ประสบการณ์ Detox ล้างลำไส้

ปัญหาสุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากมีและอยากหนีให้ไกล แต่เชื่อว่าหลายๆ คน มีปัญหาสุขภาพที่หนัก-เบา แตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นชื่อว่าปัญหา แน่นอนว่าจะต้องเป็นสิ่งที่ก่อกวนในการใช้ชีวิตประจำวันไม่มากก็น้อย สำหรับปัญหาสุขภาพของผู้เขียน (หนึ่งในหลายปัญหา) นั่นคือ อาการท้องผูก

เนื่องจากตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างทานยาก ไม่ชอบผัก ทานน้ำเปล่าและผลไม้น้อย การใช้ชีวิตประจำวันที่ค่อนข้างเร่งรีบ รวมถึงการทำอะไรที่กำลังติดพันแล้วชอบอั้นเป็นประจำ ทำให้เกิดปัญหาท้องผูก ถ่ายยาก ถ่ายแล้วมีกลิ่นแรง ซึ่งมีอาการแบบนี้มาเนิ่นนาน ลองแก้ด้วยการทานยาระบาย ก็ทานไปเรื่อย ๆ จนดื้อยา ลองตั้งใจดื่มน้ำให้มากขึ้น แต่ก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง และยังคงมีอาการเรื่อยมา เคยอ่านเจอที่คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่า “เวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจบางศพ มีน้ำหนักอุจจาระถึง 10 กิโล” ทำให้นึกถึงตัวเองว่าเราจะมีของเสียตกค้างอยู่ในร่างกายมากแค่ไหนนะ ประกอบกับเคยอ่านบทความเจอว่า ครอบครัวที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีความเสี่ยงในการติดต่อทางพันธุกรรมได้ ซึ่งคุณพ่อได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสำไส้ใหญ่ไปเมื่อปี 2563

จนอาการล่าสุด คือ มีอาการปวดท้องถ่ายแต่ถ่ายได้น้อย และปวดท้องอยากถ่ายอยู่ตลอดเวลา  จึงลองศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงใจก่อนตัดสินใจไปทำ Detox หรือล้างลำไส้เพื่อการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ที่โรงพยาบาลยันฮี

วันนี้เลยจะมาเล่าประสบการณ์ของการไปทำ Detox ให้คนที่สนใจอ่านกันค่ะ

  • ขั้นตอนที่ 1  โทรไปสอบถามข้อมูลจากโรงพยาบาล และนัดวัน เวลา ที่จะเข้าไปล่วงหน้าเพื่อเป็นการจองคิว
  • ขั้นตอนที่ 2  เมื่อเดินทางไปถึงโรงพยาบาล ให้ติดต่อที่ชั้น 1 เพื่อกรอกประวัติคนไข้ และโรงพยาบาลจะออกบัตรคนไข้ให้ จากนั้นมีพยาบาลเดินไปส่งที่ ชั้น 7 ศูนย์ล้างลำไส้
  • ขั้นตอนที่ 3  พยาบาลจะซักประวัติและวัดความดัน  จากนั้นนั่งรอพบแพทย์ก่อนทำการ Detox

  • ขั้นตอนที่ 4  พบแพทย์เพื่อซักประวัติเกี่ยวกับอาการ คุณหมอได้อธิบายถึงสาเหตุการท้องผูก อธิบายขั้นตอนและอุปกรณ์ที่ใช้ในการ Detox พร้อมแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังจากทำการ Detox เสร็จแล้ว
  • ขั้นตอนที่ 5  พยาบาลจะพาไปที่ห้องสำหรับการทำ Detox ซึ่งมีทั้งห้องแบบเดี่ยว สำหรับคนที่ไปคนเดียว และต้องการความเป็นส่วนตัว   แต่ถ้าใครไปกับเพื่อนก็มีห้องแบบ 2 เตียงคู่ ทำพร้อมกันได้เลย

   

  • ขั้นตอนที่ 6  เมื่อเข้าห้องเรียบร้อย พยาบาลจะแนะนำการใช้เตียง และให้เปลี่ยนเสื้อผ้าของทางโรงพยาบาลเพื่อความสะดวกในการ Detox เมื่อพร้อมแล้วให้กดออดเรียกพยาบาลได้เลยค่ะ ภายในห้องที่ทำ Detox เป็นห้องที่มิดชิด มีเตียงที่ออกแบบมาสำหรับการล้างสำไส้โดยเฉพาะ มีโถรองของเสีย ที่ไหลออกมาตามท่อ ซึ่งเราสามารถเห็นของเสียที่ออกมาได้ทางท่อ

   

     

  • ขั้นตอนที่ 7  มาถึงขั้นตอนสำคัญ!!!! ซึ่งทุกขั้นตอนต่อไปเราสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา คุณพยาบาลจะเข้ามาสอดหลอดสวนเข้าทางทวารหนัก ขั้นตอนนี้ไม่เจ็บค่ะ เพราะมีการทาสารหล่อลื่นที่ปลายหลอด จากนั้นพยาบาลจะเปิดให้น้ำอุ่นเข้าลำไส้ช้า ๆ ให้เรากลั้นอุจจาระประมาณ 5-10 วินาที และเมื่อรู้สึกอยากถ่ายให้ถ่ายได้ทันที เมื่อเราเบ่งน้ำและของเสียจะไหลออกทางทวารหนักผ่านข้าง ๆ หลอดสวน ให้ทำซ้ำแบบนี้จนน้ำในเครื่องหมด ในการทำแต่ละครั้งจะให้น้ำอุ่น 25 ลิตร (ในครั้งแรกจะผสมน้ำเกลือแร่ และครั้งต่อไปจะผสมด้วยกาแฟสกัด) ระหว่างการถ่ายเราสามารถมองผ่านกระจกเห็นของเสีย ซากตะกรัน เศษอาหารที่ถ่ายไหลผ่าน  สิ่งเหล่านี้คือ สารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกาย  ขั้นตอนนี้พยาบาลจะถามว่าต้องการให้อยู่ด้วยไหม ถ้าเขินก็บอกพยาบาลได้ค่ะ พยาบาลจะไปรอด้านนอก และรอเรากดออดเรียก เมื่อน้ำในเครื่องหมดไป เหลือ 10 ลิตร ให้เลื่อนคันโยกปิดน้ำ พยาบาลจะเข้ามานวดหน้าท้อง เพื่อเคลื่อนไหวลำไส้ให้ตะกรันที่จับเป็นคราบได้หลุดออกจากผนังลำไส้และขับถ่ายของเสียออกมา เมื่อน้ำหมดถังแล้ว พยาบาลจะทำการถอดสายสวนออกและให้เราถ่ายจนหมดก่อนจึงทำความสะอาดร่างกาย

จากนั้นสามารถกลับบ้านใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ  ในช่วงแรกคุณหมอแนะนำให้ทานอาหารอ่อนๆ งด ชา กาแฟ น้ำอัดลม  ในช่วง2-3 วันแรก จะมีอาหารท้องอืดบ้าง แล้วอาการจะดีขึ้นค่ะ

    

อาหารหลัง Detox ค่ะ

หมายเหตุ :

  • ก่อนทำ Detox ไม่ต้องอดอาหารไปก่อนนะคะ ทานได้ตามปกติ ครั้งแรกที่ไป Detox ไม่ได้ทานอาหารไปก่อนคุณหมอจึงให้ลงมาทานก่อน เวลาทำ Detox จะได้ไม่เกิดอาการคลื่นไส้
  • ค่าใช้จ่าย 1 ครั้ง 1,300 บาท (มีราคาแบบเป็นคอร์ส ด้วยค่ะ)