พระปฐมวิทยาลัย…โรงเรียนตัวอย่างมณฑลนครชัยศรี

ป้ายชื่อโรงเรียนวิชาชำนะโฉด
อยู่ใต้พระลัญจกรของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร

ในตู้ไม้บานกระจกติดตั้งที่หน้าจั่วอาคารโรงเรียน และใช้ตราพระเกี้ยวเป็นตราของโรงเรียน

อาคารโบราณ 
เป็นอาคารเรือนไม้ทรงปั้นหยาชั้นเดียว 
ปัจจุบันใช้ชื่อว่า อาคารเกียรติยศ ภายหลังจากการอนุรักษ์โดยดีดอาคารยกขึ้น 

           
(ซ้าย) ภาพถ่ายหน้าโรงเรียนวิชาชำนะโฉด ซึ่งหลวงไชยอาญา  (โพธิ์ เคหะนันทน์) คิดการตั้งขึ้น ขณะรับราชการตำแหน่งพะทำมะรง เรือนจำมณฑลนครไชยศรี และต่อมาท่านได้เลื่อนขึ้นเป็นพระพุทธเกษตรานุรักษ์ ซึ่งเป็นนามที่คนมักคุ้น ขณะถึงแก่กรรมท่านมียศเป็นรองอำมาตย์เอกพระพุทธเกษตรานุรักษ์  (ขวา) เจดีย์บรรจุอัฐิรองอำมาตย์เอกพระพุทธเกษตรานุรักษ์ตั้งอยู่บนเขามอด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์

 

การศึกษาในสังคมไทยระยะแรกอาจกล่าวได้ว่าเริ่มจากวัดและวัง โดยกลุ่มผู้เรียนคงจำกัด
เพียงผู้ชายและในหมู่ชนชั้นสูง โอกาสในการเข้าถึงระบบการศึกษาในหมู่ประชาชนทั่วไป
เพิ่งเริ่มมีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ.2395 โดยมีการตั้งโรงเรียนเพื่อสอนเด็กชายขึ้น
ที่ ต.วัดแจ้ง และมีคณะมิชชันนารีได้ตั้งโรงเรียนแบบใหม่ขึ้นตามต่างจังหวัด

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการปฏิรูปการศึกษาแบบตะวันตกอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งเมื่อทรงปรับเปลี่ยนระบบการปกครองแบบรวมอำนาจสู่ศูนย์กลางโดยจัดตั้ง
มณฑลขึ้น ทำให้การศึกษาแบบใหม่กระจายตัวไปยังหัวเมืองอย่างแพร่หลาย กระทั่ง
เข้าสู่สมัยรัชกาลที่ 6 การขยายตัวทางการศึกษาได้เพิ่มมากขึ้นโดยลำดับ นอกจาก
การศึกษาภาคบังคับแล้ว ยังมีการศึกษาระดับมัธยม ระดับอุดมศึกษาและยังเกิดมี
การอาชีวะศึกษา และระบบการศึกษาแบบโรงเรียนประจำ ทั่วทั้งในกรุงเทพฯ
และมณฑลเทศาภิบาลที่จัดตั้งขึ้นทั่วประเทศ

สำหรับมณฑลนครไชยศรีซึ่งเป็นหัวเมืองสำคัญแห่งหนึ่ง ภายหลังจากการบูรณะปฏิสังขรณ์
พระปฐมเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ต่อเนื่องมาจนรัชกาลที่ 6 มีความเจริญขึ้น
อย่างมากในหลายๆ ด้าน รวมทั้งด้านการศึกษา และหากจะกล่าวถึงความเจริญแห่งเมืองนี้
ก็ไม่อาจจะละเลยความสำคัญของผู้ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างเมือง ดังผู้เขียนได้พบข้อมูล
จากความบางตอนในเรื่อง พระพุทธเกษตรตรานุรักษ์ (โพธิ์ เคหะนันท์)  ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2473 เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ
เรื่อง สนทนากับผู้ร้ายปล้น ซึ่งพิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ รองอำมาตย์เอก
พระพุทธเกษตรานุรักษ์ โดยได้กล่าวถึงการสร้างเมืองแห่งนี้ว่า

“เมื่อเจ้าพระยาศรีวิชัยชนินทร์ (ชม สุนทราชุน) ได้เป็นสมุหเทศาภิบาล
มณฑลนครชัยศรี เมื่อยังเป็นที่พระยาสุนทรบุรี ชวนนายโพธิ์เข้ารับราชการ
เป็นภารโรงเรือนจำมณฑลนครชัยศรีจากริมแม่น้ำขึ้นไปตั้ง ณ ตำบลพระปฐมเจดีย์
ท้องที่ตำบลนั้นยังเป็นที่ร้างและเป็นป่าเปลี่ยวอยู่โดยมาก แม้ที่ทำการรัฐบาล
ในชั้นแรกก็ต้องไปอาศัยอยู่ในพระระเบียงและวิหารทิศศาลาพระปฐมเจดีย์
มีการที่จะต้องสร้างเมืองนครปฐมขึ้นใหม่ทั้งเมือง คือว่าจะต้องทำที่ป่า
ให้เป็นถนนหนทางและเป็นที่สร้างสถานที่ต่างๆ สำหรับรัฐบาล
ทั้งสร้างที่พักข้าราชการตลอดสร้างตลาดยี่สานสำหรับเมือง
อันเป็นการใหญ่เกินกว่าที่จะหมายขอเงินหลวงมาจ่ายให้พอแก่การได้
เจ้าพระยาศรีวิชัยฯ จึงคิดจะสร้างเมืองนครปฐม
ด้วยใช้แรงงานนักโทษทำทุกอย่างเว้นแต่ที่ไม่สามารถจะทำได้

