Like Stars on Earth

      Like Stars on Earth เป็นภาพยนตร์อินเดีย (Taare Zameen Par) มีความยาวถึง 165 นาที เสียงในฟิล์มเป็นภาษาฮินดี มี subtitle เป็นภาษาอังกฤษ เป็นภาพยนตร์อินเดียแบบยาว ๆ เรื่องที่สองที่ดิฉันได้ดู นำแสดงโดย อาเมียร์ ข่าน (คนเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง 3 idiots ที่ดิฉันเคยเล่าให้อ่านไว้แล้ว) วันนี้จะมา spoil ภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ  Like Stars on Earth เป็นเรื่องของครอบครัว Awasthi ที่ดูว่าน่าจะมีฐานะดีทีเดียว เพราะมีบ้านหลังใหญ่ มีรถพร้อมคนขับรถ แต่งกายดี ครอบครัวนี้ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูกชาย 2 คน พ่อมีบุคลิกเป็นเผด็จการ แม่เป็นแม่บ้านดูแลความเรียบร้อย อาหาร การแต่งกายสำหรับทุกคน ลูกชายคนโตเรียนเก่ง กีฬาเก่ง แต่ปัญหาอยู่ที่ลูกชายคนเล็กที่ชื่อ อิชาน (Ishaan) อายุ 8 ขวบ อิชานขึ้นรถโรงเรียนไปโรงเรียน มีแต่คนอื่นคอยแกล้ง เมื่ออิชานไม่ยอม เกิดชกต่อยกันขึ้น อิชานก็โดนลงโทษและถูกพ่อตบหน้า อิชานชอบวาดรูปแต่พ่อเห็นว่าไร้สาระ ในห้องเรียน อิชาน ดูหนังสือบนกระดานดำมันเต้นระบำไปหมด กลับซ้ายเป็นขวา กลับหน้ากลับหลัง ทำให้ไม่สามารถสะกดคำที่ถูกต้องได้ วิชาเลขอิชานก็เห็นตัวเลขวิ่งไปมา แล้วก็เลยจินตนาการไปเป็นภาพเคลื่อนไหวไปหมด จนบวกเลขผิด ดังนั้นในแต่ละวิชา อิชานจึงถูกทำโทษให้ไปยืนอยู่หน้าประตูห้องเสมอ (อิชานเรียนซ้ำชั้น ป.3 มา 2 ปีแล้ว) ปีนี้ครูเรียกพ่อกับแม่ไปพบ และบอกว่าให้อิชานออกไป ไม่สามารถให้อิชานเรียนที่นี่อีกได้

พ่อพาอิชานไปอยู๋โรงเรียนประจำ ซึ่งอิชานเสียใจมากที่ถูกทอดทิ้ง (แม้แม่กับพี่ชายจะสงสารแต่ก็ไม่สามารถคัดค้านพ่อได้) ที่โรงเรียนใหม่ อิชานก็ยังเรียนไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม ไม่ทำงานไม่พูดกับใคร แต่มีเพื่อนที่นั่งเรียนคู่กับอิชาน ที่คอยคุยให้กำลังใจอิชานเสมอ เพื่อนคนนี้ขาพิการและเป็นเพื่อนคนเดียวที่อิชานมี จนวันหนึ่งครูสอนศิลปะไม่อยู่และมีครูชั่วคราวมาสอนแทน ชื่อ Ram Ram เป็นครูสอนศิลปะที่โรงเรียนสอนเด็กพิเศษ จึงสังเกตเห็นความไม่ปกติของอิชาน จนขออนุญาตครูใหญ่ทำการสอนอิชานเป็นพิเศษ จน Ram ลงความเห็นว่า อิชานเป็น dyslexia

Ram ไปหาพ่อกับแม่อิชานที่ต่างเมือง และพยายามอธิบายให้ฟังว่าอิชานเป็นอย่างไร แต่พ่อยังมีทิฐิ ไม่ยอมเข้าใจ แต่แม่เอารูปที่อิชานวาด ให้ Ram ดู  Ramดูแล้วพบว่าอิชานมีความสามารถในการใช้สี และการใช้จินตนาการมาก โดยเฉพาะสมุดบันทึกที่อิชานวาดรูปครอบครัว แต่เมื่อกรีดหน้ากระดาษ รูปตัวอิชานจะค่อย ๆ เลือนหายไป Ram สงสารอิชานมาก จึงกลับมาหาทางช่วยอิชานต่อ ก่อนอื่น Ram พูดในห้องเรียนว่า พวกเรารู้จักใครที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้บ้างหรือไม่ ทุกคนก็นึกถึงแต่อิชาน ตัวอิชานเองก็นึกถึงตัวเองเหมือนกัน แต่เมื่อ Ram ยกรูปคนให้ดู เด็กทุกคนตะโกนว่า อัลเบริ์ต ไอน์สไตน์ (อิชานที่นั่งก้มหน้าอยู่ เพราะคิดว่าเพื่อน ๆ ต้องบอกชื่อตัวเอง รีบเงยหน้าขึ้น ทำตาโต) Ram บอกต่อว่า ใครที่เป็นคนคิดเรื่องหลอดไฟ อิชานชิงตอบว่า เอดิสัน ทำให้อิชานยิ้มได้ และมีความมั่นใจมากขึ้น ต่อจากนั้น Ramหัดให้อิชานสังเกตตัวอักษรด้วยการวาดด้วยนิ้วมือลงบนทราย เขียนด้วยนิ้วมือบนแขนตัวเอง แล้วออกเสียงตาม หัดสังเกตจากการปั้นดิน วันหนึ่ง Ram ตัดสินใจจะช่วยให้อิชานรู้สึกมั่นใจ มีตัวตน และให้คนอื่น ๆ แสดงการยอมรับในตัวตนของอิชาน จึงจัดงานประกวดวาดภาพขึ้น ภาพที่ชนะจะได้ถูกทำเป็นปกรายงานประจำปีของโรงเรียน สุดท้ายภาพของอิชานก็ชนะเลิศ ส่วนภาพของRam ซึ่งวาดภาพหน้าของอิชานที่กำลังสดใสรื่นเริงถูกทำเป็นปกหลังของรายงาน อิชานออกไปรับรางวัลบนเวทีที่อยู่ต่อหน้าทุกคน ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง อิชานยิ้มและหันไปกอด Ram อย่างขอบคุณ

วันสุดท้ายที่โรงเรียน พ่อกับแม่มารับอิชาน และพบว่าลูกเปลี่ยนแปลงไป ต่างขอบคุณ Ram และพากันกลับบ้านอย่างมีความสุข

ภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากให้คนอื่น ๆ ได้ดูด้วยจัง และดูจากความรู้สึกตัวเองแล้ว เคยคิดว่า เด็กบางคนมีลักษณะก้าวร้าว ทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อน เข้าสังคมไม่ได้ ไม่มีสมาธิเรียน บางทีมีบุคลิกกวน…..เด็กเหล่านี้ไม่น่ารักเอาเลย แต่พอเห็น Ishaan แล้ว ทำให้ต้องคิดใหม่ว่า เด็กบางคนที่มีลักษณะอย่างนี้อาจกำลังต้องการความรัก ความเข้าใจจากครอบครัว ต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคนที่เข้าใจ ดูตอนจบแล้ว ต้องยิ้มพร้อมน้ำตาทีเดียว