ทริปสายมูกับชาวแก๊งหอสมุดฯ

ปี 2566 นี้ จาได้ทำอะไรครั้งแรกหลายอย่างมาก และวันนี้จาก็จะมาเล่าการเดินขึ้นเขาแบบจริงจังครั้งแรก ทริปในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการชักชวนของชาวแก๊งภูกระดึงประจำหอสมุด พี่เอ๊ะมาถามว่า “ไปถ้ำนาคากันไหม” จาก็คิดอยู่ไม่นานก็ตอบตกลงไปเลย เพราะเททริปภูกระดึงไปแล้ว แต่ก็ยังอยากจะไปเที่ยวฟีลธรรมชาติ ปีนเขาอยู่แล้ว และทริปนี้สู้ชีวิตมาก เราออกเดินทางเย็นวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม แต่ในเช้าวันนั้น จามีไปราชการที่กรุงเทพฯก่อน ในใจก็กลัวกลับมาไม่ทันจะจัดการยังไงดี พี่ ๆ เลยเลื่อนเวลารถออกเป็น 1 ทุ่ม แล้วก็กลับมาทันกลับไปอาบน้ำ และมาเตรียมตัวขึ้นรถ จุดนัดพบเป็นหลังหอสมุดฯ เรานี่แหละ พอล้อรถเริ่มหมุน ก็เตรียมตัวนอนเอาแรงได้ แต่การนอนบนรถเป็นเวลานาน ๆ ก็แอบเมื่อยขาอยู่บ้างนะ (หรือจาเริ่มจะแก่แล้ว 55555)

เราไปถึงบึงกาฬตอนเช้า คุณลุงคนขับก็แวะปั๊มน้ำมันเพื่อให้ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวจะไปขึ้นเขา เพราะเราจองรอบขึ้นไว้ 10.00 น. แต่ก่อนจะไปพบกับไกด์  ก็ไปแวะหาอะไรลงท้องก่อน แล้วก็ตุนเสบียง สำหรับขึ้นไปเติมพลังบนเขาด้วย

หน้าตาของผู้ร่วมทริปของเรา และคุณพี่จุ๋มสุดสวยที่ไม่ได้อยู่ในเฟรมเพราะเป็นคนถ่าย

แล้วเราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติภูลังกา กันแล้ว พี่ไกด์อัธยาศัยดีมาก ๆ ดูแลพวกเราอย่างดี คอยพัดให้ และใครที่สัมภาระเยอะ ๆ ยังช่วยแบกให้อีกด้วย (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของกิน 5555) รวมถึงถ่ายรูปให้เป็นร้อยเลย ระหว่างทางเดินขึ้นเขา ก็จะมีจุดให้แวะพักเหนื่อยเรื่อย ๆ เลยค่ะ ถ้าใครเหนื่อยหรือรู้สึกไม่ไหวก็พักก่อนได้ เราไม่รีบ 555555 นอกจากจุดพักเหนื่อย ก็จะมีจุดที่ให้ถ่ายรูป เป็นมุมฮอตฮิตหลาย ๆ จุด แต่อากาศร้อนใช้ได้เลย เพราะช่วงมีนาคมไม่มีความเย็นหลงเหลือแล้ว เหงื่อชุ่มเหมือนอาบน้ำมา 55555 ถ้าใครจะไปจาแนะนำเป็นช่วงที่อากาศเย็น ๆ น่าจะเดินสบายกว่า ตลอดระยะทางที่เราเดินก็จะมีคนเดินสวนลงมาเรื่อย ๆ เพราะเขาขึ้นไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ความน่ารักของคนที่ผ่านไปผ่านมาก็คือ หลายคนจะยิ้มให้แล้วก็บอกสู้ ๆ นะคะ/ครับ ใกล้ถึงแล้วอะไรแบบนี้ (แต่ทำไมใกล้ถึงมันนานจัง 555555)

