ร้านอร่อย ไปแบบจอยที่เมืองอุบล!! :P

ที่เมืองอุบลมีดีอะไรที่ทำให้คุณนั้นต้องอยากไป? เฉลย ของอร่อยค่า เมื่ออุบลเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องก๋วยจั๊บญวน และข้าวจี่มาก ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้ไปเยือนเป็นครั้งแรกแล้ว ต้องไปจัดสะแล้ว และที่จาตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า “ร้านอร่อย ไปแบบจอยที่เมืองอุบล” ก็เพราะว่าจาไปแบบจอย ๆ สนุก ๆ ไปหาข้อมูลเอาข้างหน้า ไม่ได้รู้มาก่อนหรอกว่าร้านไหนเป็นอย่างไร บางร้านก็ถามข้อมูลจากพนักงานของโรงแรมที่พักนั่นแหละ แต่ก่อนจะอ่านเรื่องนี้ขอเตือนก่อนเลยนะคะว่ากรุณาทำให้ท้องของท่านอิ่มเสียก่อน อย่าหาว่าจาไม่เตือนนะ เอาล่ะเกริ่นมาได้ที่ เรามาเริ่มการเดินทาง(กิน)กันเลย!!

จาเดินทางโดยรถไฟตู้นอนจากสถานีหัวลำโพง (ณ ตอนนี้อาจจะต้องไปขึ้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์แล้ว) นั่งรถเที่ยวกลางคืนเพราะไปถึงเมืองอุบลก็จะเช้าพอดิบพอดี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ขอสารภาพตรงนี้เลยว่า First time ค่าาา ไม่เคยนั่งรถไฟตู้นอนเลย แรก ๆ ก็มีความกังวลเล็ก ๆ แต่พอได้ลองนั่งจริง ๆ แล้วมันสบายมากค่ะทุกคน เราจะข้ามเรื่องรถไฟไปดีกว่า มาเริ่มเช้าวันใหม่ที่สถานีอุบลฯกัน สิ่งแรกที่จาจะทำก่อนเข้าโรงแรม ก็คือ…!! ใช่ค่ะหาของอร่อย ถึงเช้าแบบนี้เรามุ่งไปที่ร้านอาหารเช้าเจ้าดังก่อนเลย

สามชัยกาแฟ

ร้านนี้จริงๆมีอยู่ทั้งหมด 4 สาขาด้วยกัน แต่สาขาที่จาไปคือ สามชัยกาแฟสาขาหน้าศาล จะเป็นฟีลอาหารเช้า มีก๋วยจั๊บญวน ข้าวจี่ ไข่กระทะ โจ๊ก สารพัดของจุ๊กจิ๊ก และมีน้ำชาร้อนบริการให้ฟรีด้วยนะ ช่วงที่ไปคืออากาศดีมาก เย็นสบายสุด ๆ แล้วทุกคนหลับตาจินตนาการตามจานะ อากาศเย็น ๆ นั่งจิบชาอุ่น ๆ ยามเช้า เป็นไงล่ะ สุดจะฟิน (แต่ก็ยังสั่งชาเย็นมาเพิ่มด้วยนะ ชีวิตติดน้ำแข็ง ป้องปากแอบกระซิบ/น้ำแข็งที่นี่อร่อยมาก 55555) อ้อ ลืมบอกไปเลย มานั่งที่โต๊ะแล้วนอกจากชาร้อนก็ยังมีปาท่องโก๋ พร้อมดิปนมข้นหวานมาเสิร์ฟให้ด้วยนะ จาเก็บภาพเมนูที่สั่งมาฝากทุกคนกันด้วย

ร้านแรกอิ่มอร่อยเรียบร้อย ถึงเวลาเดินทางต่อไปที่โรงแรม ถึงที่พักประมาณสาย ๆ แต่โรงแรมให้เช็คอินได้ประมาณ 14.00 น. ก็เลยสอบถามข้อมูลจากทางโรงแรมว่าในระแวกนี้มีร้านคาเฟ่อะไรไหม ประจวบเหมาะมีร้านคาเฟ่ใกล้ ๆ ถัดไปอีกหนึ่งซอยพอดี พี่ ๆ ในแก๊งเลยตัดสินใจกันว่างั้นเราเดินไปที่คาเฟ่นั้นกัน แล้วก็ไปต่อกันเลยค่ะที่ร้านที่สอง

