พลังบวก

หลายครั้งที่เมื่อเปิด facebook ของตัวเองเพื่อดูหรืออ่านข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ นอกจากจะเห็นความเคลื่อนไหวของเพื่อน ๆ ที่เป็นเพื่อนกันบน facebook แล้ว ยังได้เห็นพวกโฆษณา คลิป สปอยภาพยนตร์ หรือ content จากเพจต่าง ๆ ด้วย ข้อมูล หรือ content ส่วนใหญ่จะมีพลังอำนาจในตัวเองเสมอ ขึ้นอยู่ว่าผู้สร้างจะมีวัตถุประสงค์อะไร ตัวดิฉันเองสนใจ content ที่ส่งพลังในเรื่องการตอบสนองความชอบของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ปฏิบัติอยู่ หรือที่เป็นกิจกรรมที่ชอบ หรือ content ที่ส่งพลังที่สร้าง Positive Thinking ก็จะตั้งใจดูเป็นพิเศษ ยกตัวอย่าง เข่น

ในรายการ Got Talent ของประเทศต่าง ๆ ก็มักจะมีผู้เข้าแข่งขันที่มี drama อยู่เสมอ แต่บางคนก็ทำให้กรรมการและคนดูมีอินเนอร์ตามโดยไม่มีอคติได้ เคยได้ดู America’s Got Talents  ที่ Jane Marczewski ร้องเพลง It’s Ok ของวง Night birde’s นอกจากสำเนียงการร้องเพลง เสียงและท่าทางที่ถ่ายทอดออกมา มันบอกว่า “I’m OK “ “It’s alright”  จริง ๆ และพูดว่า “I decide to be happy” และหลังจากที่ได้ Golden Buzzer ไปแล้ว เธอได้พูดกับพิธีกรหลังฉากว่า  “I have 2% to survive but 2% is not 0%, 2% is something”  เช่นเดียวกับโฆษณายาสีฟันที่นำเสนอความคิดบวกของน้องธันย์ ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ ที่ประสบอุบัติเหตุตกรางรถไฟที่สิงค์โปร์  น้องธันย์เป็นคนคิดบวกมากมาตั้งแต่แรกจริง ๆ ไม่ใช่เมื่อเกิดความพลิกผันของชีวิตแล้วถึงจะพยายามคิด เห็นยิ้มของน้องแล้ว คนดูต้องยิ้มตามและรับพลังอำนาจที่บอกให้ทุกคนต้องสู้ ต้องมีชีวิตที่คุ้มค่า แค่เปลี่ยนทัศนคติ น้องทำงานในตำแหน่งผู้สำรวจความสุขของคนไข้ในโรงพยาบาล  อีกคนหนึ่งคือ ฝ้าย บุญธิดาบิวตี้บล็อกเกอร์เท้าทอง เสียงหัวเราะของเธอมีอำนาจแห่งความสุข ที่จะส่งต่อให้ผุ้อื่นได้ด้วย ฝ้ายบอกว่า “เครียดไปก็เท่านั้น เครียดไปก็ไม่สวย”

                                     

การเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจที่ดีนั้น น่าจะมาจากการถ่ายทอดจากคนที่มีประสบการณ์ตรง ไม่ใช่มาจากนักพูด เพราะมาจากอินเนอร์ ไม่ต้องคิดปรุงแต่งในสมอง คนแรก ๆ ที่เคยได้ฟังเลยคือ Nick Vujicic ส่วนที่ไม่ต้องใช้คำพูดใด ๆ เลย และทรงอำนาจมาก คือนักกีฬาพาราลิมปิกทุกคน

                       

นอกจากผู้คนแล้ว หนังสือก็เป็นสื่อที่สามารถส่งพลังบวกให้ผู้คนได้เช่นกัน คำพูดที่ว่า ‘หนังสือเปลี่ยนชีวิต’ มีจริง นักอ่านหนังสือส่วนใหญ่ เปลี่ยนทัศนคติต่อบางเรื่อง ได้แนวคิด วิธีการแก้ปัญหา จากการอ่านหนังสือ หนังสือที่มีอำนาจพลังบวก ที่เคยอ่านและนึกได้คือ เดินสู่อิสรภาพ ของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์, โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง, ต้นส้มแสนรัก และวรรณกรรมฝรั่งเศสเรื่อง Notre Dame de Paris (เล่มนี้ได้อ่านตั้งแต่ตอนเรียน)   มีใครดูภาพยนตร์แล้วร้องไห้ หรือบางเรื่องเครียดตามบ้าง ภาพยนตร์ก็เป็นสื่อที่คนดูต้องรับการส่งต่อความคิดจากนักแสดง นักแสดงที่เก่ง ๆ ก็จะทำให้คนดูรู้สึกตามไปด้วย  ตัวดิฉันเองไม่ค่อยได้ดูภาพยนตร์มากนัก ที่นึกได้ก็มี forest Gump, 3 idiots, แม้กระทั่งซีรีย์เรื่องพระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก ที่ตัวเองคิดว่ามีพลังอำนาจมากทีเดียว

                       

แม้แต่เราตอนนี้ อยู่ระหว่างการระมัดระวัง ต้องแยกตัวเองออกจากคนในบ้าน แยกที่อยู่ ที่กิน จะหยิบจับอะไรในบ้านเสร็จแล้วต้องฉีดแอลกอฮอล์ ใส่หน้ากากตลอดเวลา  WFH ท่ามกลางอากาศอบอ้าว แทบจะไม่มีกะจิตกะใจทำงาน แต่พอนึกถึงคนด่านหน้าทั้งหลาย ทั้งที่ทำตามหน้าที่และที่เป็นจิตอาสาแล้ว ก็รู้สึกว่าได้รับพลังความคิดบวก ให้รู้สึกทุกข์ร้อนน้อยลง