืองนครปฐมเมื่อทำถนนรอบองค์พระปฐมสำเร็จแล้วทั้ง ๔ ด้าน เจ้าพระยาศรีวิชัยฯ หารือข้าพเจ้าว่าตรงกลางวงเวียนที่ถนนหน้าพระต่อกับถนนเทศานั้น จะทำ
เสาโคมหรืออะไรเป็นเครื่องประดับดี ข้าพเจ้าเคยพูดเล่นกับเจ้าพระยาศรีวิชัยว่า ถ้าเป็นเมืองฝรั่งกลางวงเวียนเช่นนี้เขามักทำอนุสสาวรีย์รูปเป็นที่ระลึก ถ้าจะทำอนุสสาวรีย์ในการสร้างเมืองนครปฐม ข้าพเจ้าเห็นว่าควรจะทำเป็นรูปนักโทษ เพราะสร้างเมืองนครปฐมสำเร็จได้ด้วยแรงนักโทษ ในเวลานั้นข้าพเจ้าเล่นถ่ายรูปอยู่แล้ว ผะเอิญมีนักโทษที่เขาจ่ายให้มารักษาพื้นที่บังกะโลที่ข้าพเจ้าอยู่ จึงเรียกนักโทษคนหนึ่งให้มายืนทำท่าอนุสสาวรีย์แล้วถ่ายรูปไว้ดูเล่น มานึกขึ้นถึงรูปนั้นเมื่อแต่งประวัตพระพุทธเกษตร ฯ ครั้งนี้ จึงให้ค้นได้มาจำลองพิมพ์ไว้ในสมุดนี้ อุทิศให้เป็นเกียรติยศแก่พระพุทธเกษตร ฯ เพราะทรงคุณวิเศษในการควบคุมนักโทษไม่มีใครเสมอ

๓. คุณวิเศษของพระพุทธเกษตร ฯ อีกอย่างหนึ่งนั้น คือเรื่องสืบโจรผู้ร้าย เรื่องนี้มิใคร่มีใครรู้ เพราะตัวแกเองก็พอใจปกปิดในสมัยเมื่อเจ้าพระยาศรีวิชัยฯ เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครชัยศรีนั้น ขึ้นชื่อลือเกียรติว่าถนัดในการสืบสวนจับกุมโจรผู้ร้ายยิ่งนัก ก็วิธีสืบสวนโจรผู้ร้ายของเจ้าพระยาศรีวิชัยนั้นมีหลายอย่าง ดูเหมือนข้าพเจ้าจะได้พรรณนาไว้บ้าง ในเรื่องประวัติของเจ้าพระยาศรีวิชัย ฯ ซึ่งแต่งให้เมื่อปลงศพ วิธีอย่างหนึ่งของเจ้าพระยา
ศรีวิชัยฯ นั้น ใช้สืบถามพวกนักโทษที่เป็นโจรผู้ร้ายมาติดอยู่ในเรือนจำ ด้วยคนเหล่านั้นมักรู้จักพวกนักเลงที่เป็นโจรผู้ร้ายตามท้องที่ และรู้ที่สำนักและวิธีการของพวกโจรผู้ร้าย แต่โดยปกติมักไม่บอกออกเปิดเผยโดยกลัวอันตรายในเวลาเมื่อพ้นโทษไป เจ้าพระยาศรีวิชัย ฯ มอบหน้าที่การสืบในเรือนจำให้พระพุทธเกษตร ฯ หัดนักโทษที่ไว้วางใจให้เป็นนักสืบช่วยธุระเจ้าพระยาศรีวิชัย ฯ ได้มาก บางทีก็พูดจาเกลี้ยกล่อมเองให้โจรผู้ร้ายสารภาพเสียตามสัตย์จริง ผู้ร้ายที่สนทนากับข้าพเจ้าในเรื่อง “สนทนากับผู้ร้ายปล้น” ซึ่งพิมพ์ในสมุดเล่มนี้ พระพุทธเกษตรฯ ก็ได้เกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพ ข้าพเจ้าจึงได้เลือกหนังสือสนทนากับผู้ร้ายปล้นมาพิมพ์แจกในงานศพพระพุทธเกษตร ฯ

๔.พระพุทธเกษตร ฯ ได้ทำคุณวิเศษนอกหน้าที่อย่างหนึ่ง คือคิดตั้งโรงเรียนสอนเด็กชาวบ้านขึ้นในบริเวณชั้นนอกเรือนจำ อันเป็นที่อยู่ของพระพุทธเกษตรฯ แกจัดบำรุงโรงเรียนนั้นขึ้นโดยลำดับ มีผู้นิยมส่งเด็กเข้าเล่าเรียนมากจนเป็นโรงเรียนใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองนครปฐม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “โรงเรียนวิชชาชำนะโฉด” ครั้นต่อมารัฐบาลรับโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนหลวง ย้ายไปตั้งที่ตำบลห้วยจรเข้ เรียกนามว่าโรงเรียน(พระ)ปฐมวิทยาลัย ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

บำเหน็จรางวัลของพระพุทธเกษตร ฯ
คราวนี้จะว่าถึงยศศักดิ์และบำเหน็จรางวัลที่พระพุทธเกษตรฯ ได้รับพระราชทานมาแต่หนหลัง คือชั้นแรกได้รับประทวนเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยตั้งเป็นที่หลวงชัยอาญา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๔ อยู่ในตำแหน่งนี้มาจนตลอด
รัชชกาลที่ ๕ ครั้นถึงรัชชกาลที่ ๖ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนเป็นหลวงชัยราชรักษา คงเป็นตำแหน่งพะทำมะรงมณฑลนครชัยศรีต่อมาจนถึง พ.ศ. ๒๔๕๙ เมื่อรับราชการในตำแหน่งพะทำมะรงมณฑลนครชัยศรีมาได้ ๑๕ ปี พระพุทธเกษตร ฯ รู้สึกตัวว่าแก่ชราเกิดทุพลภาพจะไม่สามารถรับราชการหนักได้ดังแต่ก่อน ขอลาออกจากตำแหน่งพะทำมะรง แต่สมุหเทศาภิบาลเสียดาย เห็นว่ายังจะพอทำการที่ไม่สู้หนักหนาได้ ๆ นำความขึ้นกราบบังคมทูล ฯ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนเป็นที่หลวงพุทธเกษตรานุรักษ์ ตำแหน่งเจ้ากรม ข้าพระรักษาพระปฐมเจดีย์ ย้ายหน้าที่ไปทำการแต่ฉะเพาะดูแลปฏิสังขรณ์และรักษาพระปฐมเจดีย์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นพระพุทธ-เกษตรานุรักษ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ คงเป็นผู้รักษาพระปฐมเจดีย์ต่อมาอีก ๑๐ ปี จนในรัชกาลปัจจุบันนี้ เมื่อถึง พ.ศ. ๒๔๗๒ ปลกเปลี้ยด้วยอายุมาก ไม่สามารถจะทำราชการได้ จึงได้ปลดออกจากราชการ รับพระราชทานเบี้ยบำนาญแต่นั้นมาจนตลอดอายุ

ส่วนเครื่องราชอิสสริยาภรณ์นั้น ในรัชชกาลที่ ๕ ได้รับพระราชทานเหรียญทอง เครื่องราชอิสสริยาภรณ์ช้างเผือก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ ถึงในรัชชกาลที่ ๖ ได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ชั้นที่ ๔ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ เข็มข้าหลวงเดิม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ เข็มพระปรมาภิธัยทองคำ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ เครื่องราชอิสสริยาภรณ์เบ็ญจมาภรณ์มงกุฏสยาม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ ในรัชชกาลปัจจุบันนี้ ได้รับพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสสริยาภรณ์เบ็ญจมาภรณ์ช้างเผือก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐  นอกจากนี้ยังได้รับพระราชทานเหรียญที่ระลึกในงานพระราชพิธีตามบรรดาศักดิ์อีกหลายประการ

พระพุทธเกษตรานุรักษป่วยเป็นโรคชรา ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๓ คำนวณอายุได้ ๘๒ ปี
สิ้นประวัติพระพุทธเกษตรานุรักษเท่านี้

จากนั้นทรงกล่าวอนุโมทนาในกุศลซึ่งเจ้าภาพได้บำเพ็ญด้วยความกตัญญูกตเวที และทรงประทานพรแก่ผู้มรณะ (ลงพระนามดำรงราชานุภาพ นายกราชบัณฑิตยสภา วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๔๗๓)…

ที่มาข้อมูล
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเธอ กรมพระยา.  เรื่องสนทนากับผู้ร้ายปล้น.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๓.

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Translate »