MoonFox Art CaféInn

เป็นร้านคาเฟ่สไตล์ออกแนววินเทจ แล้วมีความโฮมมี่หน่อย ๆ มี 2 ชั้น ด้านบนเป็นเหมือนแกลอรี่ผลงานศิลปะทั้งหลาย และในบริเวณคาเฟ่ยังเป็นโรมแรมเล็ก ๆ น่ารักสไตล์โฮมมี่เช่นกัน เราก็เริ่มเลยไป 4 คน สั่งชาไทยปั่นเพิ่มช็อต(กาแฟ)ไปแล้ว 3 คน ฮ่า ทุกคนได้รับอิทธิพลมาจากจาเองค่ะ 555555 แล้วก็สั่งขนมมาเพิ่มอีกหนึ่งอย่างเป็นซาโมซ่ากล้วย เสียด้ายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ยล แต่จะบอกว่าซาโมซ่ากล้วยเพิ่งทอดเสร็จร้อน ๆ ราดด้วยช็อคโกแลต กัดไปแป้งห่อที่เพิ่งขึ้นจากเตากรอบ ๆ ข้างในเป็นกล้วยฉ่ำ ๆ มันอร่อยมากเลยค่ะทุกคน เป็นไงกลืนน้ำลายตามกันเลยล่ะสิ ขนาดตอนที่จานั่งพิมพ์อยู่ยังรู้สึกหิวเลย 5555555

เรานั่งจิบชาชมงานศิลปะพูดคุยกันสักพัก ก็ได้เวลาอาหารกลางวัน ก่อนออกมาจากโรงแรมนอกจากจะถามข้อมูลร้านคาเฟ่แล้ว ก็ไม่พลาดที่จะถามข้อมูลร้านอาหารระแวกใกล้ ๆ ด้วย แล้วเราก็มาลงเอยที่ร้านนี้ค่ะ

ตำกระเทย Tumkratoei (อุบลราชธานี)

มาถิ่นแคว้นแดนอีสานทั้งที ขอไปชิมของแซ่บอย่างส้มตำกันหน่อย เดินออกมาจากซอยร้านคาเฟ่ไม่ไกล ก็จะเจอกับร้านตำกะเทยแล้ว บรรยากาศร้านค่อนข้างดีเลยค่ะร้านนี้ มีหลายสาขาในจังหวัดแถบภาคอีสานเลยค่ะ พอดูเมนู อันนี้ก็น่ากิน อันนั้นก็น่ากินไปหมด ผลสรุปสุดท้ายเลยมาลงเอยที่ ผัดไทกุ้งสด ตำไทยไข่เค็ม ต้มยำรวมมิตรน้ำข้น และสุดท้ายยำถั่วพู ค่ะ ร้านนี้อาหารทุกอย่างรสชาติถึงพริกถึงขิงมาก รสจัดเลย อย่างจาต้องกินคู่กับข้าวเท่านั้นค่ะ แซ่บมาก แอบเก็บรูปมาฝากเท่านี้ เพราะความหิวไม่รอใครค่ะ 😛

อิ่มในมื้อกลางวันแล้ว คราวนี้ขอกลับไปเช็คอินเข้าห้องพักอาบน้ำครั้งแรกของวันก่อนนะคะ (ก่อนหน้านั้น ใจเราสะอาด อิอิ) อาบน้ำนอนพักผ่อนสักพัก ถึงเวลามื้อเย็นแล้วสิ แต่อาจจะต้องเรียกว่ามื้อค่ำมากกว่า เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากอาบน้ำเสร็จ การนอนพักของจาก็คือการหาร้านอร่อยนั่นเองค่ะ สุดท้ายจาเลยคิดว่าเป็นแหนมเนืองแล้วกันเย็นนี้ เบา ๆ สบายท้องเหมาะกับสายเฮลท์ตี้อย่างเรา (โปรดจงลืมสิ่งที่เข้าปากมาทั้งวันไปค่ะ 5555) จากการทำข้อมูลทั้งหมด แล้วก็มาได้ร้านนี้เลยค่ะ

อินโดจีน

ร้านนี้ที่จาเลือกเพราะมีดีกรีเป็นร้านที่ได้ Michelin Guide Thailand ประจำปี 2023 เราก็นั่งรถมากันเลยค่ะ พอถึงหน้าร้าน พบกับบรรยากาศแสนจะเงียบเหงา โต๊ะโล่งมาก ในใจคือเริ่มเอ๊ะแล้วว่าแบบ ร้านมิชลินเลยนะ ทำไมเงียบจัง ใจไม่ดีเลย แล้วเจ้าของร้านก็เดินมาบอก “ทานอาหารใช่ไหมคะ เชิญด้านนี้เลยค่ะ” เขาก็ให้เราเดินไปอีกทางหนึ่ง สรุปคือต้องเดินเข้าไปข้างในค่ะทุกคน เปิดเข้าไปก็ยังพอมีลูกค้าอยู่บ้าง 2-3 โต๊ะ แต่ก็ยังเอ๊ะอยู่ดีว่าทำไมลูกค้าถึงน้อยจัง แต่ไหน ๆ ก็มาแล้วเราจะไม่ย่อท้อค่ะ เริ่มดูเมนูและสั่งอาหารกันเลย มาร้านแหนมเนืองสิ่งที่จะพลาดไม่ได้ก็ต้องเป็นแหนมเนืองนั่นเอง ต่อมาก็เป็นหมูสะเต๊ะ เป๊าะเปี๊ยะทอด ก๋วยจั๊บญวน รอแค่พักเดียวอาหารก็มาเสิร์ฟแล้ว เร็วมากเลยทุกคน แล้วร้านนี้ก็มีน้ำชามาให้เป็นเหยือกเลย คนที่ชอบดื่มชาคือฟินไปแล้ว อาหารมาแล้วคราวนี้ถึงขั้นตอนสำคัญ ชิมค่ะทุกคน ลุยโลด!

เริ่มที่แหนมเนืองก่อนเลย คือ อร่อยมาก ไม่รู้จะบรรยายยังไง มันอร่อยมาก ที่ร้านให้ผักมาถ้วยบิ๊กเบิ้ม สวรรค์ของคนรักผักเลยค่ะ และอีกสิ่งหนึ่งที่กินคู่กับแหนมเนืองแล้วดีมาก ๆ เลยคือ ใบชะมวงค่ะทุกคน เปรี้ยวๆ มัน ๆ เคี้ยวไปเรื่อย ๆ ออกรสออกชาติสุด ๆ เราไปต่อกันที่เป๊าะเปี๊ยะทอดกัน ไส้แน่นกำลังดี กรอบมาก จิ้มกับน้ำจิ้มแบบเวียดนามคือเลิศไปเลยค่ะ ในส่วนของหมูสะเต๊ะนั้น เครื่องเทศคือบอกได้คำเดียวว่า แน่น! หอม! (ขออีกคำแล้วกัน) ใครที่ชอบกลิ่นเครื่องเทศคือห้ามพลาดเลย และสุดท้ายจะไม่พูดถึงไม่ได้ การที่ได้ซดน้ำร้อน ๆ หอมพริกไทย กับหอมเจียวก็คือดี! ซึ่งนั่นก็คือของดีเมืองนี้ “ก๋วยจั๊บญวน” นั่นเองค่ะ  แล้วสุดท้ายที่ร้านคนน้อยก็เพราะว่าร้านใกล้ถึงเวลาปิดแล้วนั่นเองค่ะ คนอื่นเค้าอาจจะมากินจนอิ่มแล้วกลับบ้านไปกันหมดแล้ว 555555

ถือว่าเป็นการจบมื้อสุดท้ายของวันได้ดีมากเลยค่ะ อิ่มอร่อย สบายท้องมาก ที่สำคัญราคาดุจญาติสนิทมิตรสหายสุด ๆ เลยค่า เท่านี้ก็มีกำลังใจในการทำงานในวันต่อไปแล้วค่ะ ก่อนจากกันจาเก็บภาพแสงยามเช้าผ่านระเบียงโรงแรมจากอุบลฯ มากฝากทุกคนด้วยนะคะ ตื่นเช้ามาได้กินของอร่อย ๆ ต่อสู้กันไปในทุก ๆ วัน ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีนะคะ 🙂

สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป กราบเรียนเชิญนะคะ บอกเลยว่าเด็ด! และใครที่กำลังอ่านแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ สามารถติดตามสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ

จริณ.