ข้อนี้เป็นเหตุให้ตั้งบริเวณเรือนจำ ที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ใหญ่โตกว่าเรือนจำอื่น
ด้วยจำนงค์จะรวมนักโทษจังหวัดอื่นในมณฑลเดียวกันมาไว้ใช้ให้มาก
และเป็นเหตุให้พระพุทธเกษตรฯ
ได้เป็นนายงานสร้างเมืองนครปฐมโดยฐานที่เป็นพะทำมะรง”

ทั้งนี้ บทความยังได้กล่าวถึงว่าขณะนั้นทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้มา
พระปฐมเจดีย์อยู่เนืองๆ เพื่อพักผ่อนบ้าง มาตรวจราชการบ้าง จึงได้พบปะพระพุทธเกษตรฯ
เมื่อยังเป็นนายโพธิ์ พะทำมะรง  และได้ทรงใช้สอยใกล้ชิดจนชอบพอสนิทสนมจนเป็นที่
แจ้งใจว่าเป็นผู้ทรงคุณวิเศษหลายอย่างทั้งในส่วนหน้าที่การงานโดยตรง คือ การดูแล
ควบคุมนักโทษ การจัดระเบียบเรือนจำ ตลอดจนการโยธาต่างๆ ซึ่งในสมัยสร้างเมืองนั้น
พระพุทธเกษตรฯ เป็นผู้ควบคุมการใช้แรงงานนักโทษในการทำและคุณวิเศษสำคัญ
อีกประการ คือ การคิดตั้งโรงเรียน โดยทรงกล่าวว่า

“พระพุทธเกษตรฯ ได้ทำคุณวิเศษนอกหน้าที่อย่างหนึ่ง
คือคิดตั้งโรงเรียนสอนเด็กชาวบ้านขึ้นในบริเวณชั้นนอกเรือนจำขึ้น
อันเป็นที่อยู่ของพระพุทธเกษตรฯ แกจัดบำรุงโรงเรียนนั้นเจริญขึ้นโดยลำดับ
มีผู้นิยมส่งเด็กเข้าเล่าเรียนมาก จนเป็นโรงเรียนใหญ่แห่งหนึ่งในนครปฐม
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
พระราชทานนามว่า “โรงเรียนวิชาชำนะโฉด”
ครั้นต่อมารัฐบาลรับโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนหลวงย้ายไปตั้งที่ตำบลห้วยจรเข้
เรียกนามว่า โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้”

การสร้างโรงเรียนของเรือนจำนี้ ผู้เขียนได้สืบค้น พบข้อมูลจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 25
หน้า 805-806 วันที่ 11 ตุลาคม รศ 127 ตรงกับ พ.ศ. 2451 เป็นแจ้งความจากกระทรวง
ธรรมการ แผนกศึกษามณฑล กล่าวว่า

 

นอกจากนี้ ผู้เขียนได้พบข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือ 111 ปี เรือนจำนครปฐม ซึ่งคณะ
ข้าราชการเรือนจำกลางนครปฐม โดยนายอภิชาติ ขุนเทพ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม
ในขณะนั้น มีแนวคิดที่จะเก็บรวบรวมเอกสารข้อมูลเรื่องราวของเรือนจำกลางนครปฐม
นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน คือในพุทธศักราช 2552 เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่สนใจ
ได้ศึกษาค้นคว้า โดยมอบหมายให้นายไพบูลย์ พวงสำลี เป็นผู้จัดทำ และปรากฏเรื่อง
การสร้างโรงเรียนอยู่ในบทความ เรื่อง คุณวิเศษนอกหน้าที่อย่างหนึ่ง คือ
คิดตั้งโรงเรียนสอนเด็กชาวบ้านขึ้น ในที่นี้จะยกความบางตอนมากล่าวเพื่อขยายความ คือ

“ท่านพระพุทธเกษตรานุรักษ์
(ขณะรับราชการตำแหน่งหลวงชัยอาญา พะธำมรงเรือนจำมณฑลนครชัยศรี)
ผู้เป็นกำลังสำคัญในการสร้างเมือง ท่านได้คิดถึงการศึกษาของประชาชน
จึงได้สร้างโรงเรียนขึ้นที่หน้าเรือนจำ บริเวณกำแพงชั้นนอก
โดยคัดเลือกนักโทษที่มีความรู้มาเป็นครูสอน ท่านสนใจและ
บำรุงโรงเรียนเจริญขึ้นตามลำดับ ชาวบ้านนิยมส่งบุตรหลานเข้าเข้าเรียนมากขึ้น
จนเป็นโรงเรียนใหญ่แห่งหนึ่งในนครปฐม

