ทุกคนทุกครอบครัวต้องเคยกินผัก การกินผักสิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ “การล้างผัก” ผักที่หาซื้อมาจากท้องตลาด ไม่ใช่ว่าจะสะอาดปลอดภัย มักมีสารเคมี สารพิษ ยาฆ่าแมลง และอื่นๆ ตกค้างอยู่บนลำต้นและใบของผัก ซึ่งสารเคมีและสารพิษเหล่านั้นมาจากกระบวนการเพาะปลูกผักก่อนจะมาถึงมือผู้บริโภคอย่างเรา หรือแม้แต่เชื้อโรคในอากาศที่อาจติดมาจากกระบวนการขนส่งผักจากสวนมาขายในตลาด ก่อนจะมาสู่ครัวของเรา
โดยส่วนตัวที่บ้านผู้เขียนมักมีผักที่ใช้ทำอาหาร และผักสดเป็นเครื่องเคียงในการกินอาหารในแต่ละมื้อ มีทั้งผักที่ซื้อมาจากตลาด และผักที่ปลูกเองในบ้าน ซึ่งผักที่ซื้อมามีทั้งที่ปลูกในสวนทั่วไป ผักที่ปลูกแบบออแกนนิค ผํกที่ชาวบ้านปลูกในสวนหลังบ้านแล้วนำมาขาย ซึ่งผักเหล่านี้ไม่มีอะไรมาการันตีว่า สะอาดปลอดภัย หรือแม้แต่ผักที่ผู้เขียนปลูกเองในสวนหลังบ้าน ก่อนจะนำมาบริโภคควรต้องล้างทำความสะอาดเสียก่อนทุกครั้ง
วันนี้ผู้เขียนเลยจะมารวบรวมวิธีการล้างผัก ก่อนนำมาปรุงอาหารหรือกินสดๆ กัน เพื่อความปลอดภัย และเพื่อสุขภาพที่ดีของเรากันค่ะ
วิธีการล้างผักที่สามารถรวบรวมมาได้ มี 7 วิธีด้วยกันค่ะ ผู้เขียนจะเรียงตามค่าความสะอาดและปลอดภัยจากน้อยไปหามาก
วิธีที่หนึ่ง ล้างผักด้วยน้ำหรือการแช่น้ำ
การแช่ผักในน้ำเป็นวิธีพิ้นฐานที่สุด แต่ก็มีบางคนที่ทำไม่ถูกต้องโดยแช่ผักไว้แค่ครู่เดียว แล้วก็นำไปทำอาหารหรือกินทันที การแช่ผักในน้ำ วิธีที่ถูกคือ ต้องล้างผักในน้ำเสียก่อน หรือล้างในน้ำไหลก่อน หากเป็นผักที่มีใบ ต้องเด็ดผักเป็นใบๆ ก่อน ล้างน้ำไหลแล้วค่อยนำไปแช่ในภาชนะ โดยต้องแช่ทิ้งไว้ 15-20 นาที วิธีนี้ช่วยลดสารตกค้างได้ประมาณ 7-33%
วิธีที่สอง ล้างผักด้วยเกลือ
น้ำเกลือสามารถนำมาล้างผักได้ โดยใช้เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำสะอาด 4 ลิตร จากนั้นจึงนำผักมาแช่ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วค่อยนำไปล้าง โดยวิธีการเปิดน้ำไหลผ่านหรือวิธีแช่น้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ประมาณ 27-38%
วิธีที่สาม ล้างผักด้วยด่างทับทิม
การล้างผักผลไม้ด้วยด่างทับทิม หรือโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต (Potassium permanganate) บางคนอาจกลัวอันตรายที่เกิดจากการสูดดมสารจากด่างทับทิมและคิดว่าด่างทับทิมอาจทำให้ผักเหี่ยวง่าย แต่วิธีนี้มีวิธีการง่ายคือ การใช้ด่างทับทิมในปริมาณที่เหมาะสม ประมาณ 20 เกล็ด หรือแค่ใช้ปลายช้อนด้านด้ามของช้อนสั้น ตักด่างทับทิมผสมกับน้ำสะอาด 4 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วนำไปล้างด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ประมาณ 35-43%
วิธีที่สี่ ล้างผักด้วยการใช้น้ำไหลผ่าน
วิธีนี้คนนิยมกันมาก และง่ายที่สุดเหมือนกัน แต่ก็ยังมีคนทำผิดวิธีอีกเหมือกัน การล้างผักด้วยวิธีนี้ หากเป็นผักที่มีใบก็ต้องเด็ดผักเป็นใบๆ ออก แล้วค่อยนำผักไปใส่ภาชนะ เช่น ตะกร้า แล้วเปิดให้น้ำไหลผ่าน ระหว่างนั้นใช้มือถูใบผัก หรือผิวของผัก ส่วนผักที่เป็นผลหรืเป็นลูกๆ นำไปใส่ตะกร้า ล้าง และถูเบาๆ เพื่อช่วยทำความสะอาด วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ประมาณ 25-63%
วิธีที่ห้า ล้างผักด้วยน้ำยาล้างผัก
ปัจจุบันมีน้ำน้ำยาล้างผักผลิตออกมาขายโดยเฉพาะ มีขายตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าบางแห่ง ส่วนการใช้น้ำยาล้างผัก สามารถใช้น้ำยาที่มีความเข้มข้น 0.3% ผสมกับน้ำสะอาด 4 ลิตร นำผักมาแช่ทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นนำผักไปล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ประมาณ 25-70%
วิธีที่หก ล้างผักด้วยน้ำส้มสายชู
การใช้น้ำส้มสายชูล้างผัก เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ผักสะอาดและปลอดภัย ใช้น้ำสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้น 5% ผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1 : 10 จากนั้นนำผักมาแช่ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ควรแช่ในภาชนะที่เป็นสแตนเลส ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติก เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรดค่ะ วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ประมาณ 60-84%
วิธีที่เจ็ด ล้างผักด้วยเบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา หรือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) ที่ใช้ในการทำขนมหรือหมักเนื้อให้เนื้อ สามารถนำมาใช้ล้างผักได้ โดยใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำสะอาด 10 ลิตร แล้วจึงนำผักมาแช่ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วนำไปล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ประมาณ 90-95%
แหล่งอ้างอิง :
https://www. shopback.co.th/blog/diy-วิธีล้างผักให้สะอาด/
http://biopharmshop.com/5-วิธี-ล้างผัก-สะอาด-เพื่อ/
https://www.baanlaesuan.com/163925/diy/easy-tips/how-to-clean-fruits-vegetables
https://www.lovefitt.com/tips-tricks/วิธีการล้างผักอย่างปลอดภัย/
ตัวอย่างของการล้างผักด้วยด่างทับทิม
ตัดผักที่จะล้าง แช่ในน้ำผสมด่างทับทิม
ผักที่เป็นผักใบต้องเด็ดก่อนแช่ หลังจากแช่ ล้างให้น้ำหลายๆ น้ำให้สะอาด