แต่แล้วความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่ ป้ายผู้พิชิต ถ้ำนาคา ใช่ค่ะ แล้วเราก็มาถึง เราจะแวะจัดการเสบียงที่เราเตรียมมาจากด้านล่างตรงนี้ ก่อนจะเข้าถ้ำ และความน่ารักที่ชุบชูจิตใจคนเหนื่อยเหงื่อชุ่มทั้งร่างก็คือ กระเป๋าเป้ที่ไกด์สะพายมาตั้งแต่ด้านล่าง เป็นกระเป๋าเก็บความเย็นที่จุทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมแบบเป็นวุ้นเลย ชื่นใจมากที่สุด🥰

พออิ่มท้องอิ่มใจแล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อ ทุกคนดูสิคะ ธรรมชาติเนี่ยสวยงามมากจริง ๆ นะ พื้นที่จาเดินบนนี้จะมีลักษณะเป็นเหมือนเกร็ดเลย แล้วพอมองออกไปสุดขอบฟ้า เป็นอะไรที่สวยมากจริง ๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก ๆ

และหลังจากไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อย ก็ได้เวลาลงจากเขากันแล้ว ตอนขึ้นจาว่าเวลาผ่านไปช้ามาก แต่ตอนลงเหมือนใช้เวลาแปปเดียวเอง เรื่องของเรื่องคือหิวน้ำเย็น ๆ อีกแล้ว 5555555

แต่วันนี้ยังไม่จบวันดีนะ เรายังลากร่างอันโรยแรงไปที่ศาลปู่อือลือ เกาะดอนโพธิ์ บึงโขงหลง กัน ต้องนั่งเรือไปที่เกาะ ด้วยความที่เป็นเวลาแดดร่มลมตกแล้ว บรรยากาศเลยดีมาก ๆ ใกล้น้ำแล้วไม่ร้อนเลย ท้องฟ้าก็สวยมาก ๆ พอถึงเกาะจาก็ได้พบผลไม้ที่ชื่อว่า มะแป่ม พอได้ชิมเท่านั้นแหละ ตาตื่นกลับมามีแรงอีกรอบเลยค่ะ เพราะเปรี้ยวมาก จิ้มพริกกับเกลือก็อร่อยไปอีกแบบ เสียดายลืมถ่ายรูปมาอวดทุกคน พอไหว้เสร็จเรียบร้อยก็เตรียมนั่งเรือกลับมาฝั่ง ไปหาอะไรกิน แล้วก็เข้าที่พัก เพื่อนอนเก็บแรงไว้ลุยกับวันพรุ่งนี้ต่อ

เช้าวันที่ 2 คุณลุงคนขับพาเราไปหาอะไรกินที่ตลาดเช้า แต่จาไม่มั่นใจว่าชื่อว่าอะไร แต่จะมีร้านขายไก่ย่าง เนื้อแดดเดียวย่างเยอะมาก หลายร้านเรียงกัน แล้วก็อร่อยมาก กินกับข้าวเหนียวร้อน ๆ ฟินสุด ๆ พอท้องอิ่มก็เริ่มเดินทางต่อ แล้ววันนี้เราจะไปแวะที่ คำชะโนด จังหวัดอุดรธานี จริง ๆ จาเคยมาคำชะโนดแล้วหนึ่งครั้งเมื่อก่อนที่จะเริ่มเข้ามาทำงานในหอสมุดฯ และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 อะไรหลายอย่างก็เปลี่ยนไปมาก พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ร้านค้าเยอะขึ้นมาก

พอไหว้เสร็จก็มีแวะวัดที่เราผ่านบ้าง แล้วเราก็กลับมาถึงนครปฐมเช้าวันจันทร์ เวลาประมาณตี 1 แล้วทุกคนก็แยกย้ายเอาร่างที่ใช้งานอย่างเต็มที่ไปพักกันค่ะ 555555555 เอาไว้คราวหลังไปผจญภัยที่ไหนมาอีก จาจะมาเล่าให้ฟังนะคะ

ปิดท้ายด้วยอุปกรณ์ยังชีพของทริปนี้ 55555555555

ปล.ขอบคุณภาพจากพี่ ๆ ผู้ร่วมทริปทุกคนค่าาา -/\-

จริณ.