คำว่า วิชา  แปลว่า วิชา คำว่า ชำนะ  แปลว่า ชนะ คำว่า โฉด  แปลว่า โง่เขลา
จึงรวมความได้ว่า โรงเรียนวิชาชนะความโง่เขลา

ท่านพระพุทธเกษตรานุรักษ์ได้ทำป้ายชื่อ ตามนามพระราชทานว่า
โรงเรียนวิชาชำนะโฉด อยู่ใต้พระลัญจกรของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร
ในตู้ไม้บานกระจกติดตั้งที่หน้าจั่วอาคารโรงเรียน
และใช้ตราพระเกี้ยวเป็นตราของโรงเรียน

อาคารเรียนเป็นเรือนไม้ชั้นเดียว หลังคาจากยกพื้น
มีอุปกรณ์การเรียนการสอนพร้อมโต๊ะ ม้านั่ง กระดานดำ โต๊ะครู
เรียนตามหลักสูตรของกระทรวงธรรมการ สมัยนั้นมี 4 ชั้นเรียน
คือ ชั้นเตรียม ป 1  ป2  ป 3 การเรียนไม่เก็บค่าเรียน ค่าบำรุงแต่อย่างใด
ผู้ขาดแคลนยังแจกหนังสือ สมุด ดินสอให้ด้วย

พ.ศ 2452 ทางราชการจะตั้ง โรงเรียนดัดสันดาน เพื่ออบรมเด็กที่ต้องโทษ
จึงได้ซื้อที่ดินที่ตำบลห้วยจระเข้สร้างอาคารมีห้องครัว
ห้องฝึกอบรม ห้องนอน ห้องเจ้าหน้าที่
เมื่อสร้างเสร็จมีผู้กราบบังคมทูลว่าโรงเรียนดัดสันดาน
ไม่ควรอยู่ในเมืองและใกล้กรุง จึงย้ายไปสร้างใหม่ที่เกาะสีชัง
อาคารที่สร้างไว้จึงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ตั้งโรงเรียนรัฐบาล

กระทรวงธรรมการ จึงโอนนักเรียนจากโรงเรียนวิชาชำนะโฉดมาเรียนแทน
และใช้ชื่อว่า โรงเรียนตัวอย่างมณฑลนครชัยศรี “พระปฐมวิทยาลัย”

เมื่อวันที่  23  มกราคม 2452 เวลา 2552 เวลา 9.00 นาฬิกา
คณะครูโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัยทำพิธีรับมอบนักเรียนจากโรงเรียนวิชาชำนะโฉด
จากหลวงชัยอาญา (โพธิ์ เคหะนันทน์) พะธำมรงค์เรือนจำมณฑลนครชัยศรี
และครูโรงเรียนวิชาชำนะโฉดมอบให้ เมื่อรับมอบแล้วคณะครูโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย
นำนักเรียนเดินแถวมายังโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย…”

ผู้เขียนได้สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม พบข้อมูลที่กล่าวถึงการศึกษาของมณฑลนครชัยศรี
ในระยะเริ่มแรก จากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 26 หน้า 2712-2715 วันที่ 13 มีนาคม รศ 128
ตรงกับ พ.ศ. 2452 เป็นแจ้งความจากแผนกศึกษามณฑล เรื่องทำบุญเปิดโรงเรียน
ตัวอย่างมณฑล โดยกล่าวว่า

และปีถัดมาข้อมูลจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 27 หน้า 1804-1805 วันที่ 30 ตุลาคม
รศ 129 ตรงกับ พ.ศ. 2453 พบแจ้งความจากกระทรวงธรรมการ พแนกกรมศึกษาธิการ
เรื่อง การสร้างส้วมของโรงเรียนตัวอย่างมณฑล โดยกล่าวว่า

………………………………………………

บรรณานุกรม
“แจ้งความกระทรวงธรรมการ แพนกกรมศึกษาธิการ.” (129). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 27,
(30 ตุลาคม): 1804-1805.

“แจ้งความกระทรวงธรรมการ แพนกศึกษามณฑล.” (127). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 25,
(11 ตุลาคม): 805-806.

ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. (2473). เรื่องสนทนากับผู้ร้ายปล้น. ม.ป.ท.:
โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร.

“แพนกศึกษามณฑล.” (128). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 26, (13 มีนาคม): 2712-2715.

เรือนจำกลางนครปฐม. (2552). 111 ปี เรือนจำนครปฐม พุทธศักราช 2552.
(ไพบูลย์ พวงสำลี, ผู้รวบรวมเรียบเรียงและบรรณาธิการ) นครปฐม: เรือนจำกลางนครปฐม.

วรัฏรยา หุ่นเจริญ. (2545). โรงเรียนในสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2411-2468).
ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม. กรุงเทพฯ:
บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

iLaw. (2557, ตุลาคม 6). การศึกษาไทยมาจากไหน? Retrieved from https://ilaw.or.th: https://ilaw.or.th/node/3272 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *